วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
กว่า ๕๐ ปี ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่เป็นธรรม ในสังคมไทย ได้ยึดหลักธรรม ดังนี้
l 1. “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม
พระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓
l 2. การแสวงหาสัจจะจากความเป็นจริง
สังคมไทย เป็นสังคมที่โครงสร้างและระบบ เหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม และขาดคุณภาพทั้งระบบและประชาชนฉะนั้น การเข้าใจ “ความยุติธรรม” ต้องเข้าใจหลักการ และความเป็นจริง
๑.“ความเป็นธรรม ความยุติธรรม”อันมีความหมายเน้นถึงความเสมอภาคที่คนทุกคน ทุกกลุ่มในสังคมไทยต้องได้รับอย่าง “เท่าเทียม” กัน
๒.กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม
คือคำสั่งและกฎกติกาที่ได้ถูกกำหนดมาจากผู้ปกครอง และผู้บริหารประเทศ ซึ่งมีทั้งส่วน ที่ถูกต้องเป็นธรรม และไม่ยุติธรรม
@ ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่เป็นธรรม เพื่อให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรมที่มากขึ้นในสังคมนักต่อสู้ และกลุ่มคนที่ร่วมกันต่อสู้ ต้องคำนึงถึงความจริงที่ว่า
(๑) ผู้นำ ผู้ริเริ่ม ในการต่อสู้ อาจจะต้องเผชิญกับความไม่เป็นธรรม ถูกจับ โดนคดี คุกตะราง ยึดทรัพย์ฯ
(๒) เราต้องใช้สติปัญญา ความจริง คิดวิเคราะห์ สิ่งที่ควรพูด ควรทำ ให้สอดคล้องกับกติกาฯให้ดีที่สุด
3.แนวคิดความยุติธรรมที่พึงประสงค์ตามหลักพระพุทธศาสนา
มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1) แนวคิดเกี่ยวกับความยุติธรรม
2) วิธีการปฏิบัติ
3) กระบวนการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความยุติธรรม
l 1) แนวคิดเกี่ยวกับความยุติธรรม คือ หลักธรรมและหลักพระวินัยโดยภาพรวม เฉพาะหลักธรรมประกอบด้วย
๑.หลักธรรมเพื่อส่งเสริมความยุติธรรม ได้แก่
อธิปไตย 3 ศีล 5 ทิศ 6 สาราณียธรรม 6 และ อริยมรรคมีองค์ 8
๒.หลักธรรมที่ควรละเว้น ได้แก่ อคติ 4 และมัจฉริยะ 5
๓.หลักธรรมสำหรับเป็นเครื่องมือส่งเสริมให้เกิดความยุติธรรม คือ อริยสัจ 4
ซึ่งครอบคลุมหลักธรรมอื่นๆ ทั้งหมด
l 2) วิธีการ คือการนำเอา อธิกรณสมถะ 7มาประยุกต์ใช้
l 3) ส่วนกระบวนการปฏิบัติอันจะนำไปสู่ความยุติธรรมได้ คือ นิคหกรรม ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบันได้ เพราะนิคหกรรมมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ทำผิดได้สำนึกตนและปรับเปลี่ยนความประพฤติของตนใหม่ไปในทางที่ดีขึ้น และมีแนวทางปฏิบัติที่หลากหลายตามความเหมาะสมกับสภาพของปัญหาที่มีความขัดแย้ง
l ต่อไปนี้ ขอนำ ความหมายของบางคำที่สำคัญมาอธิบาย (ใครสนใจจริง ต้องไปศึกษาค้นคว้าต่อ)
อธิปไตย 3 (ความเป็นใหญ่, ภาวะที่ถือเอาเป็นใหญ่)
๑.อัตตาธิปไตย (ความมีตนเป็นใหญ่, ถือตนเป็นใหญ่, กระทำการด้วยปรารภตน เป็นประมาณ)
๒.โลกาธิปไตย (ความมีโลกเป็นใหญ่, ถือโลกเป็นใหญ่, กระทำการด้วยปรารภนิยมของโลก เป็นประมาณ)
๓.ธัมมาธิปไตย (ความมีธรรมเป็นใหญ่, ถือธรรมเป็นใหญ่, กระทำการด้วยปรารภความถูกต้อง เป็นจริง สมควรตามธรรม เป็นประมาณ)
ผู้เป็นอัตตาธิปก พึงใช้สติให้มาก
ผู้เป็นโลกาธิปก พึงมีปัญญาครองตนและรู้พินิจ
ผู้เป็นธรรมาธิปก พึงประพฤติให้ถูกหลักธรรม
ผู้เป็นนักปกครอง พึงถือธรรมาธิปไตย
ศีล 5 คือ หลักคำสอนของชาวพุทธ ที่เป็นหลักพื้นฐานของชีวิต ที่ทุกคนควรรู้ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตน ทั้งทางโลกและทางธรรม ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทิศ 6 คือหน่วยของสังคมรอบตัวเรา คือ หน่วยของสังคมที่เล็กที่สุด สำคัญที่สุด ทรงอานุภาพที่สุด หากบุคคลในแต่ละทิศปฏิบัติตนตามหน้าที่ ซึ่งมีอยู่ประจำทิศได้สมบูรณ์จริงๆ แล้ว ย่อมสามารถที่จะฉุดสังคมส่วนใหญ่ ให้เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม ได้อย่างชนิดฉับพลัน
สาราณียธรรม 6 แปลว่า ธรรมอันเป็นไปเพื่อความระลึกถึงกันและกัน หมายถึง ธรรมอันเป็นไปเพื่อเสริมสร้างความรู้สึกที่ดีให้เกิดขึ้นต่อกันจนก่อเกิดเป็นความสามัคคีมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ดังนั้นสาราณียธรรม ก็คือ วิธีสร้างความสามัคคีนั่นเอง
มรรค 8 หมายถึง แนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความรู้แจ้งด้วยปัญญาสำหรับขจัดความเขลา ความหลงผิด ความทุกข์ เพื่อให้การดำเนินชีวิตดำรงอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม
อคติ 4 เป็นธรรมของผู้เป็นผู้ใหญ่ควรยึดถือ ใช้ในการพิจารณาสรรพสิ่ง ว่าเราเห็นผิดวิปลาสจากความเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง มองด้วยความลำเอียงเป็นเพราะอคติทั้ง 4 ต่อสิ่งทั้งปวง
มัจฉริยะ 5 เป็นกิเลสภายใน ความตระหนี่ ความเสียดาย ความหวงแหน เป็นเหตุให้เป็นคนใจแคบ เห็นแก่ตัว ขาดความกรุณา
อริยสัจ 4 เป็นหลักคำสอนสำคัญของพระโคตมพุทธเจ้า แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยบุคคล หรือความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยะ รู้จริงรู้แจ้ง และบรรลุผล
ทุกข์ คือ สภาพของปัญหาที่ต้องเจอ
สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
นิโรธ คือ ความดับทุกข์
มรรค คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่หรือนำไปถึงความดับทุกข์
๑. สัจญาณ หยั่งรู้ความจริงสี่ประการ
๒. กิจญาณ หยั่งรู้หน้าที่ต่ออริยสัจ
๓. กตญาณ หยั่งรู้ว่าได้ทำกิจที่ควรทำได้เสร็จสิ้นแล้ว
> อธิกรณสมถะ
การทำอธิกรณ์ให้สงบระงับ หมายถึง วิธีระงับอธิกรณ์ตามพระธรรมวินัย 7 อย่าง....
นิคหกรรม แปลว่า การข่ม เป็นวิธีการลงโทษภิกษุตามพระธรรมวินัยเพื่อให้เข็ดหลาบ
4.สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงองค์แห่งวาจาสุภาษิตไว้ว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วาจาที่ประกอบด้วยองค์ ๕ นับเป็นสุภาษิตไม่เป็นทุพภาษิต ไม่มีโทษ อันผู้รู้ติไม่ได้ คือ
๑.วาจาที่กล่าวถูกต้องตามกาล
๒.วาจาที่กล่าวเป็นความจริง
๓.วาจาที่กล่าวอ่อนหวาน
๔.วาจาที่กล่าวประกอบด้วยประโยชน์
๕.วาจาที่กล่าวด้วยจิตประกอบด้วยเมตตา”
5.หลักธรรมาภิบาล
๑.หลักนิติธรรม
๒.หลักคุณธรรม
๓.หลักความโปร่งใส
๔.หลักการมีส่วนร่วม
๕.หลักความรับผิดชอบ
๖.หลักความคุ้มค่า

เช็กด่วน!‘สิงห์บุรี’กางพื้นที่เตือนระวัง‘น้ำท่วม’ สั่งอพยพปชช.พื้นที่เสี่ยงขึ้นที่สูง
เช็กก่อนออกจากบ้าน!! เส้นรัชดาภิเษก ขาเข้า ตรงข้ามศาลอาญา น้ำยังท่วมขังทำรถติดยาวสะสม
โซเชียลแห่ชื่นชม! 'เปิ้ล นาคร'ลุยน้ำท่วม พาทีมหมอช่วยผู้ป่วยติดเตียง
DITP รุกตลาดแอฟริกาใต้ ขยายโอกาสการค้าการลงทุนไทย
ลดค่าธรรมเนียมส่งออกข้าว หนุนเกษตรกร–รายย่อยโกอินเตอร์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี