สงครามในโลกนี้มีรูปแบบมากมาย ยั้วเยี้ยเกินกว่าใครจะจดจำชื่อได้หมด

ถ้าเป็นสงครามระดับ “บิ๊ก บิ๊ก” หรือระดับโหด “เบิ้ม เบิ้ม” โดยใช้แท่งเหล็กพูดได้ เข้า “ห้ำหั่น” กัน ไม่ว่าจะเป็นสงครามช่วงชิงดินแดน สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สงครามก่อการร้ายและสงครามแยกประเทศ ถือเป็น “สงครามหลัก” ที่โฮโมซาเปี้ยนต่างรู้จักทั่ว

แต่ถ้าเป็นสงครามที่ไม่ใช้ “แท่งเหล็กที่พูดได้” เข้าถล่มกัน เช่น สงครามการค้า สงครามทางการเมือง สงครามน้ำลาย หรือ “โหลดเตี้ย” มาเป็นสงครามระหว่างปัจเจกบุคคล เช่น สงครามแย่งผัวแย่งเมีย เป็นต้น ย่อมมีชื่อ “แตกย่อย” ออกไปอย่างมหาศาล จนไม่มีใครจดจำได้ครบ

ในบรรดา “สงครามที่มีชื่อสุดแปลก” ณ วันนี้ คงไม่มีสงครามใดจะมีชื่อ “สุดฮา” เท่ากับ“สงครามลูกโป่ง” ที่เป็นการ “ราวีสุดซ่า” ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้

“สงครามลูกโป่งระหว่างสองเกาหลี” นั้น เกิดขึ้นมานับปีแล้ว “โดยเกาหลีใต้ได้เริ่มก่อสงคราม” ด้วยการส่งลูกโป่งติดถุงบรรจุแผ่นพับมีข้อความ “เชียร์ลัทธิประชาธิปไตย” เพื่อให้ชาวเกาหลีเหนือได้อ่าน ซึ่งอาจก่อความกระด้างกระเดื่องต่อ “ระบบปกครอง” ของเกาหลีเหนือได้

หลังจากที่เกาหลีใต้เริ่ม “จุดไฟสงครามลูกโป่ง” ปรากฏว่า “ริงกี้สาวแห่งเกาหลีเหนือ” หรือ ซือเจ๊ “คิม โย-จอง” น้องเลิฟสุดห้าวของผู้นำ “คิม จอง-อึน” ก็เกิด “ฟ้าแลบในสมอง” ทำการ “โต้กลับ” เกาหลีใต้ ด้วยการทำ “สงครามลูกโป่ง” บ้าง

โดยลูกโป่งจำนวนมากที่เกาหลีเหนือส่งมาเล่นงานเกาหลีใต้ได้ “หอบหิ้วถุงขยะที่มีมูลสัตว์ชนิดต่างๆ” มามอบให้แก่ชาวเกาหลีใต้เป็น “ของขวัญแห่งความจริงใจ”

“สงครามลูกโป่ง” ระหว่างสองเกาหลีนั้น คงจะไม่มีประชาชนล้มตายด้วยสงคราม และคงจะไม่มีฝ่ายใด “แพ้” หรือ “ชนะ” สงครามลูกโป่งอย่างแน่นอน

แต่ดูเหมือน “สื่อจอมซนปากบุก ซุกปากบอน” บางรายได้ออกมาวิเคราะห์ว่า ซือเจ๊ “คิม โย-จอง” ออกมา “ใช้ขยะ” ทำสงครามลูกโป่ง ครั้งนี้ ถือเป็น “เรื่องปกติ” ของ “ริงกี้สาว”

หากใครจำได้ “ยุคทรัมป์” เป็นผู้นำอินทรีหัวขาว “ทรัมป์ปากไว” ก็ขยันทำ “สงครามน้ำลาย” กับผู้นำเกาหลีเหนือ โดย “กล่าวหา” เป็น อันธพาลบ้าง และเป็นเผด็จการสุดซ่าบ้าง

ปรากฏว่า ซือเจ๊ “คิม โย-จอง” ได้ออกมาโต้ใส่ทรัมป์ด้วยวาทกรรม “สุดแสบ” ดังนี้

“ในประเทศเกาหลี มีขบวนแห่ตามประเพณีต่างๆ เป็นประจำประชาชนมักจะมาดูขบวนแห่อยู่สองข้างถนน แต่ก็มีหมาจรจัดบางตัวมายืนเห่าหอนใส่ขบวนแห่ด้วย แต่หมาจรจัดจะเห่าหอนอย่างไร ขบวนแห่ก็เดินหน้าต่อไป โดยไม่สนใจหมา”

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม