งานแรกของนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย และในฐานะนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศไทย และคนที่สองของตระกูลชินวัตร ที่เหมือนมีดวงชะตาผูกมากับมหาอุกทกภัย นามว่า“แพทองธาร ชินวัตร” ผู้สืบสายเลือดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนักโทษคดีทุจริตประพฤติมิชอบระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2544-2549 คือการตรวจน้ำท่วมที่จังหวัดน่าน
จะเรียกว่า เป็นการเดินทางไปออกอีเว้นท์ก็ไม่ผิดนัก เพราะมีการผัดข้าวผัด ทอดไข่เจียว ทอดหมูในกระทะโชว์ และสวมรองเท้าบูธเดินลุยน้ำชี้มือชี้ไม้ส่งยิ้มทักทายชาวบ้าน ซึ่งกำลังประสบความเดือดร้อนจากภาวะน้ำท่วมอย่างหนักในเวลานี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา
“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”ดีเอ็นเอของนายทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่บินไปเยี่ยมเยือนประชาชนในจังหวัดน่านและมอบถุงยังชีพช่วยเหลือครั้งนี้ เธอไปในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่าเวลานี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างกระบวนการก่อนเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
และถ้าจะว่าไปแล้ว, การที่“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์” ซึ่งต้องมีตัวการันต์สะกดหรือทัดไว้บนหัว“ค.ควาย”กับคำว่า“อิ๊งค์” ออกตัวว่า“ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้”นั้น น่าจะเป็นข้ออ้างเพราะเธอยังไม่พร้อมอันเนื่องมาจากยังจับต้นปลายไม่ถูกด้วยอ่อนด้อยประสบการณ์มากกว่า ทั้งนี้ โดยข้อเท็จจริงแม้ว่านายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีจะยังมิได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ด้วยถ้อยคำตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 161 แต่ก็สามารถทำหน้าที่ไปพลางก่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประโยชน์สำคัญของแผ่นดินได้เท่าที่จำเป็น ตามบทบัญญัติของมาตรา 162 วรรคท้าย
การไปออกงานอีเว้นท์ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชนชาวจังหวัดน่านของ“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”ในฐานะหัวหน้าพรร คเพื่อไทยครั้งนี้ คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์สวมเสื้อสีแดงและสวมหมวกสีแดง แทนที่จะเป็นสีเหลืองเพื่อเป็นแบบอย่าให้แก่ประชาชน จากการที่รัฐบาลชุดนายเศรษฐา ทวีสิน ได้เคยขอความร่วมมืออันเนื่องในปีมหามงคล“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา” โดยให้ส่วนราชการ, รัฐวิสาหกิจ และประชาชนสวมใส่เสื้อเหลืองตราสัญลักษณ์ฯ อย่างน้อยก็ทุกวันจันทร์โดยพร้อมเพรียงกัน
และระหว่างที่“แพทองธาร ชินวัตร”เดินท่องน้ำที่บ้านม่วงตึ๊ด ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ด้วยเสื้อสีแดงและสวมหมวกสีแดงนั้น ชาวบ้านที่มารอให้การต้อรับได้ส่งเสียงตะโกนเชียร์“นายกฯสู้ๆ” และขอถ่ายภาพร่วมกับเธอคลับคล้ายดาราเกาหลีที่มาเดินสายโชว์ตัว ซึ่งนางสาวแพทองธารได้เดินลุยน้ำสวมรองเท้าบูธเข้าไปแจกถุงยังชีพให้กับประชาชนในบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมขังอยู่ พร้อมสอบถามถึงสภาพความเป็นอยู่ และแสดงความห่วงใย โดยให้กำลังใจชาวบ้านที่ประสบความเดือดร้อนผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้
เห็นภาพ“แพทองธาร ชินวัตร” แล้วก็หวนนึกถึงน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ซึ่งเป็นมหาอุทกภัยในสมัยรัฐบาล“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย และนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของตระกูลชินวัตร ไม่ได้ ที่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปีนั้นยิ่งลักษณ์บอกว่า“เอาอยู่” และไม่เพียงแต่สื่อในประเทศเท่านั้น ที่เสนอข่าวความไร้ประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่มียิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี สื่อต่างประเทศก็ยังประโคมข่าวไปทั่วโลกอีกด้วย
เช่น หนังสือพิมพ์“เทเลกราฟ”สื่อชื่อดังของอังกฤษ ตีข่าวว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงของไทย ต้องเผชิญกับแรงกดดันครั้งใหญ่จากสังคมไทย เพราะการทำหน้าที่ของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ขาดความน่าเชื่อถือ จากการที่มีการแจ้งข้อมูลและการเตือนภัยค่อยข้างสับสน พร้อมระบุว่า“ยิ่งลักษณ์”ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่เหมาะสม และความไม่คำนึงถึงกาลเทศะจากการเลือกสวมใส่รองเท้าบูทราคาเรือนหมื่นของแบรนด์สุดหรูอย่างเบอเบอร์รี่ ( Burbery) ออกไปเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่กำลังใช้ชีวิตด้วยความลำบาก
อย่างไรก็ตาม น้ำท่วมใหญ่ในปีนั้น ยังประจานให้เห็นว่า นักการเมืองพรรคเพื่อไทยที่เป็น สส.ฝ่ายรัฐบาล งุบงิบข้าวของ “อุปโภค-บริโภค” ที่คนไทยทั้งประเทศร่วมกันบริจาคเพื่อให้รัฐบาลของ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นำไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เก็บซุกไว้ ที่“ศปภ.” หรือศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่สนามบินดอนเมือง เพื่อใส่ชื่อบริจาคเป็นของตนเอง ปรากฏว่าเมื่อมวลน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมศูนย์แห่งนี้ ของบริจาคจำนวนมาก, ทั้งถุงยังชีพ เสื้อผ้า สุขาลอยน้ำ และกล่องโฟมอาหารซึ่งกำลังเริ่มเน่าเสีย ลอยน้ำกันให้เกลื่อน
ขณะเดียวกันนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ดื้อรั้นไม่ยอมประกาศสถานการณ์ของประเทศเป็นภัยพิบัติแห่งชาติ ทั้งที่มวลน้ำจากทางภาคเหนือได้ไหลบ่าผ่านจังหวัดนครสวรรค์ลงมาจ่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยู่ทุกขณะ และกรมชลประทานก็ได้แจ้งเตือนจากการคาดการณ์ว่า มวลน้ำที่จะไหลสู่ภาคกลางมีทั้งหมด 4 พันล้านลูกบาศก์เมตร จะส่งผลกระทบในพื้นที่ 7.73 ล้านไร่ เรียกว่าสถานการณ์น้ำเข้าขั้นวิกฤต แต่“ยิ่งลักษณ์”กลับให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “เอาอยู่” โดยเชื่อว่ายังสามารถรับมือได้ และน้ำจะไม่เข้าท่วมกรุงเทพมหานคร
ในที่สุด“มหาอุทกภัย”ปี 2554 ซึ่งนอกจาก“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”จะเอาไม่อยู่แล้ว ยังส่งผลให้เกิดความเสียหายใน 65 จังหวัด คนกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวนไม่น้อยต้องอพยพหลบภัยไปอยู่ในจังหวัดต่างๆ เกือบครึ่งปี ไปอาศัยตามบ้านเพื่อนและญาติพี่น้อง เหมือนหนีภัยสงครามไม่มีผิด ทั้งนี้ มูลค่าความเสียหายจากมหาอุทกภัยในปีนั้น ธนาคารโลกประเมินออกมาเป็นตัวเลขกลมๆ ว่า สูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท, ประชาชนได้รับผลกระทบมากกว่า 12.8 ล้านคน, มีผู้เสียชีวิต 657 ราย, สูญหาย 3 คน, ผู้ใช้แรงงานตกงานเกือบ 6.5 แสนคน และพื้นที่การเกษตรเสียหาย 11.20 ล้านไร่ รวมทั้งปศุสัตว์ล้มตายไปถึง 13.41 ล้านตัว
น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงราย, พะเยา, แพร่ และน่านคราวนี้ ถือว่าเพิ่งจะเริ่ม จากนี้ไปมวลน้ำก็จะไหลบ่าลงมายังพื้นที่จังหวัดตอนล่าง และถ้าในเดือนกันยายนเดือนหน้า ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจะมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกมากที่สุดในรอบปี จากอิทธิพลของร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณตอนกลางของประเทศ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทย นอกจากนี้ยังอาจได้รับอิทธิพลจากพายุเขตร้อนเคลื่อนเข้ามาสลายตัวใกล้หรือเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง โดยเฉพาะบริเวณทางด้านตะวันออกของประเทศ สถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่แน่ว่าอาจจะต้องประสบภาวะน้ำท่วมใหญ่เหมือนในปี 2554
จากปี 2554 ที่“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”บอกว่า “เอาอยู่” เมื่อมาถึง พ.ศ.นี้นับเวลาก็ครบรอบ 13 ปีซึ่งตัวเลขไม่เป็นมงคลเท่าไรนัก หากเกิดมหาอุทกภัยซ้ำรอยอีก ก็ได้แต่หวังว่า“แพรทองธาร ชินวัตร” คงจะไม่บอกว่า “กำลังเอาอยู่”คลับคล้ายกับที่“อาปู-ยิ่งลักษณ์”เคยพูด หรือเผลอบอกว่า“ต้องถามคุณพ่อดูก่อนค่ะ”
เพราะจากการผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “บทบาทอดีตนายกฯ ทักษิณ ในรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์” อันเป็นโพลล่าสุดของ“นิด้าโพล”ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคมวานนี้ชี้ว่า เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี“แพทองธาร ชินวัตร” จะบริหารประเทศโดยปราศจาก“ทักษิณ ชินวัตร”
พบว่าร้อยละ 59.01 ระบุว่า “เป็นไปไม่ได้เลย” !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี