นิทานอีสปเรื่องนี้ อีสปเล่าไว้เมื่อกว่า 3,000 ปีที่ผ่านมา
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว” ยังมี “แพะหนุ่มสุดห้าวทะลุเมฆสองตัว” ได้แตกแถวแยกจากฝูงแพะไปเล็มหญ้าอยู่ตามลำพังที่ชายป่า
ขณะที่กำลังเล็มหญ้าอยู่นั้น มันทั้งสองได้สังเกตว่า ทุ่งหญ้าของหุบเขาที่ใกล้เคียงมีหญ้าอ่อนเขียวขจีเต็มท้องทุ่งอย่างสดใสยั่วยวนใจให้อยากเล็ม ผิดกับทุ่งหญ้าที่พวกมันอยู่ ล้วนเป็นหญ้าแก่ที่เหี่ยวเฉา ทำให้สองแพะหนุ่มต่างปรึกษากัน แล้ว “ตัดสินใจ” จะข้ามไปกินหญ้ายังหุบเขาดังกล่าวทันที
ระหว่างทางที่จะต้องเดินอ้อมผ่านหน้าผาสูงชันและเป็นทางแคบๆ มันทั้งสองก็ต้อง “ตกใจ” เพราะได้ “จ๊ะเอ๋” กับหมาป่าตัวใหญ่หน้าตาดุร้าย แต่เป็นหมาป่าชราอายุมาก “ยืนขวางทางเอาไว้”
ก่อนที่สองแพะหนุ่มจะตัดสินใจ “ถอยกลับไปทางเดิม” เพราะกลัวอันตรายจากหมาป่าที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของพวกมัน
ปรากฏว่า “หมาป่าเฒ่า” ได้กล่าววาจาอันอ่อนหวานและเต็มไปด้วยความเมตตากับสองแพะหนุ่มว่า
“เจ้าสองหนุ่มน้อยเอ๋ย เชิญเจ้าทั้งสองผ่านไปเล็มหญ้าอ่อนอันโอชะที่ทุ่งหญ้าข้างหน้าเถอะ ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าทั้งสองด้วยประการใดๆ เพราะข้าเป็นหมาป่าชราที่ฟันและเขี้ยวคมร่วงหมดปากแล้ว”
หมาป่าเฒ่ากล่าวจบ ก็อ้าปากโชว์ปากที่ไม่มีเขี้ยวและไม่มีฟันให้สองแพะหนุ่มเห็นอย่างประจักษ์ด้วยสายตาให้แน่ใจ
สองแพะหนุ่มต่างดีใจ ขณะที่ได้เดินเฉียดใกล้หมาป่าเฒ่าและกำลังจะผ่านพ้นหน้าผาไป
ทันใดนั้น หมาป่าเฒ่าร่างใหญ่ก็ได้ “วิ่งเข้าชน” สองแพะหนุ่มอย่างสุดกำลัง จนแพะหนุ่มทั้งสองตัว “พลัดตกหน้าผาร่วงไปกระแทกหินจนคอหักตายอยู่ในหุบเหวลึก”
แล้วที่สุด สองแพะหนุ่มก็กลายเป็นอาหารอันโอชะของหมาป่าชราในเวลาต่อมา
“นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า” การไว้ใจหมาป่าเฒ่าที่ไร้เขี้ยวและไร้ฟันนั้น สุดท้ายจะต้องพบกับความตายอย่างคาดไม่ถึง เพราะหมาป่าจะแก่เพียงไหน ก็ยังมีเล่ห์กลและอุบายสุดลึกล้ำฉกาจฉกรรจ์
กูรูทางการเมืองหลายท่านได้เปรียบเทียบนิทานเรื่องนี้ว่า “สองแพะหนุ่ม” น่าจะเป็นนักการเมืองพรรคสีส้ม แม้จะปราดเปรื่องแค่ไหน แต่ยังขาดประสบการณ์ทางการเมือง ขณะที่มุ่งหวังจะไปเล็มหญ้า ณ.หุบเขาที่หญ้าเขียวชอุ่ม ก็เกิด “ม่านบังตา” เชื่อหมาป่าชราที่เป็นพรรคการเมืองสีแดง ที่พรรคส้มเห็นว่าหมดเขี้ยวคม จึงไว้วางใจร่วมมือทางการเมืองในทุกๆ ด้าน
แล้วในที่สุด เกมการเมืองที่ผ่านมา “หมาชราผู้หมดเขี้ยวเล็บ”ก็ใช้อุบายและปัญญา “วิ่งชน” จนแพะหนุ่มตกหน้าผาจนตายอยู่ในหุบเหว แล้วพากันไปเกิดใหม่กลายเป็น “ฝ่ายค้าน” จนเป็นที่ขำขันของชาวบ้าน?
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี