คดีจับกุมตัวนายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ จังหวัดอุทัยธานี นายวีระชาติ รัศมี เป็นข่าวใหญ่เพราะผู้ถูกจับเป็นลูกเขย ชาดา ไทยเศรษฐ์รมช.มหาดไทย
โดยที่นายชาดา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำภารกิจสำคัญในการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลและมาเฟียทั่วประเทศ
ล่าสุด รมช.ชาดา เปิดเผยว่า ให้ลูกเขย “ลาออก” จากตำแหน่งเลย
มิใช่หยุดปฏิบัติหน้าที่ รอคดีอาญา
“คุณต้องลาออกจากตำแหน่งนายกเทศบาลตำบลตลุกดู่ หากไม่ทำแบบนี้แต่โดนพักปฏิบัติหน้าที่จนคดีสิ้นสุด จะเป็นการเอาเปรียบ และทิ้งประชาชนในท้องที่”
นายชาดาระบุอีกว่า นายวีระชาติ รัศมี ได้ลาออกจากตำแหน่งในเวลา 23.00 น. เมื่อวันที่ 25 ต.ค. และได้ขอโทษกับตน ส่วนเรื่องคดีให้ว่าไปตามกฎหมายอย่างเต็มที่
ในส่วนของคดีนี้ ประเด็นสำคัญ คืออะไร?
1. การจับกุมครั้งนี้ ป.ป.ช. ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปปป. พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ (หนุมาน) กองบังคับการปราบปราม และสำนักงาน ป.ป.ท.
ปฏิบัติการจับกุมตัวนายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ กับพวกรวม 4 คน
เหตุเรียกรับผลประโยชน์จากผู้เสียหายจากโครงการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาลขนาดใหญ่ จำนวน 600,000 บาท
ศาลอนุมัติหมายจับบุคคล 4 ราย
จากการสืบสวนพบว่า บุคคล ทั้ง 4 ราย มีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้เสียหายโดยแบ่งหน้าที่กันทำ
ตั้งแต่ขั้นตอนที่ผู้เสียหายชนะการเสนอราคา และได้เข้าเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตำบลตลุกดู่ จนกระทั่งได้ดำเนินการตามสัญญารับจ้างแล้วเสร็จ
เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่า นายวีระชาติ สั่งการให้ นายมานพ ไปรับเงินจากผู้เสียหายที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาเมืองอุทัยธานี
เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันวางแผนและเข้าจับกุม นายมานพ พร้อมเงินสดหลักฐาน จำนวน 600,000 บาท
ต่อมา เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 รายที่เหลือ พร้อมตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผลการสืบสวน
เบื้องต้นได้ตรวจยึดเอกสาร อุปกรณ์สื่อสาร เครื่องคอมพิวเตอร์ และสิ่งของอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบและใช้เป็นหลักฐานในคดี
และนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะนี้ ทั้ง 4 ราย ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ มีสิทธิต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
2. ในวันจับกุม (24 ต.ค.) เมื่อถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้นัดให้ผู้เสียหาย นำเงินสด 600,000 บาท ที่ ลง ปจว.เป็นหลักฐานแล้ว ไปส่งมอบให้กับนายมานพ บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ทัพทัน
เจ้าหน้าที่ ปปป., ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ได้วางกำลังซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ
ก่อนที่จะมีการส่งมอบเงินตามที่มีการเจรจากันไว้
โดยขณะที่นายมานพหรือเหน่ง และนายยิ่งยง กำลังเดินทางกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัว เพื่อจับกุม
แต่ขณะนั้นเอง นายมานพหรือเหน่ง พยายามวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สุดท้ายไม่รอด ถูกสกัดจับกุมได้ในที่เกิดเหตุ พร้อมถุงกระดาษสีน้ำตาล ซึ่งภายในบรรจุเงินสด จำนวน 600,000 บาท มีหมายเลขบนธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ ลง ปจว.ไว้ทุกฉบับ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึง แสดงหมายจับและแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายมานพฯหรือเหน่ง พร้อมทั้งจับกุม นายยิ่งยง ตามเป็นความผิดซึ่งหน้า พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ
ส่วนนายวีระชาติ นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ ถูกจับกุมที่บ้านพัก ที่ ตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัด อุทัยธานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าแสดงหมายจับและแจ้งข้อกล่าวหาให้นายวีรชาติ พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ
ส่วนนายธนภัสสร์ ปลัดเทศบาลตำบลตลุกดู่ และ นายกุลธัช ช่างควบคุมงานของเทศบาลตำบลตลุกดู่ ถูกจับกุมได้ที่เทศบาลตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน
ขณะนี้ ทั้ง 4 ราย ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ มีสิทธิต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
3. ข้อกล่าวหา และจุดเริ่มต้นคดี
กรณีร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์จากผู้เสียหายซึ่งเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตำบลตลุกดู่ ในโครงการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาลขนาดใหญ่ของเทศบาลตำบลหาดทนง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี และของเทศบาลตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปปป. ได้รับเรื่องร้องเรียน จากผู้ประกอบการในพื้นที่ ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารของ เทศบาลตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี มีพฤติกรรมให้คนโทรศัพท์ไปข่มขู่ผู้ประกอบการที่พยายามเข้าร่วมประมูลของโครงการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน ของเทศบาลตำบลหาดทนง และ เทศบาลตลุกดู่ ว่าอาจจะเข้าพื้นที่ไม่ได้ และไม่มีใครขายวัสดุให้
ภายหลังจากผู้เสียหายเข้าประมูลโครงการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้านฯ และชนะการประมูลโครงการดังกล่าว ก็ยังถูกข่มขู่ และมีการใช้อิทธิพลต่อเนื่อง เพื่อสร้างอุปสรรคในการทำงาน ทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถหาวัสดุมาสร้างตามสัญญาได้เป็นเหตุให้ผู้เสียหายถูกเรียกค่าปรับ และยังถูกเจ้าหน้าที่ เทศบาลตำบลตลุกดู่ บ่ายเบี่ยงไม่รับการตรวจการจ้างอีกด้วย
ต่อมา นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี เรียกผู้เสียหายเข้าไปคุยเจรจา พร้อมขอเงินจำนวนร้อยละ 15 ของวงเงินตามสัญญา(2 โครงการ รวมประมาณ 1,000,000 บาท) ซึ่งผู้เสียหายต่อรองเหลือโครงการละ 300,000 บาท (รวมเป็นเงินจำนวน 600,000 บาท) การกระทำดังกล่าวถือว่าไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียหาย
4. พฤติกรรมในทางสืบสวน
สำนักข่าวอิศรารายงานข้อมูลเชิงลึกว่า
ระบุว่า จากการสืบสวนข้อมูลของเจ้าหน้าที่เบื้องต้น ได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากผู้เสียหายยื่นสิทธิเข้าร่วมประมูลได้ไม่นาน ได้มีบุคคลปริศนาโทรศัพท์มาข่มขู่ให้ถอนตัว
อ้างว่ามีผู้ใหญ่อยากได้โครงการนี้ไปทำ พร้อมเสนอเงินหลายหมื่นบาท เป็นค่าชดเชยหรือค่าเสียเวลาให้
แต่ทางผู้เสียหายไม่สนใจ จึงตอบปฏิเสธกลับไป พร้อมกับยื่นประมูลตามเดิม จนชนะการประมูลได้รับงานทั้ง 2 โครงการถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายได้ในที่สุด
หลังจากชนะการประมูลได้รับงานก่อสร้างทั้ง 2 โครงการแล้วนั้น ผู้เสียหายกลับไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ เนื่องจากมีกลุ่มอิทธิพลมืดทำการล็อบบี้สั่งห้ามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง แคมป์ปูนซีเมนต์ทุกแห่งในพื้นที่ จ.อุทัยธานี ขายปูนหรืออุปกรณ์ที่ให้กับผู้เสียหาย จนเกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบในการก่อสร้าง ไม่สามารถดำเนินงานจัดสร้างได้ตามแผนที่วางไว้
ทางเจ้าหน้าที่ อบต.ตลุกดู่ ก็โทรมาขู่ให้ถอนตัว ให้ทิ้งงาน ให้งานคนอื่นทำ ผู้เสียหายจึงเจรจากับนายกเทศบาลตลุกดู่ ก็มีการเรียกรับเงินจำนวน 6 แสนบาท
โดยในช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มีการเรียกผู้เสียหายมาเข้าพบจำนวน 3 ครั้ง ก่อนยื่นข้อเสนอให้ผู้เสียหาย ยอมจ่ายเงินจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อที่จะสามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการทั้ง 2 แห่งได้อย่างปกติ ก่อนจะมีการเจรจาต่อรองเหลือ 6 แสนบาท โดยนัดหมายส่งมอบเงินกัน เรื่องนี้ผู้เสียหายเป็นผู้ประกอบการได้รับการประมูล แต่กลับได้รับโทรศัพท์ข่มขู่ในทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้รับเหมาถอยไป
เริ่มตั้งแต่ให้รับเงินอย่างเดียวหมื่นบาทแต่ไม่ต้องซื้อซอง จนกระทั่งในระหว่างการดำเนินการก็มีโทรศัพท์ขู่ว่าให้หยุดทำงานแล้วรับเงินที่เป็นเปอร์เซ็นต์ไป
ทั้งหมดนี้ ยังต้องรอการพิสูจน์ความจริงในตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
5. โครงการนี้เป็นโครงการแท็งก์ประปาหมู่บ้านมีมูลค่า 3 ล้านกว่าบาท
ตัวโครงการสัญญาประมาณ 7 เดือน
เริ่มบิดดิ้ง (กระบวนการประกวดราคา) ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2565
ต่อมา ผู้เสียหายจึงได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.
6. กรณีลักษณะนี้ เจ้าหน้าที่มีหลักฐานแน่นหนา ถ้าสามารถเชื่อมโยงถึงผู้ต้องหาทุกรายได้ ก็นับว่ารอดยาก
เมื่อเร็วๆ นี้ ป.ป.ช.ก็เพิ่งจะถอดบทเรียน กรณีศึกษาการทุจริต เกี่ยวกับการข่มขู่และเรียกรับเงินจากผู้ชนะการจ้าง
เป็นกรณี นาย ก. ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ดำเนินการสอบราคาจ้างก่อสร้างอาคารเรียนและห้องน้ำ
ปรากฏว่า บริษัท อ. เป็นผู้ชนะการสอบราคาและเป็นผู้รับจ้างก่อสร้างอาคาร
ก่อนวันทำสัญญาจ้าง นาย ก. ได้ข่มขู่และเรียกรับเงินจากนาย ส. กรรมการบริษัท เพื่อเป็นค่าผ่อนส่งรถยนต์
โดยขู่ว่าหากไม่ให้จะทำงานลำบากขึ้น
นาย ส. จึงเข้าแจ้งความและร่วมวางแผนกับเจ้าหน้าที่จับกุมนาย ก.
โดยภายหลังจากทำสัญญา นาย ส. ได้นำซองบรรจุเงินมอบให้นาย ก.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าตรวจค้นพบเงินดังกล่าว
การกระทำของนาย ก. เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้ผู้อื่นและทางราชการได้รับความเสียหาย
คดีนี้ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้ว่า การกระทำของนาย ก. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม และมาตรา 98 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. 2523 มาตรา 4 และเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 มาตรา 149 และมาตรา 157
นี่คือตัวอย่างกรณีศึกษาว่า ถ้าข้อมูลหลักฐานครบเครื่อง ก็รอดยาก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี