“รัฐนาวานิด 1” จะอยู่หรือไปนานแค่ไหนไม่ใช่แค่ความสามารถในการบริหารงานของนักธุรกิจมือพระกาฬที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์อย่าง “เศรษฐา ทวีสิน” หรือความโลภลุ่มหลงหยิ่งผยองของเหล่าเสนาบดีที่มองว่า “ระบอบทักษิณ” จะฟื้นคืนชีพ จนสร้างความเชื่อมั่นยังไม่เพียงพอ “สามัญสำนึก” ของ “นักโทษคดีทุจริตคอร์รัปชั่น”ซึ่งถูกยกให้เป็น “เทวดาในใจเก๊า” ที่การเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ถือเป็นอีกประเด็นสำคัญ
การเดินทางเข้าประเทศไทยครั้งนี้ดูเหมือนว่าพฤติกรรมกับเสียงเห่าหอนจะแสดงชัดเจนว่า“น.ช.ทักษิณ” ไม่พร้อมที่จะเข้ามารับโทษทัณฑ์เพื่อแลกกับการแบ่งอากาศบริสุทธิ์หายใจในทุกตารางนิ้วของราชอาณาจักรไทยด้วยสามัญสำนึก ตรงข้ามเขากลับได้รับอภิสิทธิ์ที่ไม่สมควร อาทิ ไม่ต้องกล้อนผม อย่างนักโทษชายคนอื่นๆ ที่เป็นผู้สูงอายุ ถูกคุมขังเพียงไม่กี่ชั่วโมงจากโทษทัณฑ์ 8 ปี ก็สามารถออกมาทอดกายนอนเอกเขนกบนฟูกอย่างดีวิวหรูอยู่สบาย
ล่าสุด “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร แถลงอาการป่วยน.ช.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยหลังเข้าเยี่ยม ให้สังคมไทยได้มีประเด็นถกเถียงกันว่า “มีอาการอ่อนเพลียและเครียด ที่น่าห่วงคือเรื่องของหัวใจ เพราะเคยป่วยเป็น “โควิด-19ต้องเข้านอนไอซียู” นาน 9 วัน ส่วนโรคปอดนั้นเป็นเรื่องเดิมอยู่แล้ว น้ำหนักลดลง 9 กิโลกรัมและพบว่าที่ปอดมีจุด”
จะป่วยจริงเท็จแค่ไหนไม่มีใครทราบข้อเท็จจริงอย่างแน่นอน แต่งานนี้มีหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบตอบความกังวลสังคมไทยแน่นอน คงไม่ใช่แค่“กรมราชทัณฑ์”ต้นสังกัด “เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ”, โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และที่แน่นอนที่สุดก็คือ “รัฐนาวานิด1-เศรษฐาทวีสิน” ที่ถูกทำคลอดที่ชั้นที่ 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ โรงพยาบาลตำรวจ
ที่ผ่านมา “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ใช่วีรบุรุษของชาติ ไม่ใช่รัฐบุรุษไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่สร้างคุณูปการให้สังคมไทยมากมายนัก ตรงข้ามเขาเป็นเพียง “สิ่งมีชีวิตที่ไร้สามัญสำนึก ไม่สำเหนียกความจริง เป็นแค่นักโทษคดีอาญาที่หลบหนีกบิลเมืองไปซุกใต้อุ้งต่างชาติกว่า 15-17 ปี”
เป็นนักการเมืองลิ้นสองแฉกฉ้อฉลผลประโยชน์ ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้แก่ตนเองและพวกพ้องมีความเก่งกล้าด้านการตลาดชำนาญในพิชัยสงคราม มีสติปัญญาสูงกว่าคนธรรมดา
เป็นบุรุษผู้ยอมทรยศคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้โลกทรยศตน ชอบใช้คนที่มีความสามารถรู้จักใช้คน บริหารจัดการเก่ง สามารถปราบประมุขพรรคต่างๆ ได้เกือบหมด คล้าย “โจโฉ” ใน“สามก๊ก” ที่ในฉบับภาษาไทยเป็นระดับ “สมุหนายกฯ”ทีเดียว เป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในแผ่นดินเป็นบุรุษผู้ยอมทรยศคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้โลกทรยศตนเอง
“พระราชธรรมวาที” เทศนามงคลธรรม มงคลชีวิตไว้ครั้งหนึ่งว่า “ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการกระทำทางกาย วาจา และใจของเรานั่นเองเราเลวต่อให้ปลูกไม้มงคลแก้เคล็ด ชีวิตก็คงไม่ดีขึ้น และหากเราทำดีต่อให้ไม่มีไม้มงคลอยู่ในบ้านสักต้น อะไรๆในชีวิตก็ต้องดีอยู่วันยังคำดังคำที่ว่า “ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว”
หากอุ๊งอิ๊งได้เคยอ่าน “กฤษณาสอนน้อง” ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส สมเด็จพระสังฆราชไทยพระองค์ที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ว่า
“พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวายมลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา” อย่างเข้าใจก็คงจะเข้าใจได้ว่า
ทำไมจึงเกิดคำถามของสังคมไทยผ่านสื่อออนไลน์ว่า ตกลงนักโทษหรือเทวดา
แล้วทำไมคำตอบว่า “เทวดา” จึงแสลงหู แสลงใจยิ่งนัก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี