วันที่ 29 พ.ย.นี้ เวลา 13.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ย้ายเอื้อญาติ
หลังจากเลื่อนมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีองค์คณะผู้พิพากษา 1 ท่านไม่มา โดยมีเหตุจำเป็นที่ไม่อาจก้าวล่วงได้
1. คดีนี้ อัยการสูงสุดเป็นโจทก์
ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
กล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ ใช้อำนาจโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีโดยมิชอบ
2. ในความเป็นจริง กรณียิ่งลักษณ์ใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เอื้อประโยชน์แก่ญาติพี่น้องตนเอง
นี่เป็นเหตุให้ยิ่งลักษณ์พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญ
ยิ่งลักษณ์มิได้พ้นตำแหน่งนายกฯ เพราะถูกรัฐประหารอย่างที่พยายามสร้างปลุกปั่นกัน
3. ความจริงย้ายเอื้อญาติ
ช่วงปี 2554 รัฐบาลทักษิณคิด เพื่อไทยทำยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ หาทางผลักดันให้คนตระกูลชินวัตรได้ยึดครองอำนาจเบ็ดเสร็จ ในตำแหน่งที่เกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ
ขณะนั้น นายถวิล เปลี่ยนศรี ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นข้าราชการตงฉิน ไม่เป็นที่ชอบใจของคนแดนไกล
ส่วนพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นพี่ชายภรรยาของนายทักษิณ ชินวัตร เครือญาติตระกูลชิน
ข้อมูลจากการไต่สวนและชี้มูลของ ป.ป.ช.เปิดเผยว่า
3.1 เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2554 วันอาทิตย์วันหยุดราชการ
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ โทรศัพท์สั่งการให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอรับโอนนายถวิล มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ
จากนั้น สำนักเลขาฯ, รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์, รองนายกฯ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ก็รับลูกต่อกันภายในวันอาทิตย์วันเดียวนั่นเอง
เพียงแต่ได้มีการแก้ไขบันทึกข้อความในภายหลัง เป็นวันที่ 5 กันยายน วันจันทร์ ก่อนนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา
3.2 จากนั้น วันอังคารที่ 6 กันยายน
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้อนุมัติให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นวาระจร
แล้ว ครม.ก็ลงมติรับทราบ
การแต่งตั้งโยกย้ายดำเนินการอย่างเร่งรีบรวบรัด แล้วเสร็จภายใน 4 วัน
3.3 เมื่อย้ายนายถวิลออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช.แล้ว เท่ากับเปิดทางสะดวก
วันที่ 4 ตุลาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช.
3.4 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2554
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะประธานกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ เสนอชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ผู้เป็นเครือญาติของตนเองที่จะเกษียณอายุราชการ วันที่ 30 กันยายน 2555 ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. แทน พล.ต.อ.วิเชียร ที่ย้ายไปก่อนหน้านี้
ที่ประชุม ก.ต.ช.มีมติเห็นชอบ
พูดง่ายๆ ว่า ย้ายนายถวิล เปิดทางให้ย้าย ผบ.ตร. ก็เพื่อผลักดันญาติตนเองขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.
4. ศาลปกครองสูงสุด พิพากษา คดีหมายเลขแดงที่ อ. 33/2557 วันที่ 20 ก.พ. 2557
ระบุว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
5. ศาลรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัย 9/2557 วันที่ 7 พ.ค. 2557
ระบุว่า ยิ่งลักษณ์กระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย เอื้อประโยชน์เครือญาติตนเอง มิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและของประชาชน มีผลประโยชน์ทับซ้อนและมีวาระซ่อนเร้น
6. จะเห็นว่า ทั้งศาลปกครองสูงสุด และศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาดไปในทางเดียวกัน
ยิ่งลักษณ์ทำผิดทั้งสองศาล
7. ความผิดอาญาย้ายเอื้อญาติ
ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2563 ระบุว่าการกระทำของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157
อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้สวนเสร็จแล้ว นัดอ่านคำพิพากษา 29 พ.ย.นี้
8. ยิ่งลักษณ์ไม่มาศาล
นัดอ่านคำพิพากษาคดีย้ายเอื้อญาติก่อนหน้านี้ยิ่งลักษณ์ยังหลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษา
โดยหนีไปตั้งแต่คราวนัดฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว 25 ส.ค. 2560
ทิ้งรัฐมนตรีข้าวจีทูเจี๊ยะ ลูกน้องในพรรคของตัวเองไม่บอกไม่กล่าว
แม้กระทั่งมวลชนผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ ยังต่อว่านักข่าวหาว่าโกหกว่ายิ่งลักษณ์หนีไปแล้ว
โกหกศาลว่า “ป่วยด้วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน”
ศาลไม่เชื่อ ออกหมายจับ
ปรากฏในภายหลังว่า มีการวางแผนหนีคดีไปตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว
มีนายตำรวจยศ พ.ต.อ. เป็นคนขับรถพาหนี ออกจากบ้านพักย่านวัชรพล ตั้งแต่คืนวันที่ 23 ส.ค.2560
จากนั้น ยิ่งลักษณ์ข้ามไปกัมพูชา ต่อไปประเทศสิงคโปร์ เพื่อพบกับนายทักษิณ ชินวัตร แล้วก็เดินทางไปยังนครดูไบ
ล่าสุด ยิ่งลักษณ์โพสต์ภาพถ่ายที่สวนส้มในเกาหลีใต้ แต่ไม่ยืนยันว่าเจ้าตัวพำนักอยู่ที่ใด
9. ยิ่งลักษณ์ยังหลบหนีโทษจำคุก 5 ปี
คดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว ปล่อยให้มีการโกงข้าวจีทูจี ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
นอกจากนี้ ยังมีคดีค่าเสียหายจำนำข้าว ยังไม่ถึงที่สุด
เป็นความจริงที่ชัดเจนว่า โครงการจำนำข้าว “ยุครัฐบาลทักษิณคิดเพื่อไทยทำ ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ” มีการทุจริตโกงกินมโหฬารเกิดความเสียหายจริงไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท
แต่ตัวอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายจำนำข้าวหรือไม่ ยอดจำนวนเท่าใด ขณะนี้คดียังไม่ถึงที่สุด
สืบเนื่องจากยิ่งลักษณ์เข้ามาเป็นนายกฯ และเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ดำเนินโครงการรับจำนำข้าว
แต่กลับปล่อยให้มีการทุจริตโกงกิน โดยเฉพาะการขายข้าวจีทูจีเก๊ ปล่อยให้คนมาซื้อข้าวจากหลวงราคาถูกกว่าที่ควรจะเป็น เกิดความเสียหายบานปลาย ถึงขนาดชาวนาเอาข้าวมาจำนำแล้วไม่ได้รับเงิน กอดใบประทวนรอเงินอยู่ 3-4 เดือน หลายสิบคนเครียดจนฆ่าตัวตาย
อนุปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว สรุปผลการขาดทุน ณ 30 กันยายน 2557 โดยคำนวณมูลค่าข้าวในสต๊อกตามปริมาณและคุณภาพในบัญชี ปรากฏผลขาดทุน 536,908 ล้านบาท
พูดง่ายๆ ว่า ถ้าขายข้าวในโกดังทั้งหมดตอนนั้น ทำให้มีรายรับมาหักกลบลบรายจ่าย โครงการก็จะขาดทุนมากกว่าห้าแสนล้านบาท
ต่อมา เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนักการเมืองและผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนเกิดความเสียหายร้ายแรง
กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้เสียหาย จึงได้ดำเนินการติดตามเรียกค่าสินไหมทดแทน เพื่อชดใช้คืนแผ่นดิน
กระทั่งออกคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว จำนวน 20% หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท
ฝ่ายยิ่งลักษณ์ไม่ยอมรับ ใช้สิทธินำคดีไปฟ้องศาลปกครอง
ศาลปกครองกลางให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังดังกล่าว และให้เพิกถอนคำสั่งของกรมบังคับคดีเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์สินยิ่งลักษณ์ด้วย
ศาลปกครองกลางมิได้บอกว่าโครงการจำนำข้าวไม่มีการทุจริตโกงกิน แต่ให้เหตุผลว่า ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่ายิ่งลักษณ์เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวโดยตรง
อย่างไรก็ตาม คดียังไม่ถึงที่สุด
ขณะนี้ อยู่ในชั้นศาลปกครองสูงสุด
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี