วันอังคาร ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
            ผมก็หวังว่าในปี พ.ศ. 2567 นี้ พวกเราพลเมืองไทยทุกคน จะมีความมุ่งมั่นในการร่วมกันเป็นพลเมืองที่ดีของราชอาณาจักรไทย ด้วยการ :
1. รักชาติ: โดยการทำหน้าที่พลเมืองรักษาทรัพย์สมบัติของชาติ รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เสียภาษี และการใช้สิทธิพลเมืองอย่างมีวินัย
2. รักศาสน์: โดยการรักษาศีลไม่เบียดเบียนผู้อื่น และมีมิตรจิตมิตรใจและเมตตา กรุณา และทำบุญทำทานตามพละกำลัง และรู้จักอภัย
3. รักกษัตริย์: โดยการเสริมสร้างองค์ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นมาของประวัติศาสตร์ไทย ที่คงความเป็นเอกราชไว้ได้ มีการทำนุบำรุงบ้านเมือง มีการเลิกระบบทาสและระบบศักดินา ให้คนไทยได้เป็นเสรีชนโดยสมบูรณ์ ทั้งนี้ด้วยการตระหนักว่าสถาบันกษัตริย์คือศูนย์รวมจิตใจ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่ดีงาม
จนบัดนี้ ราชอาณาจักรไทยยังอยู่ในกระบวนการของการเสริมสร้างสังคมประชาธิปไตย ซึ่งก็เป็นที่คาดหวังว่าเราพลเมืองไทยทุกคน จะช่วยกันลงแรงลงใจในการขับเคลื่อนให้ราชอาณาจักรไทยบรรลุเป้าหมายของการเป็นสังคมประชาธิปไตยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ควบคู่ไปกับการอยู่ร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครอง กับผู้อยู่ภายใต้การปกครองตามหลักธรรมาภิบาล
ในการนี้ ก็เป็นที่คาดหวังว่า บรรดาผู้ที่อาสาเข้ามารับใช้บ้านเมือง ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำ ก็จะได้ทำงานทำการอย่างจริงจัง ด้วยความอุตสาหะ และด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ตักตวงเอาประโยชน์เข้าตัวและพรรคพวก และไม่บิดเบือนซึ่งการใช้อำนาจรัฐ
ความคาดหวังต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นล้วนขึ้นอยู่กับบรรดาผู้อาสาสมัครเข้ามารับใช้ชาติเป็นสำคัญ ก็หวังว่าอุดมการณ์อุดมคติ และจิตสำนึก จะมีอยู่อย่างมั่นคงไม่อ่อนไหว ไม่คล้อยตามไปกับความโลภความโกรธ และความหลง แต่อย่างใด
แต่ท่ามกลางความหวังต่างๆดังกล่าวนี้ พวกเราชาวไทยทั้งหลายก็ถือว่ายังมีความห่วงกังวลอยู่ไม่น้อยทีเดียว เพราะความท้าทายต่างๆ จากภายนอกและภายในประเทศก็ยังมีอีกมากมาย ประเด็นปัญหาต่างๆ ก็ยังค้างคาอยู่อีกมากมายเช่นกัน และดูว่ายังไม่มีหนทางที่จะแก้ไขและเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เพราะบรรดาผู้เข้ามาอาสารับใช้ประเทศ ยังดูเสมือนว่ายังเป็นผู้เข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากประเทศมากกว่า อีกทั้งประชาชนพลเมืองก็ยังถูกปิดหูปิดตา ถูกบิดเบือนข้อเท็จจริง และถูกปั่นหัวให้งมงายเคลิบเคลิ้มไปกับเรื่องไร้สาระและเรื่องที่ผิวเผิน ไม่จริงจัง
อย่าลืมว่า ความอดสู เหนื่อยหน่ายและความไม่พึงพอใจต่อความเป็นไปในบ้านเมืองก็ยังคุกรุ่นอยู่ เพียงรอเวลา และจังหวะที่จะรวมกันเป็นไฟกองโต นั่นคือความหายนะของชาติบ้านเมืองที่รออยู่
แต่ทำไมเล่า เราจะปล่อยให้เรื่องร้ายแรงต้องมาเกิดขึ้น? ในเมื่อเรายังอยู่ในวิสัยที่จะบรรเทา ขจัด ประเด็นปัญหาไปได้ เพียงแต่ผู้ห่วงใยบ้านเมืองต้องมีความกล้าหาญและกำลังใจที่จะออกมาเรียกร้องและเสนอแนะ อีกทั้งบรรดาผู้มาอาสารับใช้บ้านเมืองก็ต้องกลัวบุญกลัวบาป และคิดอ่านที่จะปรับกระบวนยุทธ “เป็นโจรกลับใจ” ด้วยว่าความไม่ดีไม่งามนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะคงอยู่ไปได้โดยตลอด และเมื่อถึงเวลาหนึ่ง สังคมจะกลับมาเอาคืน เมื่อนั้น ภยันตรายก็จะมาถึงตัวตนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

										รวบ รปภ. หมู่บ้านดังย่านดอนเมือง หนีคดีลวงหลานสาววัย 11 ขืนใจในสวนยางพารา
									
										ขอบคุณ'คุณจ๋า'! ภรรยานายกฯอนุทิน เลือกใช้ 'กระเป๋า' ฝีมือคนไทยสู่สายตานานาชาติ
									
										ชวนต่อจิ๊กซอว์การเมือง! 'อ.ไชยันต์'เปิดเบื้องหลังทำไม'เสื้อแดง' ต้องไล่ 'อภิสิทธิ์'?
									
										ร้อง กกต.สอบพรรคส้มแล้ว ปมหาสมาชิกคล้ายเครือข่ายฟอกเงิน
									
										หอคอยโบราณ'ตอร์เร เดย์ คอนตี'ในกรุงโรมพังถล่ม คนงานชาวโรมาเนียดับ1ราย
									
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี