โกวเล้ง เขียนไว้ในหนังสือกำลังภายในเรื่องหนึ่งว่า “กระบี่ไร้สำนักเมื่อวิทยายุทธถึงขั้นแม้แต่กิ่งไม้ก็ใช้แทนกระบี่ที่คมกริบได้” คอลัมน์นี้ไม่เคยเรียนวารสารศาสตร์มาจากสำนักใด การเขียนข่าวเขียนบทความส่วนใหญ่จึงมาจากประสบการณ์ที่สัมผัสชาวบ้านธรรมดา ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงคนนินทา รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน โดยบังเอิญจึงเปรียบเหมือน กิ่งไม้ของกระบี่ไร้สำนักที่หยิบมาเขียนเป็นบทความให้ท่านได้อ่านกันวันนี้
เรื่องมันมีอยู่ว่าอาทิตย์ปลายเดือนมีนาคม ผู้เขียนเดินทางจาก อ.หลังสวน จ.ชุมพร มาพักอาศัยในหมู่บ้านประชานิเวศน์ 3 จ.นนทบุรี เพื่อรอฟังคำตัดสินศาลอาญารัชดา วันที่ 29 มีนาคม ประชานิเวศน์ 3 เป็นหมู่บ้านการเคหะฯ น่าจะใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีบ้านทาวน์เฮาส์คอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยวอยู่ร่วมกันสามพันกว่ายูนิต ประชานิเวศน์ 3 เป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรคเพื่อไทย มาตั้งแต่สมัยไทยรักไทย พูดง่ายๆ คือตั้งแต่เลือกตั้งปี 2544 เป็นต้นมาไทยรักไทย ต่อมา เปลี่ยนเป็นพรรคพลังประชาชน และสุดท้าย เป็นพรรคเพื่อไทย พรรคในเครือข่ายของทักษิณชนะเลือกตั้งในเขตนี้ตลอดมา
ในห้วงเวลาที่แดงทั้งแผ่นดินเคลื่อนไหวเรียกร้องให้นายใหญ่ได้กลับบ้าน และยุคเสื้อแดงต่อต้านรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงขั้นเผาบ้านเผาเมืองในปี 2552-2553 ประชานิเวศน์ 3 ก็ถือเป็นฐานที่มั่นใหญ่ของเสื้อแดง ผู้เขียนซึ่งถูกตราหน้าว่า เป็นสลิ่มเสื้อเหลือง กลายเป็นแกะดำในหมู่บ้านนี้ เลยพาลคิดไปว่าประชานิเวศน์ 3 ที่เราอาศัยอยู่กว่า 40 ปี เป็นหมู่บ้านเพื่อไทยที่คนส่วนใหญ่รักทักษิณ
ดังนั้น หลังศาลตัดสินยกฟ้องพันธมิตรที่ประท้วงระบบทักษิณตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปี 2551 และถูกฟ้องดำเนินคดีนานกว่า 30 ปี เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมาผู้พิพากษาศาลอาญา อ่านคำพิพากษาตอนหนึ่งว่า “การชุมนุม(พันธมิตร)มีสิทธิและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ประท้วงขัดขวางรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น รัฐบาลไม่มีธรรมาภิบาล” และ ตอนหนึ่งศาลได้อ่านคำพิพากษาว่า “การประท้วง(พันธมิตร)ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ตนเอง แต่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม” ในที่สุด ศาลก็ยกฟ้องจำเลยในคดีประท้วงชุมนุมปิดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิทุกข้อหาทั้ง 67 คน
เมื่อศาลตัดสินให้พ้นมลทิน จากข้อหา “ผู้ก่อการร้าย อั้งยี่ซ่องโจร ช่องสุมกันเกินสิบคนขึ้นไปสร้างควายวุ่นวายในบ้านเมือง ปลุกระดมให้ประชาชนกระด้างกระเดื่องสร้างความวุ่นวายในประเทศ และฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในภาวะฉุกเฉิน..” ผู้เขียนซึ่งถูกรถยนต์ชนตั้งแต่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขาหัก เบ้าสะโพกแตกต้องผ่าตัดใส่เหล็กทั้งสองแห่ง และทำกายภาพบำบัดตลอดมา ยังเดินไม่สะดวก คือ ต้องใช้ไม้เท้าเดินโยกเยกได้ แต่ก็พยายามเดินออกกำลังกายเพื่อให้เบ้าสะโพกที่หินปูนเกาะได้เคลื่อนไหวบ้าง
ดังนั้นหลังจากศาลตัดสินยกฟ้อง แล้วมีเวลาระหว่างรอวันลูกชายขับรถไปส่งกลับ อ.หลังสวน ในตอนเช้ามืดประมาณตีห้าทุกวันพยายามเดินไปออกกำลังกายในสวน 72 พรรษา ซึ่งสวนสาธารณะประจำหมู่บ้านที่มีผู้อาศัยในประชานิเวศน์ 3 วิ่ง/เดินออกกำลังกาย กันตอนเช้ามืด บ้างก็วิ่ง/เดินเดี่ยว และ สว.ส่วนใหญ่เดินกันเป็นกลุ่มห้าหกคนบ้าง สิบคนบ้าง ในขณะเดินออกกำลังเป็นกลุ่มก็คุยกันในเรื่องต่างๆ นานา แต่มีอยู่กลุ่มหนึ่งที่มักคุยกันเรื่องการบ้านการเมือง...ผู้เขียนเริ่มสนใจฟังเมื่อได้เสียงพูดดังมาจากข้างหลังว่า “มันเอาเงินภาษีของเรามาแจกทั้งนั้น เอาเงินของมันมาแจกที่ไหน” เลยคิดว่า พวกเขาคงพูดกันเรื่องนโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาลเพื่อไทย และสักพักหนึ่งได้ยินเสียงพูดว่า “ตั้งแต่ไอ้..เป็นนายกฯมันไม่เคยพูดเรื่องยาเสพติดเลย”
และแล้วคนกลุ่มนั้นก็เดินผ่านไป เราบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรไว้รอบต่อไปต้องตั้งใจฟังเสียงคุยของคนกลุ่มนั้นมาแต่ไกล ปกติผู้ที่ออกกำลังกายจะเดินวนในสนามที่มีลู่ทางเดินเป็นวงรีมีความยาวประมาณ 400 เมตร สามถึงห้ารอบ และก็เป็นดังที่คาดหมาย สว.กลุ่มนั้น ยังคงพูดวิจารณ์เรื่องนโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาลเพื่อไทยบางคนใช้คำพูดที่รุนแรงเกินไปจนไม่สามารถนำมาเผยแพร่ต่อได้ แต่พอสรุปใจความได้ว่า นโยบายแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ของรัฐบาลเพื่อไทยทำให้ประเทศชาติ Ship หาย.. ประเทศไทยต้องเป็นหนี้ไปถึงลูกถึงหลาน ส่วนเรื่องยาเสพติดนั้นจับใจความจากคนออกกำลังกายกลุ่มนั้นได้ความว่า นโยบายให้ผู้ครอบครองยาบ้าไม่เกินห้าเม็ดถือเป็นผู้ป่วยนั้นทำให้ Ship หาย ได้เช่นกันเพราะมันทำให้มีคนเสพคนขายรายย่อยเพิ่มขึ้น..
ประเมินจากการสันทนากันสบายๆ ระหว่างการออกกำลังกายของคนกลุ่มหนึ่งในสวนสาธารณะซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญของพรรคเพื่อไทย ทำให้ผู้เขียนมั่นใจและฟันธงได้ว่า นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยที่ใช้หาเสียงว่า จะแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้คนไทยตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคนซึ่งประมาณการระหว่างหาเสียงเลือกตั้งว่า อาจต้องใช้เงินถึงห้าแสนหกหมื่นล้านบาทนั้นไม่มีวันทำได้
เพราะมันเป็นนโยบายที่เปิดทางให้โกงได้หลายช่องทาง และจะสร้างหนี้ครั้งมโหฬารให้กับประเทศไทย ซึ่งนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ของพรรคเพื่อไทยถูกทักท้วงต่อต้านจากทุกสถาบัน ตั้งแต่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นักวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์ ตลอดถึงองค์การอิสระคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และแม้แต่หน่วยงานที่ให้คำปรึกษากฎหมายแก่รัฐบาล คณะกรรมการกฤษฎีกา ก็เตือนว่าระวังจะผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง
ดังนั้น เมื่อได้ยินเสียงวิจารณ์ คัดค้าน ด่าว่าอย่างหยาบคายของแฟนพันธุ์แท้พรรคเพื่อไทยจึงฟันธงได้ว่านโยบายแจกเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่นบาทไม่มีวันได้นำมาใช้ในทางปฏิบัติ ไม่ว่านายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน จะดื้อรั้นกดดันธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ลดดอกเบี้ยอย่างไร และกดดันธนาคารแห่งชาติให้สนับสนุนนโยบายดิจิทัล วอลเล็ตถึงกับพูดเปรียบเปรยผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยว่า นั่งอยู่บนหอคอยงาช้างและเรียกร้องให้ลงมาสัมผัสความจริงจากชาวบ้านบ้างด้วยวาทกรรมที่ว่าลอง “ให้มือเปื้อนดิน ตีนเปื้อนโคลนดูบ้าง” ซึ่งในความเป็นจริงคำพูดวลีนี้ต้องใช้กันนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทยที่ใส่ถุงเท้าหลากสีตลอดเวลาซึ่งไม่มีวันที่ตีนนายเศรษฐาเปื้อนโคลนได้ ส่วนมือของนายเศรษฐาที่คุ้นเคยกับการเซ็นสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่เกิดมาจนอายุหกสิบกว่าปีไม่มีวันไหนที่มือนายเศรษฐาได้เปื้อนดินโคลนหรอก
และอาจพูดได้ว่า นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีที่รู้จักประเทศไทย รู้ซึ้งถึงปัญหาที่ซับซ้อนของประเทศไทยน้อยกว่านายกรัฐมนตรีทั้ง 29 คนที่ผ่านมามีอยู่อย่างเดียวที่นายเศรษฐาทำมากกว่านายกรัฐมนตรีทุกคนคือ คารวะยกย่องศรัทธานักโทษในความผิดคอร์รัปชั่น ในขณะที่นักโทษคนนั้นยังไม่พ้นโทษ เนื่องจากไม่รู้ซึ้งถึงความซับซ้อนของปัญหาและบริบทสังคมการเมืองไทย รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่นำโดยนายเศรษฐาจึงไม่สามารถนำนโยบายที่เป็นสัญญาประชาคมมาปฏิบัติใช้ได้แม้แต่เรื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเรือธงคือแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต นโยบายค่าแรง 600 บาทต่อวัน จบปริญญาตรีได้เงินเดือน 25,000 บาท หรือนโยบายเร่งด่วนทางการเมือง เนื่องจากว่าตอนหาเสียงพรรคเพื่อไทยบอกว่าเกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลวันไหนจะนำเรื่องแก้ไข/ร่างรัฐธรรมนูญใหม่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีตั้งแต่การประชุม ครม. นัดแรก
นอกจากนั้น พรรคเพื่อไทยยังมีนโยบายปิดสวิตช์ สว.ปิดสวิตช์สองลุง (ลุงป้อมกับลุงตู่) ที่แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนายทักษิณ ที่ได้รับการสถาปนาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเคยแหกปากตะโกนว่า “#เอาลุงกลับไป เพื่อไทยมาแล้ว เอาลุงกลับไปเลี้ยงหลาน ลุงโทนี่จะได้กลับมาเลี้ยงหลานบ้าง มีลุงไม่มีเรา #ไม่มีลุงคนไทยร่ำรวยกันทุกคน เอาลุงออกไปเพื่อไทยมาแล้ว..”
สุดท้ายเป็นอย่างไรต้องไปไหว้วานให้ สว.ช่วยยกมือให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯถึง 152 เสียงในจำนวนนี้มีพลเอกปรีชา จันทร์โอชา น้องชายพลเอกประยุทธ์ ที่เพื่อไทยเกลียดเข้าไส้รวมอยู่ด้วย และหลังจากได้เป็นนายกฯนายเศรษฐาไปกราบขอบคุณนายกฯรักษาการถึงทำเนียบรัฐบาล สุดท้ายพรรครวมไทยสร้างชาติกับพรรคพลังประชารัฐที่นำโดยสองลุงก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ
จึงสรุปว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถนำนโยบายที่ใช้หาเสียงซึ่งเป็นสัญญาประชาคมมาใช้ในทางปฏิบัติได้แม้แต่เรื่องเดียว ในทางตรงข้ามที่หัวหน้าพรรคเพื่อเคยแหกปากตะโกนว่า ไม่มีลุง คนไทยร่ำรวยไปด้วยกัน ความจริงวันนี้คนไทยจนลงไปกว่าเดิมข้อมูลจากสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทยบ่งชี้ว่า..
“..หนี้ครัวเรือนไทย” ปัญหาระดับวาระแห่งชาติที่ยังยืดเยื้อ-คาราคาซังมาแรมปี โดยตัวเลขหนี้ครัวเรือน ณ ปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับ “วิกฤต” คือ มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพี แตะระดับที่ 90.6 เปอร์เซ็นต์ ต่อจีดีพีในไตรมาสที่ 1/2567 เมื่อลงลึกในรายละเอียดพบว่า คนไทยกว่า 1 ใน 3 มีหนี้ และสัดส่วนคนที่มีหนี้ก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจมาจากสิ่งที่รัฐบาลเพื่อไทยเรียกร้องกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศลดดอกเบี้ยนโยบาย และรัฐบาลแหกปากตะโกนทุกวันว่าเศรษฐกิจวิกฤตแล้ว
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี