มีข่าวอันน่ายินดีแก่นักลงทุนทั้งหลายว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เพิ่มเวลาซื้อขายหุ้นอีกวันละครึ่งชั่วโมง คือจากเวลา 14.30-16.30 น.เป็นเวลา 14.00-16.30 น. มีผลทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้เพิ่มขึ้นอีกวันละครึ่งชั่วโมง
ถ้าหากจะถือเวลาการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปัจจุบันนี้ก็ต้องกล่าวว่าการกำหนดเวลาซื้อขายที่ตกทอดมาถึงปัจจุบันนี้ เป็นผลมาจากอดีต ที่เครื่องไม้เครื่องมือยังไม่ทันสมัย โดยเฉพาะการประมวลผลต่างๆ ในการซื้อขายทั้งของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเอง และโบรกเกอร์ที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้เวลามากในอดีต
แต่ในปัจจุบันนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ระบบการประมวลผลเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นทั้งระบบ ทั้งในส่วนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งในส่วนของโบรกเกอร์ มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือสามารถเพิ่มเวลาซื้อขายขึ้นอีกก็ได้
หากจะเทียบกับการซื้อขายคริปโตทุกประเภทในปัจจุบันนี้ ซึ่งสามารถซื้อขายได้ทุกวันไม่มีวันหยุด สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงในแต่ละวันโดยไม่มีปัญหาใดๆ เพราะได้ปฏิบัติกันมาช้านานแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบการประมวลผลในการซื้อขายคริปโตทุกชนิดสามารถทำได้โดยรวดเร็ว หรือเรียกว่า ณ เวลาปัจจุบัน ณ เวลาใดก็ได้ ดังนั้นจึงไม่มีข้อจำกัดในเรื่องวันเวลาการซื้อขาย จึงสามารถซื้อขายคริปโตได้ทุกวันและตลอด 24 ชั่วโมง
จึงต้องถือว่าระบบการซื้อขายและการประมวลผลของการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหากจะเปรียบเทียบกับระบบการซื้อขาย
คริปโตแล้วก็ยังล้าสมัยและล้าหลังกว่ากันมาก ทั้งอาจมีประสิทธิภาพต่างกันมากด้วย
แต่การจะเพิ่มเวลาการซื้อขายให้สามารถซื้อขายได้ทุกวัน วันละ 24 ชั่วโมงนั้นก็เป็นเหตุผลอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณากันต่อไปว่าจะดำรงความล้าหลัง ไร้ประสิทธิภาพไว้เหมือนเดิม หรือว่าจะปรับปรุงแก้ไขประการใดให้เกิดประสิทธิผลแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
ทว่าในเบื้องต้นนี้ก็กล่าวได้ว่า การปรับเพิ่มเวลาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขึ้นอีกวันละครึ่งชั่วโมงนั้นเป็นผลดีโดยส่วนรวม ทั้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อตลาดทุน ต่อการลงทุน และผู้ลงทุนทุกประเภท ไม่มีข้อเสียแต่ประการใด และไม่กระทบต่อการทำงาน โดยเฉพาะระบบการประมวลผลทั้งหลายแต่ประการใด เป็นการเริ่มต้นของการพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น
เพราะการเพิ่มเวลาซื้อขายแม้วันละครึ่งชั่วโมงก็อาจทำให้การลงทุนเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ถึงวันละหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อตลาดหุ้น ตลาดทุน
โบรกเกอร์ รวมทั้งผู้ลงทุนทั้งปวงด้วย
แต่ปัญหาใหญ่หลวงที่สุดไม่ได้อยู่ที่จำนวนเวลาที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง แต่อยู่ที่ปัญหาช้าเร็วในการเปิดหรือปิดการซื้อขายในตลาดหุ้นประจำวัน ซึ่งต้องถือว่าในภูมิภาคเอเชียของเรานี้มีตลาดใหญ่อยู่ที่ประเทศจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ และถือเป็นตลาดหลักของเอเชียด้วย
ตลาดหลักทรัพย์เหล่านี้จะเปิดการซื้อขายช่วงเช้าเวลาประมาณ 10.00-12.00 น. และภาคบ่ายในเวลา 14.00-16.00 น. ในขณะที่ประเทศไทยจะซื้อขายช่วงเช้าเวลาประมาณ 10.00-12.30 น. และภาคบ่ายในเวลา 14.30-16.30 น. ซึ่งถ้าดูเวลาแล้วก็เหมือนจะไม่เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบแต่ประการใด
แต่อย่าเข้าใจผิด ความได้เปรียบเสียเปรียบใหญ่หลวงอยู่ตรงนี้คือเวลาในการซื้อขาย การที่ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ใช้เวลา 10.00 น. ตอนเช้า และ 14.00 น.
ในตอนบ่าย แม้เป็นเวลาเดียวกับประเทศไทย แต่ในความเป็นจริงนั้นประเทศไทยจะช้ากว่า 1 ชั่วโมง เพราะการเทียบเวลามาตรฐานนั้นเวลาประเทศไทยจะช้ากว่า
1 ชั่วโมง โดยที่เราไม่เคยเฉลียวใจเลยว่าทำไมทั่วประเทศจีนไม่ว่าตลาดเซี่ยงไฮ้ หรือเซินเจิ้น หรือฮ่องกง และสิงคโปร์กลับใช้เวลาเดียวกัน คือเริ่มเวลามาตรฐาน 06.00 น. เท่ากันตรงกัน ในขณะที่เวลามาตรฐานของประเทศไทยช้ากว่า 1 ชั่วโมง
ผลที่เกิดขึ้นก็คือในเวลาการซื้อขายหุ้นภาคเช้า แม้เวลาจะเป็นเวลาเดียวกัน แต่ในเวลามาตรฐานนั้นส่งผลให้ประเทศไทยเริ่มการซื้อขายช้าไป 1 ชั่วโมง และเมื่อปิดตลาดในภาคเช้าประเทศไทยก็ปิดตลาดช้าไป 1 ชั่วโมง ในภาคบ่ายก็เป็นอย่างเดียวกัน
หมายความว่าในแต่ละวันประเทศไทยเปิดการซื้อขายช้ากว่าจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ และปิดการซื้อขายช้าไป 1 ชั่วโมงด้วย
อันการซื้อขายนั้นถ้าหากว่าเร็วช้าไปแค่ 1 นาที ก็มีความหมายมากแล้ว การที่ประเทศไทยเปิดการซื้อขายช้าไปถึง 2 ชั่วโมงในแต่ละวันนั้นต้องถือว่าได้เกิดความเสียหายให้แก่ประเทศไทยและนักลงทุนไทยเป็นจำนวนมหาศาล ในขณะที่ปิดการซื้อขายช้ากว่าประเทศอื่น 2 ชั่วโมงนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเพราะค้าขายอยู่เพียงคนเดียว
การที่เราเปิดตลาดซื้อขายช้ากว่าประเทศอื่นในเอเชีย เช้า 1 ชั่วโมง บ่าย 1 ชั่วโมงนั้น เขาซื้อขายราคาขึ้นลงไปเท่าใดแล้ว ประเทศไทยเราไม่มีสิทธิ์เข้าไปเกี่ยวข้อง ได้แต่นั่งมองดูตาปริบๆ ถึงคราวตลาดหุ้นขึ้นก็ซื้อขายไม่ทัน ราคาตลาดหุ้นลงก็ซื้อขายไม่ทัน ต้องติดดอยติดเหวอยู่เป็นประจำ นี่คือความเสียเปรียบของประเทศไทยที่ไม่เคยมีใครคิดอ่านแก้ไข
และไม่เคยเฉลียวใจว่าทำไมสิงคโปร์ จีน ฮ่องกง เขาจึงจัดเวลามาตรฐานในการซื้อขายให้เป็นเวลาเดียวกัน นั่นเป็นเพราะเขาเล็งเห็นถึงการได้เปรียบ
เสียเปรียบ และประโยชน์ในการลงทุนของพวกเขา
การที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ปรับเวลาซื้อขายภาคบ่ายครึ่งชั่วโมงได้สะท้อนให้เห็นว่ามีการตระหนักถึงการซื้อขายหุ้นชัดเจนแล้ว ดังนั้นเมื่อมีความคิดชนิดนี้แล้วก็ควรยกระดับความคิดไปถึงเวลาก่อนหลังในการเปิดตลาดทั้งภาคเช้าและภาคบ่ายด้วย แล้วหาทางช่วยนักลงทุนไทยไม่ให้เสียเปรียบเหมือนกับหลายสิบปีที่ผ่านมา
นั่นคือปรับเวลาการซื้อขายภาคเช้าของประเทศไทยเป็นเวลามาตรฐาน 09.00 น. และภาคบ่ายเวลา 13.00 น. ก็จะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ตลาดจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ เขาเปิดการซื้อขายก็จะลดความเสียเปรียบให้แก่คนไทยและตลาดทุนของประเทศไทยด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี