เห็นรายชื่อผู้โดยสารเช่าเหมาลำที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน นำคณะบินไปร่วมประชุมสหประชาชาติสื่อรายงานว่า มีผู้ร่วมโดยสารไปในเที่ยวบินเหมาลำราคา30 ล้านบาท 50 คน เท่าที่ตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารสิบเก้าคนแรก มีนามสกุล Thavisin สามคนในลำดับที่ 14 Thavisin Chananda Ms. ลำดับที่ 15 Thavisin Pakpilai Mrs. รายชื่อที่ 16 Thivisin Srettha ลำดับที่ 15 แน่นอนเป็น พญ.พักตร์พิไล ภริยานายกรัฐมนตรีที่ธรรมเนียมฝรั่งถือว่าเป็นสตรีหมายเลข 1 ซึ่งมักเดินทางร่วมไปกับผู้นำเยือนต่างประเทศในภารกิจสำคัญ
ส่วนลำดับที่ 14 ว่ากันว่า เป็นลูกสาวนายกฯ ทำให้เกิดเสียงติฉินนินทาว่า “พาลูกเที่ยวใช้เงินหลวง” เป็นเรื่องธรรมดาที่บุคคลชั้นนำเดินทางไปต่างประเทศนำคนในครอบครัวติดสอยห้อยตามไปด้วยเพื่อช่วยงานด้านภารกิจส่วนตัว เหมือนที่อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร นำบุตรชาย นายพานทองแท้ ชินวัตร ติดสอยห้อยตามเข้าทำเนียบขาว เมื่อคราวพบกับประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช จูเนียร์ เป็นไปได้ว่าผู้ที่เป็นลูกสาวลูกชายผู้นำติดตามบิดาไปทำภารกิจสำคัญ ยอมเสียสละทั้งเงิน และ เวลาช่วยภารกิจบิดา คือ หมายความว่าบุตรีผู้ติดตามใช้เงินส่วนตัวช่วยค่าร่วมเดินทาง และค่าที่พัก ค่าอาหารจิปาถะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำที่เป็นเศรษฐีแสนล้าน อย่างนายกฯเศรษฐา คงไม่ยอมเบียดเบียนทรัพย์สินราชการหรือ ฉวยโอกาสพาลูกสาวเที่ยวโดยใช้เงินหลวง
ดังที่กล่าวหากันแพร่หลายในโซเชียลมีเดีย คนไทยต้องให้เกียรตินายกรัฐมนตรีที่ได้รับเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โดยไม่นินทาว่าร้ายจากเรื่องที่ยังไม่รู้ความจริงรอบด้าน นอกเสียจากว่าผู้นำที่พาลูกเมียร่วมเดินทางไปต่างประเทศท่านนั้น มีประวัติความเป็นมา ที่ไม่น่าไว้วางใจ ไม่มีธรรมาภิบาล เป็นคนที่มีนิสัยถาวรการเอาเปรียบชาวบ้าน รีดไถคนหาเช้ากินค่ำ หรือ มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางเลี่ยงภาษีเป็นร้อยล้านพันล้านบาท คนประเภทนี้ จึงอยู่ในข่ายสงสัยว่าพาลูกหลานไปร่วมกันผลาญงบประมาณของชาติได้
บางครั้งนายกรัฐมนตรีที่เดินทางไปต่างประเทศ โดยไม่มีคู่สมรสและบุตร ธิดาติดสอยห้อยตามไปด้วยยังน่าตำหนิกว่า เช่น อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในห้วงเวลาสองปีที่อยู่อำนาจเดินทางไปต่างประเทศ 52 ครั้ง ใน 41 ประเทศ ส่วนใหญ่ ไม่มีคู่สมรสและบุตรร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งน่าจะคล่องตัวในการทำงาน แต่ปรากฏว่าการเดินทางไปต่างประเทศ 52 ครั้งใช้งบประมาณไปหลายร้อยล้านบาท กลับไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน การเดินทางไปบางประเทศ กลับเป็นการสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย เช่น ไปปาฐกฐาโจมตีประเทศไทยว่า ทำร้ายครอบครัวของนาง ในประเทศมองโกเลีย แถมยังจบคำปราศรัยอย่างน่าอับอายด้วยคำว่าThanks you tree times หรือ เดินทางในฐานะนายกรัฐมนตรี ไปสร้างชอบธรรมให้พี่ชายในประเทศมอนเตเนโกร
ในการเดินทางไปต่างประเทศ 52 ครั้งใน 41 ประเทศไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีหญิงพาคู่สมรสออกงานแต่ก็ผลาญเงินงบประมาณไปหลายร้อยล้านบาท
น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีพฤติกรรมคล้ายกับพี่ชาย คือ มีน้อยครั้งที่เห็นนายกฯทักษิณพาคู่สมรสไปร่วมทำภารกิจในต่างประเทศ #ยกเว้นตอนเดินทางไปปักกิ่ง เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 ที่คุณหญิงพจมานร่วมเดินทางไปชมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกด้วย แต่ทั้งคู่ไม่ได้กลับประเทศไทยพร้อมกัน กล่าวคือ คุณหญิงพจมาน เดินทางกลับประเทศไทยในปีนั้น ส่วน น.ช.ทักษิณหาทางกลับบ้านไม่ถูก 15 ปี จนถึงวันที่ 22 กันยายน 2566 ทักษิณกลับประเทศไทยในฐานะนักโทษชายระดับVVIP ที่ใช้ชีวิตหรูหรา สะดวกสบายในห้องรอแยล สวีทชั้น 14 อาคารโรงพยาบาลตำรวจ
ดังนั้นการที่นายกฯเศรษฐาเช่าเหมาลำเครื่องบินราคาสามสิบล้านบาทและมีสตรีหมายเลข 1 กับลูกสาวไปด้วย ท่านอาจทำตามแบบอย่างอดีตนายกฯทักษิณ ที่ให้บุตรชายได้สัมผัสมือกับมหาอำนาจตะวันตก นายกฯเศรษฐาเมื่อเห็นว่านายพานทองแท้ เข้าทำเนียบได้แล้ว ทำไมบุตรีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะสัมผัสมือกับมหาอำนาจบ้างไม่ได้ หรือไม่แน่ บางทีอาจมีสิทธิ์เข้าทำเนียบขาว แต่สิ่งที่แตกต่างกันชัดเจน คือ บุตรีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เป็นคนเรียบร้อยเรียนดี ไม่เคยมีประวัติพกโพยเข้าห้องสอบ มีเกียรติประวัติเป็นคนดี ไม่มีเรื่องอื้อฉาวว่า เป็นชาวเสพน้ำแข็ง
และบางทีลูกสาวนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เป็นแรงผลักดัน หรือ เป็นลมใต้ปีกให้บิดาสร้างความโดดเด่นในเวทีสหประชาชาติ อย่างน้อยที่สุด ทั้งนายกฯและบุตรี ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี เป็นไปได้ว่า เราจะได้ยินนายกรัฐมนตรีประกาศในที่ประชุมสหประชาชาติสมัยที่ 78 ว่า Thailand is back และได้รับเสียงปรบมือจากสมาชิกเกือบสองร้อยประเทศ ส่วนประเทศไทยจะกลับมาจากไหน อย่างไร อยู่ที่ท่านนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อธิบายให้ที่ประชุมสหประชาชาติเข้าใจว่า ไทยกลับมายิ่งใหญ่ในเวทีโลกอย่างไร และเมื่อก่อนประเทศไทยตกต่ำจริงหรือไม่
นอกจากนั้นเชื่อว่านายกฯเศรษฐาใช้โอกาสนี้ส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจและฟื้นฟูการทำมาค้าขายกับต่างชาติ โดยเฉพาะกับประเทศเยอรมนี คอยดูกันว่านายกฯเศรษฐาใช้ลิ้นสาริกา จนเยอรมนียอมขายเครื่องยนต์ให้จีนติดตั้งในเรือดำน้ำที่ขายให้กับไทยได้หรือไม่ ในเวลาเดียวกัน ท่านนายกฯเศรษฐาอาจใช้โอกาสนี้ ให้ลูกสาวดูงานฝึกงานตลอดถึงเป็นปรึกษาด้านธุรกิจไปในตัว
ดังนั้นการกล่าวหาว่าพาลูกสาวไปเที่ยวใช้เงินหลวง ถือเป็นการไม่ให้เกียรติและสบประมาทนายกรัฐมนตรีมากเกินไป ไม่แน่บางที นายกฯเศรษฐา ได้เตรียมการชดเชย หรือสนับสนุนเงินงบประมาณที่ใช้ในการเดินทางไปสหรัฐอเมริกากับเที่ยวบินเช่าเหมาลำของรัฐบาลด้วยเงินส่วนตัวแล้วก็ได้
หากนายกฯเศรษฐา ไม่รู้ว่าจะสนับสนุนหรือคืนเงินให้หลวงช่องทางไหนอย่างไร ขอแนะนำให้ปรึกษา นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัย ที่สมัยหนึ่งนายชวนเป็นนายกฯควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตำแหน่ง รัฐมนตรีกลาโหม นอกจากเงินเดือน แล้ว กระทรวงมีงบพิเศษให้รัฐมนตรีใช้จ่ายได้ตามอัธยาศัย ปรากฏว่า
เมื่อพ้นวาระเงินพิเศษ เจ็ดล้านบาท นายชวนไม่ได้ใช้ ท่านนำไปคืนให้กระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงขณะนั้นตอบว่า รับไว้ไม่ได้ หากรับไว้ ไม่รู้ลงบัญชีรายรับส่วนไหน เพราะไม่เคยมีรัฐมนตรีคืนเงินส่วนนี้มาก่อน
นายชวน เลยบอกว่าเอาไว้เป็นเงินสำรอง หรือแบ่งปันแจกจ่ายให้แม่บ้านคนงาน หรือจัดเป็นสวัสดิการให้คนเหล่านั้นก็ได้ การคืนเงินให้หลวง หรือชดเชยเงินที่จ่ายในสิ่งไม่ควรจ่าย หากไม่รู้จะทำอย่างไรให้ปรึกษานายชวน ที่แนะนำอย่างนี้ เพราะเราเชื่ออย่างสนิทใจว่า นายกฯเศรษฐาเป็นคนมีน้ำใจ ไม่เห็นแก่ได้ ไม่เอาเปรียบหลวง เพราะสำเหนียกว่า #เงินหลวงตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี