ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 สังคมไทยได้พิพากษาตัดสินแล้วว่าจะเลือกเดินในทิศทางใด การขึ้นมานำการเมืองของกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และสมาชิกและแกนนำพรรคก้าวไกล” อาจจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ไม่มีอะไรต้องตื่นตระหนก หวาดหวั่น
ประเทศไทยเปลี่ยนใหม่ ไม่เหมือนเดิม จะเป็นการเปลี่ยนในด้านไหน จะเกิดขึ้นจริงหรือ
สิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองวนเวียนจนเป็นลูปหล่มไปเสียแล้ว โดยเฉพาะการเมืองของคนเมืองอย่างผลการเลือกตั้งใน 33 เขตกรุงเทพมหานคร อย่างแรกเราต้องยอมรับว่าคนเมืองตื่นตัวเรื่องการเมือง จมูกไว หอมขี้ก้อนใหม่เสมอมา
เมื่อปี 2522 ภายหลังการปฏิวัติรัฐประหารโดยคณะปฏิวัติภายใต้การนำของ “อินทรีบางเขน-พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์” โค่นล้มรัฐบาลหอยของ “ธานินทร์ กรัยวิเชียร” ... “จมูกชมพู่ผ่าซีก-สมัคร สุนทรเวช” ขุนพลฝีปากกล้าที่ทิ้งปรมาจารย์การเมืองอย่างเตมีย์ใบ้-ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้รัฐบาลนายธานินทร์ที่ร่วมกับบิ๊กจอวส์-พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ โค่นล้มรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
“จมูกชมพู่ผ่าซีก-สมัคร สุนทรเวช” และสมาชิกพรรคปชป.คนสำคัญจำนวนหนึ่ง อาทิ “หมูหิน-สมบุญ ศศิธร” แยกออกมาตั้ง “พรรคประชากรไทย” เดินการเมืองลักษณะขวาจัดคานอำนาจฝ่ายซ้ายที่ฝังตัวอยู่ในขบวนการนักศึกษาเวลานั้น การเมืองของคนกทม.ก็ตื่นก้อนขี้หมาเทคะแนนเสียงให้พรรคประชากรไทย “แลนด์สไลด์” พื้นที่เลือกตั้งกทม.เหลือที่นั่งไว้ให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่าง “พรรคประชาธิปัตย์” 1 ที่นั่งสำหรับ “พันเอก ถนัด คอมันตร์” ที่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อจากเตมีย์ใบ้
9 ปีต่อมาถึงจุดอิ่มตัว “ระบอบขวาจัดกษัตริย์นิยม” เริ่มคลายอิทธิพลเช่นเดียวกับความตกต่ำสุดขีดของฝ่ายซ้ายและขบวนการนักศึกษา เกิดขี้หมาก้อนใหม่ “พรรคพลังธรรม ของ พลตรีจำลอง ศรีเมือง” การเมืองภาพลักษณ์ใหม่“เดินสายกลางถือธรรมะติดดิน” ชาวเมืองหลวงจมูกไวต่อกลิ่นหอมขี้หมาใหม่ก็เทใจจน “พรรคประชากรไทยพังพาบ” กวาด 32 ที่นั่ง จาก 35 ที่นั่ง สส.กทม. เว้นวรรคให้ สมัคร สุนทรเวช, ดร.ลลิตา ฤกษ์สำราญ ของพรรคประชากรไทย และอีกที่นั่งของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามานั่งในสภาหินอ่อน
ไม่นานนัก “พรรคพลังธรรม” ก็พังพาบกลายมาเป็นถิ่นสวรรค์ของ “ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม-พรรคประชาธิปัตย์” อีกครั้ง แล้วก็เทใจให้ “พรรคไทยรักไทยกับระบอบทักษิณ” ก่อนตาสว่างลุกขึ้นมารวมกันขับไล่ไทยรักไทยในสีเสื้อ “เพื่อไทย” อย่างการเลือกตั้งครั้งล่านี้คนกรุงจมูกไวได้กลิ่นขี้หมาหอมก้อนใหม่ก็เทใจครั้งสำคัญจนเกิดปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ในพื้นที่เลือกตั้งกรุงเทพมหานคร แทบไม่มีที่นั่งให้พรรคเพื่อไทย (1 ที่นั่ง) และประชาธิปัตย์ (สูญพันธุ์)
แต่เมื่อฉันทามติออกมาให้ “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และพรรคก้าวไกลทำหน้าที่จัดตั้งรัฐบาล ก็คงต้องเป็นไปตามประสงค์ของมวลมหาประชาชน
ทว่า 14 ล้านเสียงที่เลือกท่านทั้งหลายไม่ใช่มติมหาชนที่พวกท่านจะนำไปอ้างดำเนินการใดก็ได้ เพราะนั่นถือว่าผิดวัตถุประสงค์ เพราะ 14 ล้านกว่าเสียงแค่ชื่นชมนโยบายบางส่วนของท่านเท่านั้น ที่สำคัญ “อินทรีอันตราย” กำลังคืบคลานแสวงหาอำนาจบนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารเพื่อต่อสู้กับการขยายอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน
หากจะแก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้ยุติการนำกฎหมายมาใช้เป็นอาวุธทางการเมือง ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทก็เป็นเรื่องที่สังคมไทยรับได้ในระดับหนึ่ง
ทว่าอย่าชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านเด็ดขาด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี