การโฆษณาหาเสียงของพรรคเพื่อไทยเรื่องแจกเงิน 1 หมื่นบาท ให้ประชาชนที่พรรคเพื่อไทยต้องการได้เป็นฐานเสียงการเมือง โดยผ่าน Digital Wallet ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง เพราะจวบจนบัดนี้ พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลผสมยังไม่สามารถทำเรื่องที่หาเสียงได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องกลับไปดูว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาเรื่องการหาเสียงแล้วไม่สามารถทำได้จริง ว่ามีโทษทัณฑ์อย่างไร
เรื่องการแจกเงินโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรนั้น รัฐบาลต้องการกระทำให้จงได้ แม้จะมีผู้คัดค้านมากมาย แต่รัฐบาลก็ยังยืนยันว่าจะทำ เพราะรัฐบาลได้หาเสียงไว้แล้ว แล้วประชาชนก็อยากได้ ซึ่งข้ออ้างว่าประชาชนอยากได้นั้น เป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอยมาก เพราะประชาชนบางกลุ่มเท่านั้นต้องการ แต่มีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อย
ยืนยันว่าไม่ต้องการ เพราะคาดการณ์ได้ว่าการรับเงินที่รัฐบาลก่อหนี้แล้วนำไปแจก จะนำไปสู่ปัญหาต่างๆ มากมาย และอาจจะเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นตามมา
ซึ่งอาจจะซ้ำรอยโครงการจำนำข้าวทุกเมล็ดในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ถามว่าทำไมรัฐบาลจึงดึงดันจะแจกเงินให้จงได้ทำไมจึงระบุทุกวันๆ ว่าเศรษฐกิจไทยเลวร้ายสาหัส ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ TDRI นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์จำนวนนับร้อยคน รวมถึงสื่อมวลชนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐบาลก็ได้ออกมาท้วงติงและเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนความคิดเรื่องนี้ แล้วล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติก็ออกมาตั้งข้อสังเกต หลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาแห่งชาติได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ไว้ก่อนหน้านี้ โดยบอกว่าหากรัฐบาลจะแจกเงินก็ต้องรับผิดชอบหากเกิดความผิดพลาดหรือผิดกฎหมาย เพราะรัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจดำเนินการเรื่องนี้เอง
ถามว่าทำไมรัฐบาลจึงตั้งอกตั้งใจแจกเงินให้ประชาชนหัวละ 1 หมื่นบาท ทั้งๆ ที่รัฐบาลไม่มีเงิน แต่จะต้องสร้างหนี้สินให้กับประเทศจำนวนมหาศาลอย่างน้อย 5 แสนล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลได้มีเงินไปหว่านแจกประชาชน ทั้งนี้ปากของรัฐบาลก็อ้างว่าจำเป็นต้องแจกเงิน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยรอดพ้นจากวิกฤต ทั้งๆ ที่คนไทยจำนวนไม่น้อยมองต่างจากรัฐบาล และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่วิกฤต แต่อาจจะวิกฤตได้หลังจากนี้หากรัฐบาลเศรษฐาก่อหนี้สินจำนวนมหึมาให้กับคนไทยทั้งประเทศ
จำเป็นต้องกล่าวตรงๆ ว่ารัฐบาลคิดเรื่องแจกเงินหนึ่งหมื่นบาทไม่เบ็ดเสร็จ ไม่สะเด็ดน้ำ ไม่ลงตัว แต่ทำไปเพราะต้องการหาเสียง หาคะแนนนิยมทางการเมือง โดยการก่อหนี้ให้กับประเทศ แล้วผลักภาระหนี้สินจำนวนมหาศาลให้ประชาชนรุ่นนี้ และคนรุ่นต่อๆ ไปทั้งประเทศต้องรับผิดชอบหนี้มหึมาที่รัฐบาลได้ก่อไว้ โดยต้องชดใช้หนี้ไปเรื่อยๆ ในอนาคต
หลังจากรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการแจกเงินตามอำเภอใจของตนเองได้ ก็หันไปเปิดศึกกับธนาคารแห่งประเทศไทย โดยพยายามกดดัน และถางถางด้วย
คำพูดต่างๆ เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งให้ลดอัตราดอกเบี้ยจาก ร้อยละ 2.5 ให้เหลือ ร้อยละ 2.25
ไปๆ มาๆ กลายเป็นรัฐบาลเศรษฐาได้จงใจเปิดศึกกับธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องกดดันให้ลดอัตราดอกเบี้ย แล้วก็เห็นได้ว่ารัฐบาลใช้คนของรัฐบาลหลายฝ่าย เช่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงคนอื่นๆ ที่อยู่แวดล้อมเศรษฐา เช่น กิตติรัตน์ ณ ระนอง พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช พิชัย นริพทะพันธ์ุ ดาหน้าออกมาเสมือนจงใจข่มขู่และคุกคามธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยกลอุบายสารพัดชนิด โดยเฉพาะเรื่องที่ข่มขู่ว่าหากเศรษฐกิจไทยต้องประสบวิกฤตร้ายแรงเหมือนช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องรับผิดชอบต่อวิกฤตเศรษฐกิจ
ถามว่า รัฐบาลมีหน้าที่บริหารประเทศ ใช่หรือไม่หากรัฐบาลมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะวิกฤต รัฐบาลก็ต้องแก้วิกฤตให้ได้ ย้ำว่ารัฐบาลมีอำนาจรัฐ ก็ต้องใช้อำนาจรัฐโดยชอบธรรม แต่หากรัฐบาลดำเนินการใดๆ แล้วก่อให้เกิดผลเสียหายต่อประเทศชาติ รัฐบาลต้องรับผิดชอบโดยไม่มีทางปฏิเสธ แม้รัฐบาลจะมีอำนาจรัฐก็ตาม แต่รัฐบาลก็ต้องฟังเสียงท้วงติงของประชาชน ไม่ใช่ว่าเมื่อประชาชนท้วงติงรัฐบาล แต่รัฐบาลกลับชี้หน้ากลับแล้วบอกว่าคนที่คัดค้านไม่หวังดีต่อประเทศชาติ รัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารประเทศก็จริง แต่ก็ต้องรับฟังเสียงท้วงติงของประชาชนด้วย หากรัฐบาลมั่นใจว่าก่อหนี้แล้วเอาเงินไปหว่านแจกหัวละ 1 หมื่นบาท แล้วทำให้ประชาชาติเจริญรุ่งเรือง รัฐบาลก็ทำไปเลย แต่ก็ต้องย้ำว่าหากเกิดความเสียหายใดๆ ตามมา รัฐบาลต้องรับผิดชอบในทุกกรณี แล้วก็อย่าหนีคดีอาญาไปอยู่นอกพระราชอาณาจักรไทย เหมือนที่รัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้กระทำไปแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี