มูลนิธิรัฐบุรุษของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี ได้จัดบรรยายพิเศษเรื่องความสำคัญของคลองกระที่มูลนิธิรัฐบุรุษเมื่อกลางสัปดาห์นี้โดยมีผู้แทนผู้นำ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วภาคใต้ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานความมั่นคงหลายหน่วยเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณอันหนึ่งที่เห็นและขับเคลื่อนเกี่ยวกับความสำคัญของคลองกระต่อประเทศไทย
ประธานที่ประชุมได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มูลนิธิรัฐบุรุษและกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วภาคใต้ได้ร่วมกันขับเคลื่อนเรื่องการขุดคลองกระมาหลายปีแล้ว เคยมีการเชิญผู้แทนพรรคการเมืองถึง 9 พรรค ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านมาร่วมกันพิจารณาศึกษา
ผลการพิจารณาศึกษาไปในทางเดียวกันคือประเทศไทยจำเป็นต้องขุดคลองกระ ซึ่งเป็นภูมิยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ประเทศไทยมีความรุ่งเรืองเฟื่องฟูในทุกด้าน แต่ครั้นเข้าประชุมสภากลับไม่เห็นชอบเสียเฉยๆ นั่นเป็นเพราะนักการเมืองไม่เป็นตัวของตัวเอง ขาดความเป็นไท และขาดความสำนึกรับผิดชอบต่อผลประโยชน์ของชาติที่สูงล้ำ จำนนต่อแรงกดดันหรือผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ
ฟังท่านพูดแล้วก็เหมือนกับสุนัขที่หัวขโมยยื่นเนื้อชิ้นเล็กๆ ให้กินแล้วเลิกเห่าหอนดูแลความปลอดภัย ปล่อยให้ขโมยเข้าไปปล้นบ้านอย่างไรก็อย่างนั้น
ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่า ประเทศไทยในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้ชื่อว่าด้ามขวานเพชรนั้นมีภูมิยุทธศาสตร์ที่ล้ำเลิศที่สุดในโลก ทำให้ประเทศไทยมีฐานเป็น ocean link คือเป็นประเทศที่เชื่อมต่อสองฝั่งฟากมหาสมุทรขนาดใหญ่สุดของโลก คือมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย โดยมีทะเลอันดามันและอ่าวไทยเป็นทะเลเชื่อมต่อ มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง
ซึ่งในโลกนี้มีเพียงสองแห่งเท่านั้นที่มีภูมิยุทธศาสตร์ลักษณะนี้ นั่นคือสหรัฐกับไทย ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามคนละซีกโลก แต่เป็นประเทศ ocean link เหมือนกัน โดยสหรัฐเป็นประเทศที่เชื่อมต่อมหาสมุทรแอตแลนติกกับมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนประเทศไทยเชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งสำคัญมากกว่า
เพราะเป็นภูมิยุทธศาสตร์ที่อยู่ใกล้กับประชากรโลกถึง 3 ใน 4 ในระยะ 2 ชั่วโมงบิน สามารถเข้าถึงประชากรครึ่งโลกส่วนสหรัฐอยู่ใกล้กับประชากรเพียง 1 ใน 4 ของโลกเท่านั้น ถ้าเทียบปริมาณเรือสินค้าที่เกี่ยวข้องผ่านไปมาก็มีเรือสินค้าผ่านประเทศไทยถึง 3 ใน 4 ในขณะที่สหรัฐมีเรือสินค้าผ่านเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น
ควรที่ประเทศไทยจะเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของโลกแต่สหรัฐกลับเป็นประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของโลก เพราะเป็นประเทศใหญ่ มีประชากรมากถึง 300 ล้านคน มีความก้าวหน้าทันสมัยและมีระเบียบวินัย ที่สำคัญคือเป็นประเทศที่ใช้ศักยภาพของภูมิยุทธศาสตร์ได้เต็มตามศักยภาพ
ในขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก ประชากรน้อย และเอาแต่ทะเลาะเบาะแว้งด่ากันเอง ไม่เป็นปึกแผ่น จึงอยู่ในสภาพล้าหลังและตกอยู่ในสภาพเป็นพื้นที่แย่งชิงที่ประเทศใดมีอำนาจขึ้นในโลกแล้วก็จะมุ่งมาแย่งชิงเอาประเทศไทย ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ยุคสมัยล่าอาณานิคม
การที่มูลนิธิรัฐบุรุษถือเอาภารกิจในการรณรงค์ให้มีการขุดคลองกระมาหลายปีเต็มทีย่อมเนื่องมาจากเจตนาของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นแน่แท้ เพราะ
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นั้นท่านมีแนวคิดในเรื่องนี้มาช้านานแล้ว อาจจะมีสาเหตุมาจากท่านเป็นคนภาคใต้รู้สภาพภูมิยุทธศาสตร์เป็นอย่างดี และท่านก็เป็นคนที่คำนึงถึงชาติบ้านเมือง ไม่ได้ยำเกรงต่อแรงกดดันของต่างชาติ ท่านจึงขับเคลื่อนเรื่องนี้มานานแล้ว
ที่ชัดเจนก็คือตั้งแต่ครั้งที่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในยามที่บ้านเมืองกำลังวิกฤตถึงที่สุดในทุกด้าน ยามนั้น พลเอกเปรมติณสูลานนท์ เป็นองคมนตรี ได้มอบหมายภารกิจให้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หลายประการ ที่สำคัญคือ
ให้จัดการนำความสงบกลับคืนสู่บ้านเมือง ยุติความขัดแย้ง 18 ปี และดูแลรักษาความปลอดภัยของประเทศให้พ้นจากอันตรายทั้งภายในและภายนอก และอีกประการหนึ่งคือให้เตรียมความพร้อมในการขุดคลองกระ
เพื่อดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย นอกจากพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้ปฏิบัติหน้าที่ในทางราชการแล้ว ก็ได้ตั้งหน่วยงานลับขึ้นหน่วยหนึ่งเรียกว่าหน่วยไชโย มีพลเอกสุนทรคงสมพงษ์ เป็นหัวหน้าหน่วย พลเอกพัฒน์ อัคนิบุตรรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นเสนาธิการหน่วย นายไพศาลพืชมงคล เป็นเลขาธิการ และมีนายทหารอำนวยการยศพลเอก3-4 คน ซึ่งต่อมา 1 ใน 3-4 คนนี้ก็มีความเจริญก้าวหน้าในทางราชการ ได้มีตำแหน่งสูงถึงรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด
หน่วยไชโยได้ปฏิบัติส่วนใหญ่เป็นงานลับ ในส่วนของการเตรียมความพร้อมเรื่องการขุดคลองกระก็ได้ตั้งคณะทำการศึกษาเรื่องนี้ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ซึ่งได้ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูล และพิจารณาศึกษามาตั้งแต่บัดนั้นถึงบัดนี้ จนอาจถือได้ว่าคณะนี้มีข้อมูลเรื่องนี้มากและสมบูรณ์ที่สุดยิ่งกว่าหน่วยงานใดในประเทศไทย
ในด้านต่างประเทศก็มีการประสานงานทั้งจีน ญี่ปุ่นสหรัฐ สิงคโปร์ อินเดีย เพื่อสนับสนุนโครงการขุดคลองไทย จนสถาบันคลองของญี่ปุ่นตกลงให้เงินสนับสนุนการศึกษาโครงการถึง 10 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยมอบเงินให้ครั้งแรกจำนวน 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐก่อน และจะทยอยบริจาคเป็นงวดๆ ปรากฏว่าพอได้รับเงินงวดแรก ผู้ปฏิบัติงานบางคนก็นำเงินนี้ไปใช้ส่วนตัว และเป็นเหตุให้ไม่ได้รับบริจาคงวดถัดไปจนบัดนี้
เดิมทีนั้นแนวความคิดในการขุดคลองกระเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องมาช้านานแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ที่สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทมีพระราชประสงค์ที่จะให้ขุดคลองกระเพื่อเป็นเส้นทางเดินทัพเรือ เพื่อใช้ในการทำสงครามกับพม่าทางด้านเหนือ และปราบกบฏทางภาคใต้ของไทย แต่ยังไม่ได้ทันดำเนินการก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน จากนั้นก็มีการยกเรื่องนี้ขึ้นพิจารณาดำเนินการอีกหลายครั้ง ทุกครั้งมีความเห็นไปในทางเดียวกันที่จะให้มีการขุดคลองกระ มีเพียงครั้งเดียวในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ความคิดเห็นเป็นไปในทางที่ไม่ควรขุดเพราะจะทำให้มีความเสี่ยงที่จะถูกแบ่งแยกดินแดน เนื่องจากเป็นยุคที่กำลังถูกล่าอาณานิคม
หลังจากนั้นแล้วความเห็นทั่วไปก็มีลักษณะเดียวกันคือสมควรขุดคลองกระเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ แต่จนวันนี้ก็ยังไม่ได้ไปถึงไหน มิหนำซ้ำ ยังมีคนพยายามสร้างโครงการเพื่อความฉิบหายแห่งชาติคือโครงการแลนด์บริดจ์มาทดแทนการขุดคลองกระ
เพราะเมื่อใดที่ทำแลนด์บริดจ์แล้ว ฉิบหายวายวอดแล้ว ท่าเรือของแลนด์บริดจ์นั้นก็จะถูกแปรสภาพเป็นฐานทัพเรือให้กับประเทศนักล่าอาณานิคมเจ้าความคิดยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกเพื่อเตรียมทำสงครามกับจีนรัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ แต่ประเทศไทยมีบุญมากเพราะไม่มีใครเห็นด้วยหรือพร้อมสนับสนุนโครงการนี้ แม้ธนาคารโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชียหรือ AIIB ก็ไม่เห็นด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี