วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 สังคมไทยได้พิพากษาตัดสินแล้วว่าจะเลือกเดินในทิศทางใด การขึ้นมานำการเมืองของกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และสมาชิกและแกนนำพรรคก้าวไกล” อาจจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ไม่มีอะไรต้องตื่นตระหนก หวาดหวั่น
ประเทศไทยเปลี่ยนใหม่ ไม่เหมือนเดิม จะเป็นการเปลี่ยนในด้านไหน จะเกิดขึ้นจริงหรือ
สิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองวนเวียนจนเป็นลูปหล่มไปเสียแล้ว โดยเฉพาะการเมืองของคนเมืองอย่างผลการเลือกตั้งใน 33 เขตกรุงเทพมหานคร อย่างแรกเราต้องยอมรับว่าคนเมืองตื่นตัวเรื่องการเมือง จมูกไว หอมขี้ก้อนใหม่เสมอมา
เมื่อปี 2522 ภายหลังการปฏิวัติรัฐประหารโดยคณะปฏิวัติภายใต้การนำของ “อินทรีบางเขน-พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์” โค่นล้มรัฐบาลหอยของ “ธานินทร์ กรัยวิเชียร” ... “จมูกชมพู่ผ่าซีก-สมัคร สุนทรเวช” ขุนพลฝีปากกล้าที่ทิ้งปรมาจารย์การเมืองอย่างเตมีย์ใบ้-ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้รัฐบาลนายธานินทร์ที่ร่วมกับบิ๊กจอวส์-พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ โค่นล้มรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
“จมูกชมพู่ผ่าซีก-สมัคร สุนทรเวช” และสมาชิกพรรคปชป.คนสำคัญจำนวนหนึ่ง อาทิ “หมูหิน-สมบุญ ศศิธร” แยกออกมาตั้ง “พรรคประชากรไทย” เดินการเมืองลักษณะขวาจัดคานอำนาจฝ่ายซ้ายที่ฝังตัวอยู่ในขบวนการนักศึกษาเวลานั้น การเมืองของคนกทม.ก็ตื่นก้อนขี้หมาเทคะแนนเสียงให้พรรคประชากรไทย “แลนด์สไลด์” พื้นที่เลือกตั้งกทม.เหลือที่นั่งไว้ให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่าง “พรรคประชาธิปัตย์” 1 ที่นั่งสำหรับ “พันเอก ถนัด คอมันตร์” ที่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อจากเตมีย์ใบ้
9 ปีต่อมาถึงจุดอิ่มตัว “ระบอบขวาจัดกษัตริย์นิยม” เริ่มคลายอิทธิพลเช่นเดียวกับความตกต่ำสุดขีดของฝ่ายซ้ายและขบวนการนักศึกษา เกิดขี้หมาก้อนใหม่ “พรรคพลังธรรม ของ พลตรีจำลอง ศรีเมือง” การเมืองภาพลักษณ์ใหม่“เดินสายกลางถือธรรมะติดดิน” ชาวเมืองหลวงจมูกไวต่อกลิ่นหอมขี้หมาใหม่ก็เทใจจน “พรรคประชากรไทยพังพาบ” กวาด 32 ที่นั่ง จาก 35 ที่นั่ง สส.กทม. เว้นวรรคให้ สมัคร สุนทรเวช, ดร.ลลิตา ฤกษ์สำราญ ของพรรคประชากรไทย และอีกที่นั่งของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามานั่งในสภาหินอ่อน
ไม่นานนัก “พรรคพลังธรรม” ก็พังพาบกลายมาเป็นถิ่นสวรรค์ของ “ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม-พรรคประชาธิปัตย์” อีกครั้ง แล้วก็เทใจให้ “พรรคไทยรักไทยกับระบอบทักษิณ” ก่อนตาสว่างลุกขึ้นมารวมกันขับไล่ไทยรักไทยในสีเสื้อ “เพื่อไทย” อย่างการเลือกตั้งครั้งล่านี้คนกรุงจมูกไวได้กลิ่นขี้หมาหอมก้อนใหม่ก็เทใจครั้งสำคัญจนเกิดปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ในพื้นที่เลือกตั้งกรุงเทพมหานคร แทบไม่มีที่นั่งให้พรรคเพื่อไทย (1 ที่นั่ง) และประชาธิปัตย์ (สูญพันธุ์)
แต่เมื่อฉันทามติออกมาให้ “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และพรรคก้าวไกลทำหน้าที่จัดตั้งรัฐบาล ก็คงต้องเป็นไปตามประสงค์ของมวลมหาประชาชน
ทว่า 14 ล้านเสียงที่เลือกท่านทั้งหลายไม่ใช่มติมหาชนที่พวกท่านจะนำไปอ้างดำเนินการใดก็ได้ เพราะนั่นถือว่าผิดวัตถุประสงค์ เพราะ 14 ล้านกว่าเสียงแค่ชื่นชมนโยบายบางส่วนของท่านเท่านั้น ที่สำคัญ “อินทรีอันตราย” กำลังคืบคลานแสวงหาอำนาจบนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารเพื่อต่อสู้กับการขยายอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน
หากจะแก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้ยุติการนำกฎหมายมาใช้เป็นอาวุธทางการเมือง ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทก็เป็นเรื่องที่สังคมไทยรับได้ในระดับหนึ่ง
ทว่าอย่าชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านเด็ดขาด

ทหารไทย ทำลาย บันไดไม้ 1,181 ขั้น ของเขมร บน ปราสาทคนา
ธรรมนัส สวน เท้ง อยู่ในเวทีการเมืองมา ศัตรูหมู่มารในการเมือง จบไม่สวยสักคน เวรกรรมตามสนอง
อนุทิน ร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ่าเริง เพื่อนร่วมรบเผย ร้องเพลงที่แต่งให้ฟัง ก่อนขึ้นเนิน 350
กลาโหมกัมพูชา ส่งหนังสือทางการถึง กลาโหมไทย ขอเจรจาหยุดยิงตามกลไก GBC
กัมพูชา ยิง ปืนใหญ่ BM 21 ถล่ม สระแก้ว ตลอดทั้งวัน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี