“ลิงแก้แห” เป็นสำนวนไทยแต่โบร่ำโบราณเปรียบเปรยหมายถึง ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบแก้ปัญหาที่สำคัญ แต่ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ ที่ดีพอ ซึ่งยิ่งแก้ยิ่งยุ่งเหยิงนั่นเอง
คำว่า ลิงแก้แห นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ใช้เปรียบเปรยกับการทำงานของรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ทวีสิน เกี่ยวกับความพยายามในการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ว่า เป็นสิทธิ์ของรัฐบาลในการกำหนดนโยบาย แต่ปัญหาทั้งหมดตนเห็นว่าเกิดจากการหาเสียงแบบประชานิยม ทำได้หรือไม่ได้ ค่อยไปตายเอาดาบหน้ามาถึงวันนี้
จึงมีสภาพเหมือนลิงแก้แห เพราะมีปัญหาถาถมทุกขณะ
คือ 1.จะทำยังไง 2.จะเอาเงินมาจากไหนเพราะติดทั้งแหล่งเงิน และข้อกฎหมายโดยเฉพาะที่ลั่นวาจาไว้ จะไม่ใช้งบ จะไม่กู้มันก็เลยยิ่งมัดพันตัวเองและปัญหาใหม่เข้ามาคือ1.จะทำได้เมื่อไหร่เพราะเลื่อนเวลามาครั้ง 2 ครั้งแล้ว และ 2.จะเปลี่ยนเป้าหมายจากกระตุ้นเศรษฐกิจที่โฆษณาไว้มาเป็นสงเคราะห์คนจนหรือไม่ ทั้งหมดกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลต้องมีคำตอบเพราะประชานิยมที่ไปหาเสียงไว้
ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็เกาะติดในนโยบายแจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาทให้ประชาชน โดยตั้งคณะกรรมการศึกษาเหมือนโครงการจำนำข้าว ที่พบการทุจริตมหาศาล รอยด่างบาดแผลยังปรากฏจนถึงทุกวันนี้
ส่วน น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กทม.ฟันธงว่าโครงการแจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาทของรัฐบาลนายกฯเศรษฐาทวีสิน ถึงทางตันแล้ว เพราะผิดกฎหมายถ้ายังฝืนทำไปก็จะซ้ำรอยจำนำข้าว และต้องมีคนเข้าคุกในอนาคตข้างหน้าอีกหลายคน
ประเด็นเหล่านี้จึงไม่แปลกที่พรรคร่วมรัฐบาลแทบทุกพรรคพยายามหลีกเลี่ยงไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะสส.ภูมิใจไทยหลายคน เพราะรู้ชะตากรรมในอนาคตข้างหน้า ปล่อยให้พรรคเพื่อไทยลุยน้ำลุยไฟไปคนเดียว
กระนั้นก็ตามควรเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ต่อไปเพราะหนทางยังอีกยาวไกล ให้สุดทางเดินเผื่อมี ช่องทางพิเศษที่อาจจะทำได้
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น้อมรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เห็นต่างอย่างรอบด้าน และพร้อมพิจารณาทางเลือกต่างๆ อย่างรอบคอบด้วยกลไกการดำเนินการอย่างเป็นระบบเมื่อใดก็ตามที่ได้มติสุดท้ายออกมาจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet ก็ควรจะถือว่าเป็นข้อยุติโดยรัฐบาลจะเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่ออกมา
มีนักการเมืองอาวุโสซีกฝ่ายค้าน ท่านหนึ่งเคยอภิปรายในสภาเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้วว่านักการเมืองเมื่อหาเสียงรับปากกับประชาชน และได้อำนาจรัฐแล้ว ก็ต้องทำตามรับปากที่หาเสียงไว้ แต่ถ้าทำไปแล้วชาติจะฉิบหาย ก็ต้องถอยออกมา ขอโทษประชาชน ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องน่าอับอายแต่ประการใด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี