ขอปูพื้นความเข้าใจเบื้องต้น : ด้วยเรื่องราวที่มีสาระเกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ (๓)
๕.เหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้อง ช่วงระยะใกล้ๆ เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ (ต่อ)
สุรชาติ บำรุงสุข : 14 ตุลา เป็นผลผลิตของยุคหลังจอมพลสฤษดิ์ เกิดชนชั้นกลางที่ไม่ใช่ข้าราชการที่มาพร้อมกระแสเสรีนิยม (ต่อต้านสงครามเวียดนาม) และเกิดกระแสต่อต้านทหาร ประชาชนไม่พอใจรัฐบาลทหาร 3 ป. ยุคนั้น ในความไม่พอใจถูกพิสูจน์ด้วยปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ กรณีทุ่งใหญ่ฯกับอีกส่วนเรื่องลบชื่อนักศึกษา 9 คน ที่รามคำแหงฯ วันที่เราชนะที่กรุงเทพฯ จะมีเสียงเรียกร้องอยู่ที่กรีซ (ประเทศ GREECE) ตะโกนชื่อประเทศไทยเป็นสัญลักษณ์ว่าเขาต่อสู้และจะชนะเหมือนกับการลุกขึ้นสู้ที่กรุงเทพฯ
ความขัดแย้งในหมู่ทหาร
มีรอยปริของระบอบถนอมเกิดตั้งแต่ปลายปี 2514 เพราะถนอมต่ออายุราชการตัวเองแต่ไม่ต่อให้ใครมีเพียง 2 คน สำคัญก็คือไม่ต่อให้ พลตำรวจเอกประเสริฐ รุจิรวงศ์ จอมพลประภาสต่ออายุแล้วยกระดับขึ้นเป็นจอมพล เลยกลายเป็นรอยร้าว เท่ากับบอกว่าทหารสายอื่นไม่สามารถอยู่ในเส้นทางอำนาจต่อ
มันมีโจทย์ สองโจทย์คือ โจทย์การแตกแยกภายในกองทัพกับกระแสสังคมที่ไม่ตอบรับกับระบอบทหาร จะบอกว่านักศึกษาไม่ชนะก็ไม่ใช่ แต่มันเป็นชัยชนะที่ผมเชื่อว่าในหลายประเทศไม่ต่างกัน การเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยในทุกประเทศมีอะไรที่ซ่อนอยู่ใต้พรมทั้งนั้น
เหตุการณ์ที่หน้าสวนจิตรฯ กับถนนพระราม 5 การปะทะที่เกิดขึ้นโดยตำรวจขณะที่ประชาชนกำลังจะกลับบ้านแล้ว นี่เป็นชนวนสำคัญของการสลายการชุมนุมระลอกใหญ่ตามมาจนเหตุ 14 ตุลาใหญ่ขึ้น ตกลงเป็นอุบัติเหตุหรือความจงใจทางการเมือง
เราไม่รับรู้ในเชิงข้อมูลว่าเกิดการตัดสินใจอะไร หรือเป็นเพียงความผิดพลาดที่สื่อสารไม่ได้ ระหว่างศูนย์บัญชาการของตำรวจ เนื่องจากตำรวจคำนึงว่า พื้นที่ตรงนั้นมีความละเอียดอ่อน เนื่องจากอยู่หน้าสวนจิตรฯ เจ้าหน้าที่อาจกลัวว่าจะพังเข้าไปในสวนจิตรฯ หรือไม่ โจทย์เป็นเครื่องหมายคำถามที่ทิ้งไว้นักศึกษาไม่อยู่ในฐานะที่รับรู้ข้อมูลได้มากกว่านั้น
ยกเว้นเป็นเพียงคาดการณ์หรือการวิเคราะห์มากกว่า
วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ตกเย็น (ตอนหัวค่ำ) จอมพลถนอมประกาศลาออก
ที่ยอมลาออกเพราะประมาณเที่ยงเศษๆ วันนั้นกองทัพบกประกาศชัด ไม่เคลื่อนกำลังสนับสนุนทหารที่อยู่บนถนนราชดำเนิน เป็นคำสั่ง ผบ.ทบ. พลเอกกฤษณ์ สีวะรา เป็นข่าวใหญ่ทันทีเป็นที่รับรู้ของประชาชนในทางการเมืองเราพอเดาได้แล้วตัวรัฐบาลเวลานั้นอยู่ที่สวนรื่นฯ ประกาศอย่างนั้นภาษาการเมืองคือ ทบ. ลอยแพรัฐบาล
@ เรามีอนุสรณ์สถานแต่ก็ไม่ถูกทำให้เป็นศูนย์การเรียนรู้เรื่อง 14 ตุลา จริงๆ
ครบรอบ 50 ปี แล้วยังถกกันเรื่องเดิมเหมือน ไม่ไปไหนเลย สิ่งที่อยากฝากพวกเราคือ ไม่ควรแค่จัดงานรำลึกไปเรื่อยๆ มิฉะนั้นงาน 14 ตุลา 6 ตุลา จะไม่ต่างกับงานเช็งเม้งเจอกันกินข้าวกันไหว้เสร็จก็แยกย้ายกันไป ปัจจุบันกลายเป็นประเพณีต้องเอาพวงหรีดไปตั้ง แล้วก็ไม่มีสาระเป็นอย่างอื่น เราอยากเห็นว่าการจัดงานมีสาระมากขึ้นโดยเฉพาะสาระในการขับเคลื่อนสร้างประชาธิปไตยให้กับสังคมไทย
lรศ.ดร.บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ กรณี “กวางจู เกาหลีใต้” “The May 18 Memorial Foundation” ปี 1980 คนกวางจูคับแค้นต่อสู้เพื่อความเป็นมนุษย์ที่ต้องการเสรีภาพและประชาธิปไตย ต่อรองเรียกร้องจนกระทั่งทางการยอมรับว่ามีการล้อมปราบเกิดขึ้นจริงและเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์แบบนี้เกิดขึ้นมาซ้ำรอย
คนกวางจูเปิดมูลนิธิฯ จัดงานรำลึกทุกปีจัดหอจดหมายเหตุ 518 (เดือน 5 วันที่ 18) ทุกปีมีการแจกรางวัลสิทธิมนุษยชนให้กับคนทั่วโลกรัฐบาลเกาหลีใต้ในปี 2001 ใช้ พ.ร.บ.บัญญัติจัดตั้ง Korea Democracy Foundation เพื่อที่จะศึกษารวบรวมข้อมูล รำลึก ส่งผ่านมรดกประชาธิปไตยทุกๆ ปีจะมีการค้นพบหลักฐานใหม่แล้วมันมีเรื่องราวมากมายให้เราคิดต่อ สิ่งสำคัญคือทำยังไงไม่ให้เกิดขึ้นอีก คำถามสุดท้ายนี่ผมคิดว่าเราถามตัวเองน้อยไปนิดหนึ่งเราอาจต้องมีการสืบค้นให้มากขึ้น มีการเก็บหลักฐานอย่างเป็นระบบมากขึ้น ไม่มีทางที่เราจะได้ประชาธิปไตยมาเปล่าๆ มันต้องมีการลงทุน @ หลังเกิดการปะทะกัน
ในหลวง (ร.9) กับพระราชินี เปิดวังให้นักศึกษาที่ถูกตีข้ามคูรอบสวนจิตรฯ เข้าไปในพระราชวัง ภาพนี้มีผลต่อความรู้สึกของผู้คนยุคนั้นเห็นได้ชัดว่าระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใกล้ชิดกันอย่างที่สุดในวันนั้น เปลี่ยนชะตากรรมของประเทศไทยอย่างมากทีเดียว จากมุมมองหนึ่งที่เราเห็นสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ห่างไกล วันนั้นคือแนบแน่นที่สุด
lนายพีรพล ตริยะเกษม นายกอมธ.ในช่วงนั้น
โปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้า
วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๑๖ เวลา ๑๖.๒๐-๑๗.๒๐ น.
ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ พร้อมกรรมการ ศนท.รวมทั้ง คุณพีรพล ได้เดินทางไปเข้าเฝ้าฯ ในหลวงทรงมีรับสั่งว่า “ถ้าเราต้องการรัฐธรรมนูญ ท่านก็จะรับสั่งกับรัฐบาลให้รัฐธรรมนูญแก่นักศึกษาฯ ทั้งนี้ ทรงมีรับสั่งด้วยว่า“ให้ทำสัญญา ตกลงกันไว้ทั้งสองฝ่ายฯ”
วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๖ เวลา ๐๗.๐๐ น.
นายพีรพล ได้มีโอกาสเข้าพบ นายกฯสัญญาฯที่วังสวนจิตรลดา แล้วหลังจากนั้น นายกฯ ได้แนะนำให้รู้จักกับ พลเอกกฤษณ์ สีวะรา ผู้บัญชาการทหารบก และต่อมาได้รับแต่งตั้ง ให้เป็น “ผู้อำนวยการรักษาพระนครฯ”
มีพระบรมราชานุญาต ให้ อมธ. และสภา นักศึกษาธรรมศาสตร์เข้าเฝ้าฯที่วังสวนจิตรลดาฯ
วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๑๖ ตอนบ่ายฯ
“ในหลวงฯ ทรงมีปฏิสันถารในหลายหัวข้อกับนักศึกษาอย่างใกล้ชิดอย่างไม่ทรงถือพระองค์ได้ทรงเป็นห่วงปัญหาต่างๆ ของบ้านเมือง ปัญหาคอร์รัปชั่น ปัญหาความยากจนฯได้ทรงตักเตือนให้พวกเรา มีความอดทน เข้าใจ เห็นใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ให้รักสามัคคีกันแน่นแฟ้นเพื่อเป็นพลังสำคัญในการแก้ปัญหา และช่วยกันอุ้มชูบ้านเมืองให้ผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้จากนั้นเราทุกคนกราบถวายบังคมลาแทบเบื้องพระยุคลบาท ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในน้ำพระทัยที่มีต่อพวกเราเป็นล้นพ้น” (พีรพล ตริยะเกษม : อมธ.กับการเคลื่อนไหว ๑๔ ตุลาฯ)
l กมล กมลตระกูล
โจทย์ที่ควรจะตั้งและควานหากัน คือ
๑. ใครหรือปัจจัย กับดัก หรือกลไกอะไร ที่ขัดขวางทำให้เจตนารมณ์ของ ๑๔ ตุลา ไม่บรรลุเป้าหมาย
๒. เราจักฝ่าข้ามไปเอาชนะอุปสรรคนั้น ได้อย่างไร
๓. จุดอ่อน ซึ่งเป็นบทเรียนของ ๑๔ ตุลา คืออะไร ควรสรุปออกมาเป็นบทเรียนให้คนรุ่นใหม่
๔. คนเดือนตุลา มีบทเรียนอะไร ที่จะประสานหรือสนับสนุนเยาวชนคนรุ่นใหม่ฯ
๕. เลิกฝันได้แล้ว ว่า “คนเดือนตุลา คือ ผู้นำ หรือผู้สามารถนำพาการเปลี่ยนแปลงฯได้”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี