จะมีการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค ในวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคมนี้ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ การประชุมจะเริ่มตั้งแต่เวลา 08.30 น. ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานเลขาธิการพรรค และรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคได้มีการจัดเตรียมสถานที่ และกำหนดองค์ประชุมตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ ข้อที่ 81 และที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายพรรคการเมืองว่า จะต้องมีไม่น้อยกว่า 250 คน แต่ในส่วนของข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเตรียมองค์ประชุมไว้เบื้องต้น 346 คน และมีมติของรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคที่ให้มีการกำหนดองค์ประชุมสำรองอีก 150 คน ซึ่งจะเป็นบุคคลที่จะไปร่วมประชุมเป็นองค์ประชุมในการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อที่จะเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ อธิบายว่า สำหรับขั้นตอนการเลือกหัวหน้าพรรค ก็จะไปยุติในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ซึ่งผู้สมัครหัวหน้าพรรคคนใดที่เป็นสมาชิกพรรคน้อยกว่า 5 ปี ถือว่ามีคุณสมบัติไม่ครบตามข้อบังคับ ดังนั้น คนที่เสนอจะต้องขอมติในที่ประชุมไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ให้ยกเว้นข้อบังคับ และในการเสนอชื่อผู้ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคจะต้องมีผู้รับรองในห้องประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
ส่วนบุคคลที่ผ่านการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค จะสามารถแสดงวิสัยทัศน์ได้คนละไม่เกิน 7 นาที บนเวที เพื่อให้องค์ประชุมได้ทราบถึงแนวทางอุดมการณ์ในการเดินหน้าพรรค พร้อมย้ำสัดส่วนคะแนนยังไม่ได้มีการแก้ไขยังคงเป็นสัดส่วน 70:30 เหมือนเดิม โดย 70% มาจาก สส. 25 คน และ 30% มาจากองค์ประชุมส่วนอื่น
“ผมมั่นใจว่าในการประชุมวันที่ 9 ธ.ค.นี้พรรคประชาธิปัตย์ เราจะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่และเชื่อมั่นว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จะนำพาพรรค ก้าวเดินต่อไปในอนาคต และเชื่อมั่นด้วยความเป็นสถาบันทางการเมืองบุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องยึดหลักการของพรรคมุ่งมั่นฟื้นฟูพัฒนาพรรคให้เข้ากับสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้หัวหน้าพรรคแล้ว ก็ยังทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศ พร้อมกับจัดการบริหารพรรคควบคู่กันไปตั้งแต่เรื่องการปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาพรรคในเรื่องต่างๆ” นายราเมศ กล่าว
ทั้งยืนยันว่าการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคไม่มีกระบวนการซื้อเสียง โดยยึดถือหลักประชาธิปไตย ดังนั้นการหาเสียงสามารถทำได้อย่างเต็มที่ โดยอนุญาตให้ใช้สื่อต่างๆ ได้ ทั้งในรูปแบบโซเชียลมีเดีย หรือ การใช้ป้ายแผ่นโบรชัวร์แจก เพื่อขอคะแนนสนับสนุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสมาชิกพรรคที่ได้เปิดตัวกับสื่อมวลชนเพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว ขณะนี้ มีอยู่ 2 คน คือ นายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ กับ มาดามเดียร์ -น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ของพรรค
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เรื่องวุ่นๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ ภาค 2”เมื่อถามถึงบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 28.32 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ อันดับ 2 ร้อยละ27.10 ระบุว่าเป็น น.ส.วทันยา บุนนาค (มาดามเดียร์)อันดับ 3 ร้อยละ 20.46 ระบุว่าเป็น ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน อันดับ 4 ร้อยละ 9.39 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอันดับ 5 ร้อยละ 7.94 ระบุว่าเป็น นายนราพัฒน์แก้วทอง อันดับ 6 ร้อยละ 6.03 ระบุว่าเป็น นายชวน หลีกภัยและร้อยละ 0.76 ระบุอื่นๆ ได้แก่ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อพรรคประชาธิปัตย์หลังการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 36.11 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น รองลงมา ร้อยละ 24.58 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จะอยู่กันต่อไปแบบบรรยากาศมาคุ (อึดอัด อึมครึม) ร้อยละ 18.39 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จะแตกแยก โดยมีบางส่วนย้ายออกจากพรรคฯ ร้อยละ 15.27 ระบุว่า ที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่สามารถเลือกหัวหน้าพรรคฯ/เลขาธิการพรรค ได้ และร้อยละ 5.65 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ ไม่สนใจ
มวลมหาประชาชนชาวประชาธิปัตย์เชื่อโพลนิด้าอีกสักหน โอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเป็นใหญ่มีสูง แต่ผิดไปจากนั้นก็ไม่รู้ว่าจะสาละวันเตี้ยลงไปมากกว่าเดิมหรือไม่???
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี