สังคมไทยมีคนดัดจริตในเชิงการเมืองมากมายคนดัดจริตจำพวกนี้ชอบประดิษฐ์วาจา และชอบอวดอ้างว่า ฉันรักประชาธิปไตยมากล้น ฉันรักความเท่าเทียมมากเหลือเกิน ฉันรักความเสมอภาคมากที่สุด ฉันรังเกียจการโกงกินอย่างสุดๆ ฉันสนับสนุนการใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมยิ่งกว่าใครๆ ฯลฯแต่ทว่าคนจำพวกนี้เป็นคนปากอย่าง ใจอย่าง พูดอย่างทำอย่าง และที่สำคัญคือเป็นจอมโกหกตัวฉกาจ แต่เป็นพวกที่พูดให้ตัวเองดูดีเกินจริง แต่ในความเป็นจริงนั้นคนในกลุ่มนี้จำนวนไม่น้อยเข้าข่ายเลวทรามต่ำช้าสามานย์
คนจำพวกนี้อยู่ที่ไหนกันบ้าง
สาธารณชนจะพบว่าคนจำพวกที่เรากล่าวถึงในข้างต้นนั้นมักจะอยู่ในมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยของรัฐ ในรัฐสภา ในพรรคการเมือง ในกลุ่ม NGOs ในสมาคมวิชาชีพสื่อสารมวลชน ในองค์กรอิสระ เป็นต้น
คนจำพวกนี้ชอบตีฝีปากว่าตนเองเคารพ ศรัทธา ยึดมั่นในหลักเสรีภาพ หลักความเสมอภาค หลักความเท่าเทียม และหลักคุณธรรม รวมถึงหลักประชาธิปไตย แต่ก็ต้องย้ำเหมือนเดิมว่า เป็นการอวดอ้างเท่านั้น เพราะในความจริงแล้วคนกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถกระทำในสิ่งที่ตนเองอ้างได้แม้แต่น้อย แถมบางหน่วย และบางคนยังมีพฤติกรรมฉ้อฉลไม่แพ้กลุ่มมิจฉาชีพ
เรามักจะได้ยินคนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยของรัฐชอบอ้างเรื่องความเท่าเทียม ทั้งๆ ที่ผู้อ้างเรื่องนี้เป็นผู้ได้เปรียบคนอื่นๆ ตลอดเวลา แต่คนเหล่านี้ก็ยังโกหกตัวเองเสมอมาว่าตนเองเป็นผู้ศรัทธาในหลักความเท่าเทียมเสมอภาค ซึ่งก็ต้องย้ำเหมือนเดิมว่าเป็นเพียงภาพลวงตาที่จงใจสร้างขึ้นมาเพื่อตบตาคนอื่นให้หลงเชื่อว่าเขาเหล่านั้นคือคนดี
เป็นเรื่องแสนตลกที่เรามักจะได้ยินคนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยจำพวกดัดจริตจีบปากจีบคอบอกว่า เน้นความเสมอภาค ความเท่าเทียม แต่ทว่าคนที่ดัดจริตอ้างเรื่องนี้เป็นคนได้เปรียบผู้อื่นในทุกกรณี และหลายต่อหลายครั้งคนจำพวกนี้ยังจงใจเอาเปรียบคนอื่นๆ ในองค์กรด้วย
ตัวอย่างชัดเจนที่บ่งบอกว่าไม่ความเท่าเทียมในมหาวิทยาลัย คือ ความได้เปรียบของคนสอนหนังสือเมื่อเทียบกับคนทำงานด้านอื่นๆ ในองค์กร เพราะเราเห็นได้ชัดว่าคนสอนหนังสือ (ไม่ขอเรียกอาจารย์นะครับ)ได้เปรียบนักการภารโรง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ประจำภาควิชา และประจำคณะ รวมถึงบุคลากรอื่นๆ เนื่องจากเราพบว่าคนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยไม่เคยทำงานครบชั่วโมงทำงานตามที่ระบุในกฎระเบียบราชการ เช่น ระเบียบราชการกำหนดว่าเวลาทำงานคือ 08.00-16.30 นาฬิกา แต่คนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยจะไปทำงานตามเวลาที่ตนเองต้องการ เช่น มีวิชาที่ต้องบรรยายเริ่มเวลา 09.00 น. ก็ไปถึงมหาวิทยาลัยเวลาใกล้ๆ การบรรยาย หากวันนั้นมีบรรยายเพียงวิชาเดียวจนถึง 12.00 นาฬิกา คนสอนหนังสือส่วนใหญ่จะสอนไม่เต็มเวลา เมื่อสอนเสร็จก็กลับบ้าน ไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยจนถึงเวลาเลิกงานตามเวลาราชการกำหนด แต่เจ้าหน้าที่อื่นๆ ในมหาวิทยาลัยต้องทำงานตามเวลาที่กำหนด และยังต้องลงชื่อตอกบัตรเวลาปฏิบัติงานด้วย นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในมหาวิทยาลัยของรัฐทุกแห่ง ย้ำว่าไม่เคยมีคนสอนหนังสือหน้าไหนทำงานครบเวลาตามกำหนดในกฎระเบียบของราชการ
นี่ยังไม่นับรวมไปถึงการมีห้องทำงานส่วนตัว ห้องน้ำห้องส้วมส่วนตัว ที่จอดรถสำหรับกลุ่มของตนเอง หากเป็นผู้มีตำแหน่งสูงส่งในมหาวิทยาลัยก็จะมีที่จอดรถยนต์ที่ระบุตำแหน่งไว้ด้วย มีโต๊ะสำหรับกินอาหารส่วนตัว เหล่านี้เป็นต้น แต่ทว่าคนจำพวกนี้ดัดจริตอวดอ้างว่าตนเองรักความเท่าเทียม ความเสมอภาค ซึ่งทั้งหมดคือความมดเท็จอย่างที่สุด คนจำพวกนี้มดเท็จเป็นประจำ แล้วก็มดเท็จตลอดเวลา จนเข้าใจเอาเองว่าตนเองเป็นคนที่ไม่เคยมดเท็จ
ที่กล่าวนี้เป็นเพียงตัวอย่างเดียวเท่านั้นที่พบเห็นได้ชัดเจนในกลุ่มคนดัดจริตร้องหาความเท่าเทียม ในขณะที่ตนเองได้เปรียบคนอื่นตลอดเวลา อันที่จริงยังมีเรื่องดัดจริตอื่นๆ ของคนสอนหนังสืออีก แต่ขออนุญาตยกไปก่อน แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกครั้งในวันข้างหน้าเมื่อโอกาสอำนวย แต่หากคุณไม่ต้องการรอ ก็สามารถเข้าไปชมความดัดจริตของคนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยได้ด้วยตาตัวเองทุกวันทุกเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุดราชการ เพราะคนเหล่านี้หากินได้ทุกวัน ยิ่งวันหยุดราชการยิ่งหากินกันกระหึ่ม เพราะสอนพิเศษโครงการสารพัดชนิด เพราะยิ่งสอนในวันหยุดยิ่งได้เงินมากเป็นพิเศษ
นอกจากคนสอนหนังสือที่มีพฤติกรรมดัดจริตแล้วยังมีใครอีกบ้าง
คนกลุ่มอื่นๆ ที่ดัดจริต ชอบประดิษฐ์วาจาว่ารักความยุติธรรม รักความเท่าเทียม เสมอภาคได้แก่ นักการเมืองปั่นกระแสที่ชอบปลุกปั่นให้ผู้คนทั้งเด็กทั้งแก่ก่อความโกลาหลให้สังคม เช่น นักการเมืองที่มีพฤติกรรมปลุกปั่นให้คนยากคนจนและคนต่างจังหวัดที่ฐานะยากจนเข้ามาประท้วง โดยเข้ามานอนตามริมถนน โดยเฉพาะบริเวณหน้าสถานที่ราชการที่เป็นเป้าหมายในการประท้วง และนักการเมืองจำพวกหลอกเด็กให้ออกไปตายแทน ด้วยการเป่าหูเด็กๆ ว่ากล้าหาญ กล้าเปลี่ยนแปลงสังคม กล้าทำความถูกต้องให้สังคม เป็นต้น
นักการเมืองจำพวกเล่นละครตบตาประชาชนมีมากมาย โดยเฉพาะในพรรคการเมืองที่บอกว่าทำให้ประชาธิปไตยกินได้ และพรรคการเมืองจำพวกอ้างว่าทำทุกอย่างเพื่อประชาชน แต่ยิ่งทำก็ยิ่งพบว่านักการเมืองมีความมั่งคั่งล้นฟ้า แต่ประชาชนยากจนและตกต่ำลง รวมถึงบรรดานักการเมืองที่อ้างว่ารวยแล้วไม่โกง จำพวกที่มาจากนักธุรกิจที่ฮุบสัมปทานของรัฐไว้ในกำมือหรืออมไว้ในปากตัวเอง
จำพวกต่อมาคือ NGOs ชนิดที่อ้างความเป็น NGOs บังหน้า แต่ใจจริงส่วนลึกคือมีเป้าหมายก่อกวนสังคม ตามมาด้วยคนที่ทำงานในองค์กรที่อ้างว่าตรวจสอบทุจริต ทำเพื่อสิทธิประชาชน และแม้กระทั่งคนบางจำพวกในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และคนที่อาศัยสื่อมวลชนเป็นหน้ากาก เป็นเครื่องมือหากิน แล้วใช้อาชีพสื่อฯ เป็นตัวปลุกปั่นสังคม
เราพบเสมอๆ ว่าคนที่ชอบป่าวร้องตะโกน โฆษณาตัวเองว่าทำเพื่อความเท่าเทียม ทำเพื่อความเสมอภาคของสังคมนั้น คนจำพวกนี้จำนวนไม่น้อยล้วนมีเบื้องหลังอยู่ที่การจงใจสร้างความปั่นป่วนให้สังคม และสังคมไทยก็พังพินาศ เพราะการกระทำของคนกลุ่มนี้มาแล้ว
เมื่อขุดลงไปลึกๆ เราจะพบว่ากลุ่มคนที่ออกมาก่อการเคลื่อนไหวโดยอ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคนั้น หลายคนคือนายทุน หลายคนคือผู้เอาเปรียบสังคมมาโดยตลอด หลายคนทำนาบนหลังคน และหลายคนก็คือคนที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการขูดรีดประชาชน เหมือนเช่นคนที่บอกว่ารวยแล้วไม่โกง แต่เมื่อเข้าไปมีอำนาจรัฐก็กลับฉ้อฉลปล้นประเทศอย่างหนักหน่วงเป็นประวัติการณ์ และไม่เว้นแม้กระทั่งเหล่าบรรดานักการเมืองที่มีตำแหน่งรัฐมนตรี และ สส. เพราะเมื่อคุ้ยลงไปดูประวัติคนเหล่านั้นก็จะพบว่าจำนวนไม่น้อยต่างเอาเปรียบสังคม ขูดรีดประชาชน และมีสถานะความได้เปรียบประชาชนมาโดยตลอด แต่คนจำพวกนี้ชอบอ้างว่าสนับสนุนส่งเสริมความเท่าเทียม ความเสมอภาค
นี่คือความตลกร้ายของสังคมไทย สังคมที่คนมีอำนาจรัฐจำนวนไม่น้อย และคนที่มีการศึกษาสูงจำนวนไม่น้อยมีนิสัยกลับกลอก ลวงโลก และดีแต่ปาก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี