กรณีที่โลกออนไลน์ ได้ขุด “อินสตาแกรม tim_pita” ที่คาดว่าเป็นของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งได้โพสต์รูปตึกที่เคยเป็นจวนของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร(ชุ่ม อภัยวงศ์) ในจังหวัดพระตะบอง กัมพูชาแล้วระบุว่า เป็น “บ้านเก่าคุณยาย” โดยระบุว่า my grandmother used to live in this house almost 1 century ago (คุณยายของผมเคยอยู่ที่นี่เมื่อเกือบ 100 ปีก่อน)
1) ด้อมส้ม “ฟ้ารักพ่อ” ทั้งหลาย ควรทราบว่าภาพดังกล่าวที่นายพิธานำมาโพสต์ (หรือเป็นบัญชีปลอม?) คือ บ้านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) สมัยดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองพระตะบอง สมัยรัชกาลที่ 5 โดยตระกูลท่านได้ปกครองเมืองพระตะบองเสียมราฐ ศรีโสภณ ซึ่งอยู่ใต้การปกครองแห่งสยามประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2337 ในรัชกาลที่ 1
2) ในปี พ.ศ.2450 ผลจากการล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส และวิกฤตการณ์ รศ.112 ที่ฝรั่งเศสนำเรือรบมาปิดอ่าวไทย ตรงปากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เมืองสมุทรปราการ ทำให้สยามต้องเสียดินแดน พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ให้แก่ฝรั่งเศส
3) ขณะนั้น ท่านชุ่ม อภัยวงศ์ เป็น “เจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์” ได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นผู้สำเร็จราชการมณฑลบูรพาและให้ว่าราชการเมืองพระตะบอง เป็นข้าราชการผู้หนึ่งที่ได้กราบบังคมทูลถวายความเห็นว่า “ควรยอมเสียดินแดนส่วนน้อย เพื่อแลกกับเอกราชส่วนใหญ่” จึงนำมาสู่การที่รัชกาลที่ 5 ทรงตัดสินพระทัยยกดินแดนภายใต้การปกครองของสยามส่วนหนึ่ง
ให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อแลกกับการรักษาเมืองจันทบุรีและตราดเอาไว้ เพราะในทางยุทธศาสตร์ เมืองจันทบุรีและตราดอยู่ติดทะเลศัตรูข้าศึกสามารถยกพลเข้ามาสู่พระนครเมืองหลวงได้ง่ายกว่า
4) ขณะนั้น ทางฝรั่งเศสยังต้องการให้เจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์ (ชุ่ม) รับราชการเป็นเจ้าเมืองปกครองเมืองพระตะบองต่อ เพราะท่านชุ่มยังเป็นที่เคารพของประชาชน และสืบสายสกุลที่ปกครองเมืองพระตะบองมานับร้อยปี จะช่วยให้การเข้ามาปกครองของฝรั่งเศสราบรื่นขึ้น
5) แต่ด้วยความจงรักภักดีที่ เจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์ (ชุ่ม) มีต่อพระราชวงศ์จักรีและแผ่นดินสยาม ท่านไม่ยอมไปเป็นข้าแผ่นดินอื่น จึงยอมทิ้งตำแหน่ง อำนาจ ทิ้งบ้านหลังใหญ่ที่พิธาบอกว่า เป็น “บ้านเก่าคุณยาย” หลังนี้ ทิ้งทรัพย์สินจำนวนมาก พร้อมชีวิตที่สุขสบายในตำแหน่งเจ้าเมืองพระตะบอง พาครอบครัวเดินทางอย่างยากลำบากในช่วงฤดูฝนเข้าสู่สยามประเทศ มาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี
6) วันที่ 18 พฤศจิกายน 2450 ในหลวงรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯเลื่อนบรรดาศักดิ์ เจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์ (ชุ่ม) เป็น “เจ้าพระยาอภัยภูเบศร”
มีศักดินา 10,000 ไร่ และพระราชทานยศเป็นมหาอำมาตย์โท สังกัดกระทรวงมหาดไทย
7) ถัดมาในปี 2451 ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม) ได้ทำหน้าที่จัดการรับเสด็จรัชกาลที่ 5 โดยนำเสด็จประพาสดงศรีมหาโพธิ ก่อนที่ในปี 2452 ท่านจะดำเนินการก่อสร้าง “ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร”
(ตึกแฝดกับ “บ้านเก่าคุณยาย” ของพิธา) เพื่อใช้เป็นที่รับเสด็จ และเป็นที่ประทับแรมของรัชกาลที่ 5 แต่รัชกาลที่ 5 ท่านเสด็จสวรรคตเสียก่อน จึงมิเคยได้ประทับแรมที่นี่ มีเพียงในหลวงรัชกาลที่ 6 เท่านั้น ที่เคยประทับแรม และหลังมีพระราชบัญญัตินามสกุลใช้ในหลวงรัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานนามสกุลให้แก่สกุลนี้ว่า “อภัยวงศ์”
8) เพจเฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ของ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการ โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า
“อีกแล้วหรือ! ที่แท้พิธาเป็นลูกครึ่งเขมร! สมเพชไม่ไหว
พิธาโพสต์ไว้จริงหรือไม่? เขาโพสต์จริงมั้ยว่า คุณยายของเขาอาศัยอยู่ที่ตึกนี้มาเมื่อเกือบ 1 ศตวรรษที่ผ่านมา เพราะความจริงตึกนี้คือ ศาลากลางเก่าเมืองพระตะบอง ซึ่งเคยเป็นบ้านพักของเจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์(ชุ่ม อภัยวงศ์) โดยท่านได้ว่าจ้างช่างชาวอิตาลีเข้ามาสร้างอาคารนี้ เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรก เมื่อปี 2448 ทว่าไม่มีโอกาสใช้งาน เพราะกว่าจะแล้วเสร็จสยามก็ต้องยกดินแดนให้กับฝรั่งเศส
ปี พ.ศ. 2450 ในขณะที่ไทยมีกรณีพิพาทอินโดจีนกับประเทศฝรั่งเศส ต้องแลกมณฑลบูรพากับเมืองตราดให้แก่ฝรั่งเศส ท่านตัดสินใจทิ้งยศถาบรรดาศักดิ์ ทั้งที่ฝรั่งเศสชวนท่านปกครองเมืองพระตะบองต่อ แต่ท่านกลับอพยพครอบครัวและบุตรหลานมาเป็นข้าราชการธรรมดา ลาออกมาอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี
ต่อมาในปี พ.ศ. 2460 ได้ทรงมีพระมหากรุณาพระราชทานนามสกุลแก่เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม) และผู้สืบเชื้อสายต่อจากนั้นไปว่า “อภัยวงศ์”
พิธาโพสต์ว่า คุณยายของเขาอาศัยอยู่ที่ตึกนี้มาเกือบ 1 ศตวรรษ แปลว่า คุณยายของพิธาเป็นคนเขมรหรือ งั้นพิธาก็เป็นลูกครึ่งเขมรด้วยละสิ เป็นตามที่เขมรเคลมเอาไว้จริงๆ หรือนี่ เพราะตึกนี้ พระยาคทาธรธรณินทร์ สร้างเอาไว้แต่ท่านเองก็ไม่ทันได้อยู่ ต้องย้ายกลับมาไทยก่อนสร้างเสร็จ ผู้ที่อยู่ตึกนี้จึงเป็นคนเขมร
ส่วนถ้าจะบอกว่า พิธา อาจจะสับสนว่าคุณยายของพิธาน่าจะอยู่บ้านแฝดอีกหลังที่ปราจีนบุรี ก็ไม่น่าจะใช่อยู่ดี เพราะตึกหน้าตาเกือบจะเป็นแฝดกันอีกหลังที่สร้างโดย เจ้าพระยาอภัยภูเบศร สร้างถวายในหลวง รัชกาลที่ 5 และท่านเจ้าของตึกเองยังไม่เคยใช้หรืออาศัยที่ตึกนี้เลย ยายของพิธาเป็นใครถึงเคยอยู่อาศัยที่ตึกนี้
ต้นตระกูล อภัยวงศ์ สร้างอาคารที่งดงามขึ้นถึง 2 อาคารในพระตะบองและปราจีนบุรี แต่ไม่ได้ใช้หรือไม่ได้อยู่อาศัยทั้ง 2 อาคารนั้นเลย แปลกแต่จริง แต่อยู่ดีๆ มีนักการเมืองที่มักพูดความจริงไม่ตรงกันอ้างว่าเป็น “บ้านเก่าคุณยาย” ของตน
โอ้ละพ่อ แต่ละเรื่องที่เพ้อ
ป่วยก็ไปหาหมอซะ”
9) ต่อมา เพจเฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค โพสต์ข้อความอีกว่า “พิธา…คนที่มักพูดเรื่องเดียวกัน ในเวลาที่ต่างกัน ไม่เหมือนกัน”
เริ่มจาก….กลับมางานศพพ่อไม่ทัน
ภายหลัง…..กลับมาทันงานศพพ่อ และโดนกักตัว
เริ่มจาก….ติดสติกเกอร์ยกเลิก 112
ภายหลัง…ยังไม่ขอยกเลิก แต่ขอแก้ไข 112 ก่อน
เริ่มจาก….ถูกส่งไปเรียนที่นิวซีแลนด์ตอน อายุ 11 (ชั้นประถม)
ภายหลัง….จริงๆ ไปเรียนที่นิวซีแลนด์หลังจากจบมัธยมต้น
เริ่มจาก…เสนอร่างแก้ไข ม.112 โดยแยกประเภทความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ออกจากเรื่องความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
ภายหลัง…ไปฟ้องสื่อต่างประเทศว่า “เราไม่ได้มุ่งหวังจะแบ่งแยกสถาบันกษัตริย์ออกจากความมั่นคงของชาติ”
เริ่มต้น…โชว์ภาพจวนเจ้าเมืองพระตะบองโดยบอกว่า เป็นบ้านเก่าของคุณยาย
ภายหลัง…ต้องรอดูว่า เรื่องล่าสุดนี้ จะมาพลิ้วว่าอะไร
คนที่พูดเรื่องเดียวกัน ในเวลาที่ต่างกันไม่ตรงกัน นั้นเรียกว่า คนขี้โกหก ปลิ้นปล้อนหลอกลวง คนแบบนี้หรือ ที่เป็นขวัญใจคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหญ่ ที่อยากให้มาเปลี่ยนแปลงประเทศ
คนที่โกหกไปได้เรื่อยๆ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนไปถึงเรื่องใหญ่ๆ น้องๆ หนูๆ ไม่เอะใจคิดกันบ้างหรือว่า คนขี้โกหก จะมีอะไรที่เหลือเป็นความจริงบ้าง เช่น คำที่บอกว่าจะมาพัฒนาชาติไทย จะทำให้คนไทยกินดีอยู่ดี นั้นมันจะไม่ใช่เรื่องโกหกอีกเรื่อง รวมทั้งเรื่อง ปฏิรูปสถาบันฯ เพื่อให้สถาบันฯ คงอยู่ต่อไป ก็เป็นอีกเรื่องที่โกหกไปเรื่อยๆ
สื่อต่างประเทศที่เป็นเครือข่ายที่หวังครอบงำการเมืองไทย ก็อวยไส้แตกว่า เป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลของโลก อยากถามว่า ไม่อยากรับไปเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันบ้างหรือ อวยกันไม่มียางอายได้ขนาดนี้สมเพชไม่ไหวจริงๆ
ป่วยก็ไปหาหมอเถอะ ญาติๆ ทนดูเขาทำเรื่องขายหน้าวงศ์ตระกูลอยู่ได้ยังไง
สรุป : นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ควรออกมาทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ว่า โพสต์ภาพและข้อความดังกล่าวจริงหรือไม่ด้วยวัตถุประสงค์ใด รู้หรือไม่ว่านั่นเป็นบ้านของใคร และ “นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์” หรือไม่
สิ่งเดียวที่พิธามีร่วมกับเรื่องนี้คือ ชื่อ “ทิม”
เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม) เป็นบุตรคนโตของท่านผู้หญิงทิม และเจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์ (เยีย)
แต่สิ่งที่น่าจะต่างกันลิบลับ คือ ความซื่อสัตย์สุจริต (เริ่มต้นจากการไม่เป็น “นักแต่งเรื่อง”)
และโดยเฉพาะ “ความจงรักภักดี” ต่อพระราชวงศ์จักรี ที่เจ้าพระยาอภัยภูเบศร และสกุลอภัยวงศ์ได้พิสูจน์กันมาแล้วหลายชั่วรุ่น !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี