วันนี้วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 มีเรื่องใหญ่ที่น่าจับตา 3 เรื่องที่เกี่ยวพันกัน คือ หนึ่ง-ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องของ 36 สว.ที่ยื่นให้มีการถอดถอน“แพทองธาร ชินวัตร”ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณี“คลิปอัปยศ”จากการสนทนากับ“ฮุนเซน”หรือไม่
สอง-ถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย จะสั่งให้“แพทองธาร ชินวัตร”หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยหรือไม่
และสาม-รายชื่อคณะรัฐมนตรี“แพทองธาร 2” หรือ“แพทองธาร 1/2”ที่ตามข่าวระบุว่า “แพทองธาร ชินวัตร”ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้นำรายชื่อรัฐมนตรีใหม่แต่ส่วนใหญ่หน้าเก่า ที่มีการโยกเก้าอี้เปลี่ยนกระทรวงขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา จะโปรดเกล้าฯแต่งตั้งลงมาทันกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
ถ้ายังไม่ได้โปรดเกล้าฯลงมาทันในวันที่ 1 กรกฎาคมคือวันนี้ และหากว่า“แพทองธาร ชินวัตร”ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็จะ“ขาลอย”ทันที ต้องกลับไปทำหน้าที่ภรรยาของสามีคนใต้ และแม่ของลูกสาวและลูกชาย รอจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอยู่ที่บ้าน อย่างน้อยก็ไม่น่าจะต่ำกว่าหนึ่งเดือน
อย่างไรก็ดี ในเรื่องที่สามเกี่ยวกับรัฐมนตรีชุดใหม่นี้ ที่บางกระแสข่าวเปิดเผยว่า มีทั้งหมด 14 คน บางกระแสก็ว่ามีทั้งหมด 16 คนนั้น ถ้าจะว่าไปแล้ว ก็ไม่น่าจะมีผลอะไรต่อประเทศชาติบ้านเมือง ในการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมสะสมมา 2 ปี นับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่วิกฤต และประชาชนทุกภาคส่วนกำลังเดือดร้อนกันอย่างแสนสาหัสอยู่ในเวลานี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกือบหนึ่งปีที่“แพทองธาร ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์แม้แต่เรื่องเดียว ซึ่งการแต่งตั้งรัฐมนตรีครั้งนี้ก็แค่“แบ่งชามข้าวสุนัข” ในสัดส่วนที่พรรคภูมิใจถอนตัวออกไป โดยมีตำแหน่งรัฐมนตรีว่างอยู่ 8 ตำแหน่ง แล้วจัดสรรตำแหน่งให้ลงตัว จากการโยกคนของแต่ละพรรคการเมืองเข้าไปสวมตำแหน่งตามโควตา ที่แต่ละพรรคจะได้ตามสัดส่วนเท่านั้น
การปรับคณะรัฐมนตรีเป็น“แพทองธาร 2” หรือ“แพทองธาร1/2”ครั้งนี้ จึงเหมือนกับการ“เล่นเก้าอี้ดนตรี” เรื่องความรู้ความสามารถของรัฐมนตรีแต่ละคน ถือว่าเป็นเรื่องรอง ไม่สลักสำคัญอะไรเลยแม้แต่น้อย
แต่ที่สำคัญและมีความหมายที่สุด ก็คือ เฉพาะ“แพทองธาร ชินวัตร”ที่ตามโผระบุว่าจะนั่งควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยโยกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยที่นั่งเก้าอี้ตัวนี้อยู่เดิม คือ“สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล”ไปนั่งเก้าอี้รัฐมตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษาฯ แทน“ศุภมาสอิศรภักดี”จากพรรคภูมิใจไทยที่ลาออกไป
“แพทองธารชินวัตร” ขยายก้นนั่งควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเพิ่มอีกตำแหน่งหนึ่ง จากการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ไม่ใช่เหตุผลเพราะมีความรู้ความสามารถ หรือมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องวัฒนธรรม, ภาษา, ศาสนาและขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ที่อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงนี้
หากแต่เป็นการเตรียมไว้ล่วงหน้า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้“แพทองธาร ชินวัตร”หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ยังมีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรองรับ เพื่อจะได้เข้าไปนั่งในคณะรัฐมนตรีได้เหมือนเดิม โดยยึด“โมเดล”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อครั้งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2565 กรณีที่มีการร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย“วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี” ว่าสิ้นสุดลงเมื่อใด ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์มีเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั่งควบอยู่ด้วยอีกหนึ่งตำแหน่ง
แต่ถึงกระนั้น ในกรณีนี้ก็ยังมีความเห็นแย้งว่า โมเดลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่อาจนำมาใช้กับ“แพทองธาร ชินวัตร”ได้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ถูกร้องให้วินิจฉัยเฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วน“แพทองธาร”ถูกร้องเรื่องคุณสมบัติของการเป็นนายกรัฐมนตรี
ดังนั้น ถ้าศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้“แพทองธาร ชินวัตร”หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงวัฒนธรรมได้เช่นกัน เพราะ“แพทองธาร”ถูกร้องให้ถอดถอน เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง(4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)
จะอะไรก็ตาม ถ้า“แพทองธาร ชินวัตร”คิดจะดันทุรัง แบบ“หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ก็ลองดู ชีวิตทางการเมืองคงจบไม่สวยแน่ ซึ่งเวลานี้บาดแผลก็เหวอะหวะ ชนิดที่“หมอไม่รับเย็บ”อยู่แล้ว
เชื่อว่า ถ้านั่งควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ย่อมต้องมีคนร้องเรื่อง“มีพฤติกรรมผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” ซ้ำเข้าไปอีกเป็นแน่ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี