“ลัทธิประชาธิปไตย” ที่ชาติตะวันตกต่างได้ประกาศไว้เป็น “หลักการ” อย่าง “หนักแน่น” ว่า “เป็นลัทธิการปกครองที่ดีที่สุดของโลก (ในขณะนี้)” เพราะให้คุณค่าชีวิตแก่มนุษย์ทุกหมู่เหล่าอย่างสูงสุด ตรงที่ “ประชาชนทุกคนต่างมีสิทธิและมีเสรีภาพอย่างกว้างขวาง”ในขณะเดียวกัน “ก็มีหน้าที่ชัดแจ้งตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน”

โดย “ลัทธิประชาธิปไตย” นั้น มีหัวใจดวงเดียวแต่มีเครื่องจักรขับเคลื่อนทำงานถึงสามเครื่อง คือ 1.มาจากประชาชน 2.โดยประชาชน และ 3.เพื่อประชาชน

ด้วยประการฉะนี้ ฝรั่งอั้งม้อจึงวัดความเป็นประชาธิปไตยของประเทศต่างๆ จากสามเครื่องจักร ดังนี้

“1.มาจากประชาชน” การขับเคลื่อนลัทธิประชาธิปไตยเบื้องต้น ประชาชนจะเป็น “ผู้เลือกตั้งตัวแทนของตนได้แก่ สส.และสว.เข้ามาทำหน้าที่ในสภาแทนประชาชน”

“2.โดยประชาชน” การจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ จะต้องมาจากบุคคลที่ตัวแทนของประชาชนตามข้อ 1 ให้ความเห็นชอบ

“3.เพื่อประชาชน” ได้แก่ บุคคลจากข้อ 1 และจากข้อ 2 ต่างทำหน้าที่ในการออกกฎหมายและกำหนดนโยบายบริหารประเทศ โดยมี “เป้าหมาย” เพื่อผลประโยชน์
ของประชาชนส่วนใหญ่และผลประโยชน์ของชาติ

จากเครื่องจักรขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยดังกล่าวฝรั่งยังได้สร้าง “กติกาปลีกย่อย” อีกมากมายมา“จับผิด” ชาติอื่นๆ ว่า “ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแท้จริงหรือไม่? หรือเป็นแค่ประชาธิปไตยเทียม?”

ด้วย “กติกาปลีกย่อย” ที่ชาติตะวันตกกำหนดขึ้นมาตามอำเภอใจทำให้มองประเทศต่างๆ ในเอเชียในอเมริกาใต้และในแอฟริกาที่รัฐบาลและสส.ที่มาจาก “การเลือกตั้ง” ยังไม่ได้เป็นประชาธิปไตยแท้ ฝรั่งจึงต้อง “หาเหตุ” ต้องเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของชาติเหล่านั้น ให้ปกครองระบอบประชาธิปไตยตามกติกาของชาติตะวันตก

ดังนั้น สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย เขมร เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ และชาติต่างๆ ในอเมริกาใต้ จึงยัง “ถูกด้อยค่า” ตลอดเวลาว่า “เป็นประชาธิปไตยไม่เต็มร้อย”

อย่างเช่น “ปู่ทรัมป์” เคยเรียกประชาธิปไตยของประเทศต่างๆ ในอเมริกาใต้ เป็น “ประชาธิปไตยกล้วย” หรือประชาธิปไตยที่มีสารตั้งต้น (การเลือกตั้ง) มาจากนักการเมืองที่มีขาใหญ่ทำผิดกฎหมายและจอมอิทธิพลทั้งหลายเป็นผู้สนับสนุน พอได้อำนาจรัฐจึงต้องบริหารประเทศเพื่อ “เอาใจเจ้าพ่อ”

ในขณะที่ตัวปู่ทรัมป์ เคยแพ้การเลือกตั้ง แต่ไม่ยอมรับความจริง แล้วขยี้ขย้ำระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกาให้ “ต่ำเตี้ย” และ “แหลกเหลว” ด้วยการให้ฝูงชนลุยรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 จนมีคนตาย 5 ศพ

ลัทธิประชาธิปไตยยังไม่จบ (อ่านต่อฉบับวันจันทร์)

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม