รัฐบาลไทยชุดนี้พยายามชูเรื่อง Soft Power ให้เป็นจุดขายทางการเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้นักการเมืองหน้าใหม่รายหนึ่งได้มีเวทีเปิดหน้าตัวเอง เพื่อจะเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปในขณะที่หลายคนที่เข้าใจเรื่อง Soft Powerดีกว่ารัฐบาล ก็ตั้งคำถามกลับไปว่ารัฐบาลเข้าใจดีหรือไม่ว่า Soft Power คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และอะไรคือ Soft Power ตัวหลักๆ ของประเทศไทย
หลายคนวิพากษ์ว่าคนที่รัฐบาลตั้งให้เป็นหัวขบวนดูแลเรื่อง Soft Power ของไทยไม่น่าจะมีความเข้าใจแท้จริงว่า อะไรคือ Soft Power แต่อาจจะเห็นว่าจำเป็นต้องสร้างประเด็นการเมืองขึ้นมา แล้วใช้ประเด็นนั้นเป็นตัวเปิดหน้าฉากการเมืองให้คนที่อยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้มีพื้นที่แสดงบทบาทการเมืองแบบ Soft Opening ก่อนจะกระโจนไปกินตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อจะได้ให้ได้ชิมลางการเมืองไทยก่อนจะขึ้นไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจริงๆ จังๆ แม้ปัจจุบันคนคนนั้นจะถูกวิพากษ์ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีแฝดอยู่แล้วก็ตาม แต่ก็มีคนวิพากษ์อีกว่า ต่อให้คนคนนั้นที่ต้องการจะเข้าไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแทนเศรษฐา ทวีสิน สามารถนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ก็ตาม แต่ก็ยังต้องมีนายกรัฐมนตรีตัวจริง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าตัวพ่อ ซึ่งอยู่หลังฉาก หลังม่าน แล้วคอยเชิดชักใยบงการให้นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดต้องทำตามคำสั่ง
กลับไปที่ประเด็น Soft Power ของไทย ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วไทยมี Soft Power อยู่ตั้งแต่ดั่งเดิมมานานแล้ว เช่น รำไทย นาฏศิลป์ไทยโดยเฉพาะโขน ชุดไทยแบบต่างๆ มวยไทย การไหว้แบบไทย ยิ้มสยาม อาหารไทย เป็นต้น แต่ทว่าที่ผ่านๆ มานั้น รัฐบาลชุดก่อนๆ ไม่เคยนำพา หรือส่งเสริมเรื่องสำคัญเหล่านั้นอย่างจริงๆ จังๆ อาจจะเป็นเพราะว่ามองข้าม หรือขาดสติปัญญาลึกซึ้งเพียงพอที่จะเข้าใจสาระสำคัญของ Soft Power ของไทย
แต่มาบัดนี้ เมื่อสังคมโลกกล่าวถึง Soft Power มากขึ้น ก็จึงจำเป็นที่รัฐบาลไทยต้องหันไปเต้นตามกระแส Soft Power ไปกับเขาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นเกาหลีใต้ชูเรื่อง Soft Power ได้สำเร็จจนดังทะลุโลกไปนานแล้ว โดยผ่านหนังเกาหลี อาหารเกาหลี และแหล่งท่องเที่ยวเกาหลี ก็ทำให้รัฐบาลไทยเพิ่งจะตื่นตัว แล้วขยับไปตามจังหวะ Soft Power กับเขาบ้าง แต่ก็เป็นการเต้นที่ไม่เข้ากับจังหวะของไทย เพราะคนเต้นไม่รู้เรื่อง Soft Power แท้จริง
ขอบอกตรงๆ ว่าคนที่จะทำให้ Soft Power ของไทยโด่งดังจนเป็นที่รู้จักของประชาคมโลกได้ต้องเข้าใจรากเหง้าของ Soft Power ของไทยก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ใช่ตัวคนที่จะชูเรื่อง Soft Powerยัง fake ยิ่งกว่า fake เหมือนที่เป็นอยู่ แถมโดยส่วนตัวยังมีจุดอ่อน (Soft Spots) อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น back ground ด้านการศึกษา หรือเรื่องเป็นหุ่นเชิดของเจ้าของพรรคการเมืองบางพรรค แถมยังถูกวิจารณ์ว่าเป็นหัวหน้าพรรคได้เพราะเป็นลูกเจ้าของพรรค โดยไม่ได้เป็นห้วหน้าพรรคด้วยความสามารถทางการเมือง เพราะไม่เคยมีศักยภาพทางการเมืองแม้แต่น้อย
ขอบอกให้เอาบุญว่า Soft Power ของไทยไม่ใช่หมูกระทะ เพราะหมูกระทะไม่ใช่อาหารไทยแต่ดั้งแต่เดิม แต่มันมาจากการนำเอาอาหารของคนชาติอื่นมาแปลงโฉม หากจะชูหมูกระทะเป็นอาหารไทยก็ต้องบอกว่า idiot แล้ว ถามจริงๆ เถอะ เอาอะไรมาคิดว่าหมูกระทะคือ Soft Power ของไทย บรรพบุรุษ ปู่ยาตายายของบ้านไหนกินหมูกระทะเป็นอาหารประจำบ้านหรือ อันที่จริงน่าจะรู้ได้โดยไม่ยากเย็น ไม่ต้องใช้สติปัญญาอะไรลึกซึ้งเลย เพราะหมูกระทะนั้นเพิ่งจะมาดังในสังคมไทยเมื่อไม่นานมานี้เอง หรือจะบอกว่ามีหมูกระทะมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย หรืออยุธยา ก็ให้ว่ามาเลย จะได้รู้ถึงระดับสติปัญญาที่แท้จริงของผู้ชูหมูกระทะเป็น Soft Power ของไทย
การจะเข้าใจเรื่อง Soft Power ของไทยต้องอาศัยรากเหง้าทางสติปัญญาเป็นสำคัญ ย้ำว่าSoft Power ของไทยไม่ใช่เรื่อง fake ไม่ใช่เรื่องที่ idiot จะสามารถชู Soft Power ได้ ดังนั้นก่อนที่ใครก็ตามจะรับตำแหน่งตัวชูภาพ Soft Powerของไทย ต้องคิดก่อนว่าตนเองมีสติปัญญาเพียงพอหรือไม่ และต้องดูด้วยว่าตนเอง fake หรือเปล่า หากทั้ง fake และทั้ง idiot ก็ไม่ควรรับตำแหน่งตัวชู Soft Power ของไทย เพราะมันจะประจานให้โลกรู้ว่า รัฐบาลไทยใช้คน fakeและ idiot ไปทำเรื่อง Soft Power ซึ่งจะทำลายภาพลักษณ์ของไทยให้ย่อยยับเสียมากกว่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี