วันศุกร์ ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568
สถานการณ์ทางการเมืองในสัปดาห์ที่สองของเดือนสิงหาคมนี้ กูรูในสภากาแฟมองว่าสาหัสสากรรจ์เข้าขั้น “กลียุค” เลยทีเดียว เหตุเพราะเริ่มต้นจากสถานการณ์ลอกคราบทางการเมือง “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” จะมีคำวินิจฉัยคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องให้วินิจฉัย “พรรคก้าวไกล” มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทั้งยังปรากฏเข้าข่ายลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2561 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1), (2) ประกอบพ.ร.ป.พรรคการเมืองพ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง
ในขณะที่หัวหน้าพรรค, อดีตแกนนำพรรค, ผู้มีบารมีนอกพรรคดิ้นเร่าๆ กระทำทุกวิถีทางกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคณะแรกที่พิจารณาวินิจฉัย “คดีซุกหุ้น”ของ “นักโทษเด็ดขาดชายคดีทุจริตคอร์รัปชั่นโกงบ้านโกงเมืองฉ้อฉลเงินแผ่นดิน - ทักษิณ ชินวัตร”ที่กำลังขึ้นหม้อได้รับการสนับสนุนจากประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่คิดว่า “รวยแล้วไม่โกง” จนเกิด“วลีทองคำ - บกพร่องโดยสุจริต”
ถัดจากการวินิจฉัยยุบพรรคการเมือง “ก้าวไกล” ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันหลักของชาติ การเมืองลอกคราบก็เข้าสู่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณี 40 อดีตสมาชิกวุฒิสมาชิกร้องให้ตุลาการศ่าลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ “เศรษฐา ทวีสิน”ผิดมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองร้ายแรงกรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล ทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติตามมาตรา 160 (4) , (5) ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2560 ด้วยเอกสารชี้แจง 32 หน้าที่ผ่านการตรวจตราจาก “เนติบริกร อย่าง วิษณุ เครืองาม” เสียงออดอ้อนวิงวอน ออกอาการว่าไม่น่ารอดพายุหมุนทางการเมืองครั้งนี้
จะอ้างแต่งตั้งทนายถุงขนมเป็นเสนาบดีด้วยความสุจริตเป็นอาการ “บกพร่องโดยสุจริต”รีรัน
จะสำรอกสำรากกล่าวอ้างความไม่มีความรู้ด้านนิติศาสตร์ ไม่ได้แปลว่า “ไม่มีสามัญสำนึก”ด้วยก็ได้
ในวันที่ผึ้งแตกรังวันที่ฟ้าเปลี่ยนสี ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง จับจ้องอาการ “พรรคพลังประชารัฐ” กับวลีทองคำ “ใจบันดาลแรง” ความเปลี่ยนแปลง/อาการลอกคราบทางการเมืองย่อมเกิดขึ้นได้
จากความเอือมระอาของโหวตเตอร์กับสติปัญญาในการบริหารประเทศในการแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่เทียบเคียงกับปัญหาปากท้องประชาชนในช่วง “รัฐบาลรปภ.โง่ - ลุงตู่/พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีคนที่ 29ต่างกันราวฟ้ากับเหว, หน้ามือกับหลังมือ
หาก “พรรคพลังประชารัฐ” จะขยับตนเองจาก“นั่งร้าน” มาเป็น “แกนนำ”ในวันที่ “อุ๊งอิ๊ง - แพทองธารชินวัตร”ยังไม่พร้อม “ชิงสุกก่อนห่าม” และเมื่อ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” รวบรวมเสียงผึ้งงานที่กระจัดกระจายจากอาการรังแตกสนับสนุนในสภาได้เกิน 250 เสียง ก็ไม่มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตราใดห้ามมิให้ “ลุงป้อม - พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 หลังการ “ปฏิวัติสยาม 2475” ได้
จับตา “ยุทธการศัตรูของศัตรูคือมิตร” แต่ใครเล่าคือ “ศัตรู” และใครเล่าที่เรียกว่า “มิตร”
จับสัญญาณ “ลุงป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” ถึงฝั่งฝันด้วยใจบันดาลแรง

ปชป. ร่อนแถลงการณ์ ซัด พรรคส้ม ออกลูกงอแงหวังประโยชน์แก้ รธน. ยอมเอา ‘อธิปไตยชาติ’ มาเสี่ยง
ยุบสภา อนุทิน ยันแล้ว คืนอำนาจให้ประชาชน
คอนเฟิร์ม! นายกฯอนุทิน ยื่นยุบสภาแล้ว เผยต่อรอง ปชน. ชี้ สั่ง สว.ไม่ได้ ไม่โหวตตัดอำนาจ
สะพัด อนุทิน ยื่นยุบสภาคาไว้แล้ว ตั้งแต่เย็นวันนี้ ตัดหน้า ‘ปชน.’ ล่าชื่อซักฟอกรัฐบาล
สื่อนอกตีข่าว เหตุปะทะเดือดชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือน2ประเทศอพยพแล้วครึ่งล้านคน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี