ถามสั้นๆ ชัดๆ ตรงประเด็น คุณเชื่อไหมว่า เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจที่ไม่เคยทำงานการเมืองมาก่อนเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยอยู่ในกระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะ ไม่เคยเป็นนักการเมืองที่ต้องหาเสียงไม่เคยได้เข้าไปมีส่วนแก้ไขปัญหาของคนไทย เพราะเศรษฐาอยู่ในวงการธุรกิจมาโดยตลอด แต่ทว่ากลับได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยง่ายดาย เนื่องจากได้รับอิทธิพลทางการเมืองของทักษิณ ชินวัตร หนุนส่งให้ได้กินตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างสะดวกโยธิน
การที่เศรษฐาได้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ก็ไม่ต่างไปจากการที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน เพราะยิ่งลักษณ์ก็ไม่เคยทำงานในแวดวงการเมืองมาก่อน แม้ธุรกิจที่ยิ่งลักษณ์จับมาก่อนจะเป็นนายกรัฐมนตรี จะเกี่ยวพันข้องแวะกับอำนาจรัฐอย่างมากก็ตาม แต่ยิ่งลักษณ์ก็ไม่เคยเป็นนักการเมืองมาก่อนแม้แต่น้อย ยกเว้นมีพี่ชายชื่อทักษิณเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย และเคยเป็นนายกรัฐมนตรีผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินการทุจริตเชิงนโยบายมาก่อน
วันนี้ทักษิณส่งเศรษฐาไปเป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ นั้นคือเครื่องยืนยันว่าทักษิณยังคงมีอิทธิพลทางการเมืองเหนือพรรคเพื่อไทย แล้วก็ดูเสมือนว่าน่าจะมีอิทธิพลเหนือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ อีกด้วย เพราะพรรคร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย จำเป็นต้องเดินบนกระดานการเมืองตามกลเกมที่ทักษิณกำหนดไว้แล้ว
อาจจะมีหลายฝ่ายค้านว่า พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติของทักษิณ โดยให้เหตุผลว่าพรรคภูมิใจไทยอยู่ภายใต้การควบคุมของเนวิน ชิดชอบพรรคพลังประชารัฐอยู่ใต้อำนาจของประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่ใต้การนำของพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นต้น
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พรรคการเมืองต่างๆ ที่ไปร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของเพื่อไทย ก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าทักษิณมีอำนาจเหนือเพื่อไทย แล้วเพื่อไทยก็คือแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น หากพรรคอื่นๆ ที่ต้องการร่วมรัฐบาล ก็จำเป็นต้องฟังเสียงคำสั่ง คำบงการจากทักษิณไปโดยปริยาย รับรองว่าไม่มีใครกล้าขัดใจทักษิณอย่างแน่นอน หากต้องการร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
ย้อนกลับไปดูบรรดานายกรัฐมนตรี ชนิดที่คอการเมืองไทยต่างรู้ดีว่าได้ตำแหน่งมาเพราะอยู่ใต้อำนาจบงการของทักษิณ เช่น สมชาย วงศ์สวัสดิ์ สมัคร สุนทรเวช (กรณีสมัครนี้ อาจจะมีผู้โต้แย้งว่าไม่ได้อยู่ใต้อาณัติของทักษิณ แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่าสมัครได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะทักษิณ) ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และล่าสุดคือ เศรษฐา ทวีสิน ส่วนต่อไปจะเป็นแพทองธาร ชินวัตร หรือไม่ ก็ต้องรอดูว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถสร้างสรรพกำลังทางการเมือง เพื่อเป็นฐานต่อให้แพทองธารเหยียบขึ้นไปกินตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อย่างสะดวกดายหรือไม่
เมื่อพูดในเชิงการเมืองแล้ว ต้องยอมรับว่าไม่มีวันที่เศรษฐาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีได้เลย หากไม่ได้รับการหนุนส่งจากทักษิณ หรือหากพูดให้ชัดก็คือ หากเศรษฐาไม่ได้เป็นคนในสังกัดของทักษิณแล้ว ก็ไม่ต้องหวังว่าเศรษฐาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะต่อให้เศรษฐาตั้งพรรคการเมืองของตัวเอง ก็ไม่มีวันนำพาตัวเองขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีได้เป็นอันขาด ย้ำว่าไม่มีวันได้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นอันขาด
สาธารณชนได้เห็นความเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดที่ชื่อยิ่งลักษณ์มาแล้ว แล้วก็ได้เห็นว่าในยุคยิ่งลักษณ์นั้น ได้มีความพยายามล้างมลทินให้ทักษิณโดยใช้กลอุบายนิรโทษกรรมสุดซอย โดยผ่านกระบวนการในรัฐสภา แต่สุดท้ายก็นำไปสู่การต่อต้าน ประท้วงครั้งใหญ่จากผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการล้างมลทินให้ทักษิณ จนนำไปสู่การประท้วงใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของเมืองไทย แล้วก็จบลงด้วยการรัฐประหารที่นำโดยประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วประยุทธ์ก็ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดทางการเมืองต่อจากยิ่งลักษณ์
มาบัดนี้ ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีใหม่ชื่อเศรษฐา คอการเมืองไทยจึงเฝ้าจับตาดูว่า ทักษิณจะบงการให้เศรษฐาใช้เกมกลอันใดเพื่อลบล้างมลทิน แล้วฟอกขาวให้ทักษิณ นักโทษคดีอาญาแผ่นดินผู้มีอิทธิพลการเมือง และมีอภิสิทธิ์ยิ่งกว่านักโทษคนใดๆ บนแผ่นดินไทย แล้วก็มีคำพูดเชิงเย้ยหยันด้วยว่า ทักษิณยังมีอิทธิพลเหนือกรมราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย
ในยุครัฐบาลหุ่นเชิดตัวอื่นๆ ที่อยู่ใต้อิทธิพลของทักษิณ สาธารณชนได้เห็นแล้วว่าทักษิณใช้อำนาจสั่งการรัฐบาลเหล่านั้นอย่างชัดแจ้ง สั่งการแม้กระทั่งให้ใครไปกินตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใดก็ได้ แล้วยังสั่งการเรื่องการบริหารราชการ และการสร้างนโยบายสาธารณะต่างๆ นานา โดยผ่านกระบวนการทุจริตเชิงนโยบายนานัปการ
หากยังจำกันได้ ในยุคที่บรรหาร ศิลปอาชา ยังไม่เสียชีวิต แต่ทำหน้าที่เป็นเจ้าของพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งในครั้งนั้นทักษิณส่งยิ่งลักษณ์ไปเป็นนายกรัฐมนตรี แล้ววันหนึ่งบรรหารก็นั่งเครื่องบินไปพบทักษิณที่บรูไน แล้วเมื่อบรรหารกลับมาเมืองไทยก็หลุดปากบอกนักข่าวว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีสามตัว ถามว่า ทำไมบรรหารต้องนั่งเครื่องบินไปหาทักษิณ ทำไมบรรหารไม่เจรจากับยิ่งลักษณ์ ทั้งๆ ที่ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี คำตอบเรื่องนี้ชัดเจนว่า เพราะทักษิณควบคุมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ในสมัยก่อนเมื่อครั้งที่ทักษิณยังหนีคดีอาญาแผ่นดินอยู่ในต่างประเทศ เวลาที่ใครจะต้องการจะไปเจรจาผลประโยชน์การเมืองกับทักษิณ ก็ต้องนั่งเครื่องบินไปหา แต่บัดนี้ เวลานี้ ทักษิณกลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว ทั้งๆ ที่ทักษิณเป็นนักโทษ แต่ทว่าทักษิณไม่ต้องอยู่ในคุก ดังนั้น การไปพบไปหาทักษิณเพื่อเจรจาผลประโยชน์การเมืองเฉพาะตัว ก็จึงเป็นเรื่องสะดวกดายกว่ายุคที่ทักษิณยังร่อนเร่เป็นสัมภเวสีหนีคดีอาญา เพราะไม่ต้องเสียเวลานั่งเครื่องบินไปหาทักษิณในต่างแดน แต่สามารถคุยกับทักษิณได้ง่ายและสะดวกขึ้น เพราะทักษิณเข้ามาบัญชาการเรื่องการเมืองในประเทศไทยแล้ว
มีคนตั้งคำถามมากมายว่า การที่ทักษิณยอมกลับประเทศไทย (แต่ไม่ได้กลับมารับโทษ) ในวันที่เศรษฐาได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี มีความสัมพันธ์กันอย่างไร เรื่องนี้ตอบได้ง่ายมาก โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องรัฐศาสตร์เลยแม้แต่น้อย ว่าสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแต่เป็นสัมพันธ์ที่ซ่อนเงื่อนซ่อนปมไว้มากมาย
การที่ทักษิณตัดสินใจกลับไทยในวันที่เศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เท่ากับเป็นเครื่องยืนยันว่าทักษิณมั่นใจแล้วว่าตนเองจะไม่ต้องรับโทษในคุก อันที่จริงต้องบอกว่าเศรษฐาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งทางการเมืองของทักษิณเท่านั้น เพราะการที่ทักษิณตัดสินใจกลับไทย เกิดมาจากการที่ทักษิณสามารถตกลงกับกลุ่มอำนาจเดิมที่โค่นล้มทักษิณ และยิ่งลักษณ์ออกจากอำนาจได้เรียบร้อยแล้ว เมื่อทักษิณสร้างข้อตกลงกับศัตรูทางการเมืองได้เรียบร้อย เขาก็จึงกลับประเทศไทยแบบเท่ๆ ได้ตามที่เขาเคยบอกไว้
มีการมองด้วยว่า การกลับมาของทักษิณคือการบ่งบอกว่ากลุ่มอำนาจเดิมยอมร่วมมือกับทักษิณเพื่อต่อสู้กับศัตรูการเมืองตัวใหม่ที่ชื่อพรรคก้าวไกล เพราะมองว่าพรรคก้าวไกลเป็นศัตรูตัวฉกาจของกลุ่มอำนาจเดิมมากกว่าพรรคเพื่อไทย ดังนั้นจึงต้องจับมือกับเพื่อไทยเพื่อสกัดและกำจัดพรรคก้าวไกลให้จงได้ แล้วเมื่อกำจัดก้าวไกลสำเร็จแล้ว ก็จึงจะกลับมาต่อสู้กันเองระหว่างเพื่อไทยกับกลุ่มอำนาจเดิม เพราะเมื่อกำจัดศัตรูร่วมได้แล้ว ก็ถึงเวลาห้ำหั่นฟาดฟันกันเองเพื่อชิงอำนาจรัฐไว้ในกำมือของพวกตนให้จงได้
มีผู้คนมากมายถามว่าทำไมกลุ่มอำนาจจากกองทัพที่เคยโค่นล้มรัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ จึงยอมหันหน้ามาจับมือ (บางคนบอกว่าจูบปาก) กับทักษิณ แล้วทำไมทักษิณจึงยอมจับมือกับคนที่เคยโค่นตนเอง อันนี้ก็ต้องตอบเหมือนข้างต้นคือ เพื่อร่วมกันกำจัดศัตรูร่วมให้ได้เสียก่อนดังนั้นจึงไม่ต้องประหลาดใจว่าเหตุใด สว. กว่า 150 คนจึงโหวตสนับสนุนเศรษฐาให้เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วใช้เสียง สว. เพียง 60-70 เสียงก็พอแล้ว แต่การที่ สว. กว่า 150 คนยกมือสนับสนุนเศรษฐา ก็เท่ากับยกมือสนับสนุนให้ทักษิณกลับประเทศไทยโดยปริยาย
เพราะฉะนั้น ฉากการเมืองฉากนี้ก็จึงเป็นการแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่า ทักษิณได้ผลประโยชน์สูงสุดแล้ว เพราะสามารถกลับไทยได้อย่างเท่ๆ ตามที่ทักษิณบอกมาโดยตลอด ส่วนคำถามต่อไปที่ว่า แล้วสาธารณชนได้ประโยชน์อะไรจากการตกลงกันระหว่างกลุ่มอำนาจเก่าและกลุ่มทักษิณ ตอบคือสาธารณชนไม่น่าจะได้ประโยชน์ใดๆ แม้แต่น้อย เพราะไม่สามารถลบล้างความแตกแยกระหว่างคนสองกลุ่มที่นิยมกลุ่มการเมืองคนละขั้วได้
อย่างไรก็ตาม มีคนไทยจำนวนไม่น้อยไม่เห็นด้วยกับการกล่าวอ้างของบรรดานักวิเคราะห์การเมืองไทยที่สรุปแบบลวกๆ ว่า เพื่อไทยได้สูญเสียจุดยืนการเมืองเดิมที่เคยต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยมาก่อน และยังทำให้เพื่อไทยสูญเสียคะแนนนิยมจากคนที่รักประชาธิปไตย
ต้องบอกว่าพวกนักวิเคราะห์ที่เพ้อเจ้อ แล้วมองเห็นว่าเพื่อไทยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เป็นพวกที่ไม่เคยมองเห็นความเลวร้ายของเพื่อไทย และทักษิณ เพราะเขาเหล่านั้นคิดแค่ว่า การมีระบบกษัตริย์ในประเทศไทยคือการไม่เป็นประชาธิปไตย คนเหล่านั้นมองว่าพระมหากษัตริย์เป็นตัวขัดขวางประชาธิปไตย คนกลุ่มดังกล่าวนั้นยังคงเพ้อเจ้อว่ามนุษยโลกทุกรายมีความเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนไม่นิยมกษัตริย์ เพราะคนดังกล่าวไม่เคยมองว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงมีคุณูปการมากล้นต่อสังคมไทยและคนไทย
กลับมามองภาพนายกรัฐมนตรีคนใหม่กันอีกครั้ง หลายคนมองว่าเศรษฐาจะมีสถานะไม่ต่างไปจากยิ่งลักษณ์ คือเป็นหุ่นเชิดทางการเมืองของทักษิณ แต่หลายคนก็มองต่างออกไปว่าเศรษฐาจะไม่ยอมให้ทักษิณสั่งและบงการได้อย่างยิ่งลักษณ์ เพราะเศรษฐาเป็นนักธุรกิจระดับหมื่นล้านบาท จึงไม่จำเป็นต้องยอมให้ทักษิณบงการ แต่เศรษฐาน่าจะสร้างหน้าประวัติศาสตร์สำหรับตนเองไว้บ้าง อย่างน้อยก็ต้องไม่ยอมให้โลกทั้งโลกมองว่าเศรษฐาคือหุ่นเชิดหุ่นชักของทักษิณ
ใครจะมองอย่างไรก็ไม่ผิด เพราะเป็นมุมมองและความคิดส่วนบุคคล แต่สิ่งที่จะบอกให้สาธารณชนรู้ชัดว่าเศรษฐาเป็นหุ่นเชิดหุ่นชักของทักษิณหรือไม่นั้น สามารถดูได้จากคณะรัฐมนตรีที่จะปรากฏโฉมต่อสาธารณชนในเร็วๆ นี้ หากรัฐมนตรีของรัฐบาลเศรษฐาเป็นคนที่มีคุณภาพ มีความรู้ มีความบางของผิวมากๆ ก็น่าจะถือได้ว่าเศรษฐายังมีจุดยืนทางการเมืองที่เป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่หากคณะรัฐมนตรีอุดมสมบูรณ์ไปด้วยคนจำพวกเศษสวะ กากเดน ก็หมายความชัดเจนว่าเศรษฐาคือหุ่นกระบอกที่ถูกทักษิณชักอย่างไม่ต้องสงสัย
ประเด็นสุดท้ายก่อนลากันในวันนี้คือ ขอให้จับตามองให้ดีว่ารัฐบาลผสม 11 พรรค จะสามารถยึดกุมอำนาจการเมืองไว้ในกำมือได้สักกี่นาน แล้วจะมีการเปลี่ยนหรือปรับคณะรัฐมนตรีอีกกี่สิบครั้งในวันและเวลาใดหลังจากนี้ แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือ เพื่อไทยกับพรรคที่มาจากฐานอำนาจเก่าของขุนทหารที่ก่อการยึดอำนาจจะร่วมเป็นรัฐบาลได้นานสักกี่วัน
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทักษิณเป็นอันดับแรก ส่วนการร่วมตัดสินใจของกลุ่มอำนาจเก่านั้นคงไม่มีน้ำหนักเท่ากับการตัดสินใจของทักษิณ เพราะหากทักษิณเห็นว่าตนเองไม่ได้ ประโยชน์ใดๆ แล้ว เขาก็คงไม่จับมือกับกลุ่มอำนาจเก่าอีกต่อไป ส่วนเศรษฐานั้นไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญ หรือตัวชี้เป็นชี้ตายสำหรับทักษิณ เพราะเศรษฐาก็คือหมากตัวหนึ่งบนกระดานการเมืองที่เล่นโดยทักษิณ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี