“บุคคลแนวหน้า ใน หนังสือพิมพ์แนวหน้า/แนวหน้าออนไลน์ สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏให้สังคมรู้เท่าทันเล่ห์ ทันเหลี่ยมนักการเมืองเสียชาติเกิด นักเลือกตั้งชังชาติ ส่ำสัตว์สัมภเวสีติ่งแดงด้อมส้มอุปกรณ์การเกษตรผู้บอดมืดอย่างเท่าเทียม”...
nn วันนี้สิ่งที่รัฐบาลเป็ดง่อย ของ “หนูน้อยถุงเท้าหลากสี/เศรษฐา ทวีสิน” ต้องเร่งดำเนินการคือสิ่งที่เคยแนะนำกับ “ลุงตู่ รัฐบาลรปภ.โง่” นั่นคือวิกฤตศรัทธาประชาชนที่วันนี้เจอกับตนเองจนง่อยเปลี้ยเสียขาไปต่อแทบไม่ได้ ถ้ารัฐบาลแข็งกร้าวกระชากศรัทธาและความมั่นใจกลับมายืนหนึ่งค่าย อนุรักษนิยมและอำนาจนิยม เชิดฉิ่งกับฝ่ายทุนนิยม อย่าง “ก้าวไกล” ต้องขจัดครหาบริหารประเทศ ใต้อุ้งโจรอุบาทว์โจรกาลีทุจริตคอร์รัปชั่น ประเทศประชาชน นำกระบวนการยุติธรรมไทยให้กลับมามีศักดิ์และสิทธิ์ดังเดิมต้องไม่มีความเหลื่อมล้ำในการบังคับใช้กฎหมายเกิดขึ้น...
nn เลิกพฤติกรรมจำเจ สำรอกสำรากกล่าวหาอดีต ยอมรับข้อเท็จจริง “วิกฤต”ที่เห่าหอนคือวิกฤตศรัทธารัฐบาล อย่างที่ “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)” ตอบคำถามสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่า “เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว เพียงแต่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ที่ต่ำกว่าคาดการณ์ แต่ก็ไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤต” ยังจะข้องใจประเด็นใดอีก อ่านภาษาไทยไม่แตกฉานอ่านซ้ำๆ แล้วตั้งสติคิดพิเคราะห์ หรือจะอ่านหน้าเศรษฐกิจนสพ.แนวหน้าฉบับเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาปัญญาอาจจะเกิดก็เป็นได้... “เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรมว.คลัง และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย” หนึ่งในบุคคลสำคัญที่ผลักดันโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ตั้งคำถามชี้นำอีกคนที่สมควรอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าเรียกสามัญสำนึกกลับมาตรองสิ่งที่เผยแพร่เป็นข้อเขียนหน้าเศรษฐกิจแนวหน้าหูตาสว่างขึ้นเชื่อเถอะ!!...
nn นิยามของคำว่า “วิกฤตเศรษฐกิจ” มันจะเข้าข่ายหรือไม่อย่างไร จะตลบตะแลงตอแหลแค่ไหน วิกฤตหรือไม่นั้นมันบ่งชี้ด้วยตัวเลข อาทิ “การอ่อนค่ามากและรวดเร็วของค่าเงินบาทภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำหยุดชะงัก อัตราการว่างงานสูงขึ้น เกิดอัตราเงินเฟ้อและภาวะเงินฝืด หนี้รัฐเพิ่มขึ้นมหาศาล, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยออกอาการผันผวน ดัชนีหุ้นตกรูดนักลงทุนต่างชาติแห่เทหุ้นทิ้งเหมือนในขณะนี้2 สัปดาห์ มีแรงเทขายแล้วกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท”...
nn ถ้าลักษณะทางกายภาพของเศรษฐกิจประเทศ “วิกฤต” อย่างความเชื่องมงายของรัฐบาล ไม่นานดัชนีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ค่าบาทอ่อนจนไร้เสถียรภาพ อย่างเงินจ๊าด/เมียนมาเงินกีบ/ลาว เงินดอง/เวียดนาม แบงก์พาณิชย์ทยอยล้มเหมือนวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ต้นกำเนิดลอยตัวค่าบาท ขณะที่นัก “ธนกิจการเมือง” บางคนกอบโกยผลประโยชน์จากค่าเงินบาทลอยตัวมหาศาลรับรองได้ นักลงทุนชาติคงใช้ไม้เขี่ยให้พ้นทิศทางอย่างแน่นอนคณะรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนี้ไม่เคยร่วมสังฆกรรมกับ “รัฐบาลจ๊าดง่าว–ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” สมองจึงน่าจะแจ่มแจ๋วสดใส เพราะไม่ได้บริโภคแกลบรำจนล้นสมอง โดยเฉพาะ “หนูน้อยถุงเท้าหลากสี–เศรษฐา ทวีสิน” อย่าบรรจุแกลบในสมองจนเกินพอดีแยกแยะโง่เขลา/ฉลาดออกจากกันไม่ได้ ประเทศชาติจักเสียโอกาส...
nn ที่สุด “พิธาคิโอ้–พิธาลิ้มเจริญรัตน์” ก็พ้นข้อกล่าวหาถือหุ้นสื่อ/ไอทีวี ตามคำวินิจฉัยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 จึงไม่เป็นเหตุให้พ้นสมาชิกภาพความเป็นสส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 อนุมาตรา 3 แต่ยังไม่พ้นกรรมจากการออกนโยบายหาเสียงแก้ไข/ยกเลิกมาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำพิพากษาในวันพุธที่ 31 มกราคม 2567 นี้... ถือว่ายังมีโอกาสอีกเฮือกหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เพราะตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลยังอยู่ในร่าง ตราบนี้ก็ทำหน้าที่ นายกฯทิพย์,นายกฯรถแห่ไปพลางจนกว่าความจริงจะปรากฏ เล่าสู่กันฟังว่า “บิ๊กต๋อม–ชัยธวัชตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรประกาศทันทีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตามมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ให้พิธาพ้นข้อกล่าวหาตามมาตรา 101 (6) และมาตรา 98 อนุมาตรา 3 ว่า “ไม่ติดยึดตำแหน่ง”พร้อมคืนเก้าอี้ หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านให้ “พิธาคิโอ้”...
nn ดูผิวเผินเหมือนจะขยันสมราคาปลอกคอที่สวมใส่ ท่านผู้ทรงเกียรติจากพรรคก้าวไกล “ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.ระบบบัญชีรายชื่อ” เสนอข้อหารือต่อ “นายวันมูหะมัดนอร์มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา กลางที่ประชุมสภาฯเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเสนอให้ เพิ่มการประชุมสภาในวันที่ 26 มกราคม 2567 อีกวัน เนื่องจากมี ญัตติค้างในวาระกว่า 40 เรื่อง, มีร่างพระราชบัญญัติรอการพิจารณาวาระแรก จำนวน 23 เรื่อง แต่จากปฏิทินการทำงานพบว่า สภาสามารถจัดการประชุมได้อีก 6 สัปดาห์เท่านั้น เพราะที่เหลือจะมีการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการเปิดอภิปรายทั่วไปของสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้รัฐบาลชี้แจง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153...
nn ทิ้งท้าย ฉบับนี้ จับตาเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หลัง “พิธาคิโอ้-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ออกอาการ “กระดี่ได้น้ำ”รุกฆาตทางการเมืองกับ “โครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท”ที่นิดหนึ่งเลือกทางเดินออกพระราชบัญญัติเงินกู้หลังไร้สิ้นสติปัญญาหาเงินมาดำเนินโครงการตามนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ถ้ากฎหมายไม่ผ่านรัฐสภา “เก้าอี้นายกรัฐมนตรีจะมาเริ่มต้นนับหนึ่ง” ใหม่ “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ที่ทรงอิทธิพลในการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลมิใช่มีแค่ “อุ๊งอิ๊ง–แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย, “พิธาคิโอ้–พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จากพรรคก้าวไกล เท่านั้น ยังมีผู้ปิดทองหลังพระอีกสองคนสองป.ที่ประชาชนกำลังคิดถึงสุดหัวใจเร่งวันเร่งคืนให้กลับมานั่นคือ “ลุงตู่–พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 29และองคมนตรี จากพรรครวมไทยสร้างชาติ” และ “ลุงป้อม–พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ” 3 ขั้ว 3 แนวทางที่ไม่สามารถดีลการเมืองร่วมกันได้อีก... ไม่แน่นะ สังคมไทยอาจจะได้ “ลุงตู่–พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”รีเทิร์นกลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีตามคำเรียกร้องอีกครั้ง ใครจะรู้ต่อแต่นี้...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี