โครงการ“ซอฟต์พาวเวอร์”ของพรรคเพื่อไทย ที่บรรรจุไว้เป็นนโยบายของรัฐบาล ในหมวดการยกระดับ“ภูมิปัญญาไทยไปสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์” จากการแถลงของ“แพทองธาร ชินวัตร”ต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 นั้น ก็เหมือนของเล่นที่“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นบิดาคิดให้บุตรสาวได้มีเรื่องให้ทำ
เปรียบเสมือนเป็น“ของเล่น”ที่“ทักษิณ ชินวัตร”จัดเตรียมให้“แพทองธาร ชินวัตร”เล่น ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน โดยตั้งให้เป็นรองประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มี“เศรษฐา”เป็นประธานลอยๆ โดยตำแหน่ง และให้“แพทองธาร”ขับเคลื่อนในตำแหน่งประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่อุปโลกขึ้นมาซ้อนคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ
เกี่ยวกับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์นี้ ด้วยความอ่อนด้อยประสบการณ์และไร้สติปัญญาของ“แพทองธาร ชินวัตร” อย่าว่าแต่ความรู้ความสามารถในการขับเคลื่อนเลย ความเข้าใจในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ของ“แพทองธาร”ก็มีขีดจำกัด เพราะคงจำกันได้ ในช่วงแรกเริ่มสมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน นั้น แม้แต่“หมูกระทะ”คนอย่าง“แพทองธาร”ก็ยังบอกว่า จะส่งเสริมหมูกระทะให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย
เช่นเดียวกับ“กางเกงลายช้าง” ที่มีการขายอยู่ก่อนแล้วอย่างดาษดื่นในท้องตลาด โดยที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมซื้อสวมใส่กันนั้น ประการสำคัญ เพราะเนื้อผ้าบางเบาพกพาง่ายและซักแล้วแห้งเร็ว ส่วนลายช้างบนกางเกงเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น และเรื่องนี้ก็ยังเป็นอีกหนึ่งกรณีในหลายๆ กรณีที่ทำให้“บอร์ดซอฟต์พาวเวอร์ ด้านแฟชั่น”ยกทีมลาออก เพราะเห็น“ความหยาบ”ในการทำงานของคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ฯ ที่มี“แพทองธาร ชินวัตร”เป็นประธาน คือถนัดในการทำงานแบบฉาบฉวย.เห็นอะไรก็คว้าจับไปหมด
สำคัญที่สุดก็คือ “แพทองธาร ชินวัตร”ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้ล้างผลาญเงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อมาละเลงเล่น เหมือน“ของเล่น” ที่“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นบิดาหาของเล่นให้ลูกสาวเล่น โดยสูญเงินไปแล้วกว่า 5.2 พันล้านบาท ตัวเลขกลมๆ ก็คือ 5,201,295,179 บาท ซึ่งนอกจากจะไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์แล้ว ใบเสร็จก็ไม่มีใครเห็น ว่าใช้จ่ายกันไปอย่างไร
เงินก้อนมหึมาจำนวนที่ว่านี้ ซึ่งมาจากภาษีของประชาชน ไม่ใช่เงินส่วนตัวของ“ตระกูลชินวัตร”นั้น จัดสรรให้แก่ซอฟต์พาวเวอร์ 11 สาขา รวม 54 โครงการ คือ สาขาเฟสติวัล 1.09 พันล้านบาท, สาขาอาหาร 1 พันล้านบาท, สาขาท่องเที่ยว 749 ล้านบาท, สาขาภาพยนตร์ ละครและซีรีส์ 545.2 ล้านบาท, สาขากีฬา 500 ล้านบาท, สาขาศิลปะ 375 ล้านบาท, สาขาเกม 374 ล้านบาท, สาขาแฟชั่น 268.9 ล้านบาท, สาขาออกแบบ 165.93 ล้านบาท, สาขาดนตรี 144 ล้านบาท และสาขาหนังสือ 69.41 ล้านบาท
ในวงเงินงบประมาณดังกล่าวจาก 11 โครงการนั้น ยังไม่นับรวม “World Water Festival 2024” หรือ “โครงการเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์”ในปี 2567 จำนวน 104.87 ล้านบาท และปี 2568 ช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา “Maha Songkran World Water Festival 2025” อีก 150 ล้านบาท
น่าเศร้าใจก็ตรงที่ รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศเข้าปีที่ 2 เปลี่ยนนายกรัฐนตรีมาแล้ว 2 คน และเพิ่งจะแบ่ง“ชามข้าวสุนัข”มาเป็น“แพทองธาร 1/2”เมื่อสัปดาห์ก่อน ปากบอกว่าบ้านเมืองกำลังประสบวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ไม่เคยเห็นมีการแก้ไขปัญหาอะไรที่เป็นรูปธรรมเลยแม้แต่น้อย มีแต่ถลุงและล้างผลาญเงินงบประมาณแผ่นดินอย่างเดียวเท่านั้น
โดยเฉพาะเรื่องซอฟต์พาวเวอร์นี้ เป็นนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทยในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยประกาศว่า จะเพิ่มรายได้ให้ประเทศ 4 ล้านล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลา 4 ปี หรือเพิ่มรายได้ให้คนไทย 20 ล้านครัวเรือนประมาณ 2 แสนบาทต่อปี หรือประมาณ 16,000 บาทต่อเดือนนั้น ปรากฏว่า เวลานี้ก็มีแต่น้ำลายของ“แพทองธาร ชินวัตร”ฟุ้งอยู่ในอากาศ ถามว่าไหนล่ะ จากที่เคยปราศรัยตะโกนหาเสียงดังแสบแก้วหูคนฟังว่า คนไทยจะ“มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”
อย่างไรก็ตาม หลังจาก“แพทองธาร ชินวัตร” ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันเป็นผลมาจากการการยื่นคำร้องของ 36 สว.ให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ยังมีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรองรับ ด้วยแผนเล่ห์ทางการเมืองที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว ซึ่ง“แพทองธาร”ให้สัมภาษณ์สื่อที่ทำเนียบรัฐบาลถึงเรื่องการนั่งควบตำแหน่งนี้ ในวันเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม โดยปฏิเสธว่า การนั่งควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ไม่เกี่ยวกับที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่เป็นเพราะอยากจะผลักดันเรื่องซอฟต์พาวเวอร์
“แพทองธาร ชินวัตร” เจื้อยแจ้วเหมือนประชาชนคนไทยรู้ไม่ทัน เพราะเรื่องซอฟต์พาวเวอร์นั้น เป็นนายกรัฐมนตรีก็สามารถผลักดันหรือทำเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นว่าจะต้องไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมถึงจะทำได้ โดยกล่าวว่า “เพราะกระทรวงวัฒนธรรม เป็นกระทรวงที่สามารถแนะนำวัฒนธรรมของไทยได้ ส่งออกซอฟต์พาวเวอร์ไทยได้จริงๆ”
และระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคมนี้ รัฐบาล ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA) จะจัดงาน “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยได้มีการตีฆ้องร้องป่าวว่า เป็นงาน“ซอฟต์พาวเวอร์”ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้แนวคิด “โอกาสประเทศไทยในอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์”
มีการประดิษฐ์คำอย่างเลิศหรูว่า “เปรียบเสมือนสายน้ำแห่งโอกาส” ที่กำลังหล่อเลี้ยงทุนวัฒนธรรมไทยให้เติบโตสู่เศรษฐกิจใหม่อย่างยั่งยืน ผ่านการผนึกกำลังของ 14 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ต่อยอดสู่ตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งฟังแล้วก็รื่นหูดี แต่ที่จะทำให้ประชาชนคนไทยต้องชอกช้ำอีกก็คือ การจัดงานครั้งนี้ ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินถึง 90 ล้านบาท และก็ไม่เกี่ยวกับเงิน 5.2 พันล้านบาทที่ถูกล้างผลาญไปแล้วด้วย
งานนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดตัวครั้งแรก แบบอลังการงานสร้างของ“แพทองธาร ชินวัตร” ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว ยังมีคิวของ“ทักษิณ ชินวัตร” ที่จะเกาะชายกระโปรงลูกสาว มาขึ้นเวทีถ่ายทอดวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ “Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond”
นอกจากนั้น ก็ยังมี“เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่งเรื่อง“จริยธรรมร้ายแรง” มาพูดในหัวข้อ “Rethinking Thai Sports in a Disruptive Era” โดยติดขบวนมากับ“บัวขาว บัญชาเมฆ” นักชกขวัญใจชาวไทย และ “เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ” เจ้าของ 2 เหรียญทองเทควันโดโอลิมปิกทีมชาติไทย
สรุปเป็นว่า หนึ่งนายกรัฐมนตรีที่กำลังจะกระเด็นตกจากเก้าอี้ และสองอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งคนหนึ่งมีแนวโน้มว่าจะต้องกลับเข้าไปนอนในคุกในฐานะนักโทษจริงๆ ไม่ใช่“นักโทษเทวดา” กับอีกคนหนึ่งเพิ่งจะถูกถอดถอนยังไม่ครบหนึ่งปี ได้โคจรมาเจอในงานเดียวกัน
แต่มิใช่เจอกันอย่างมีความหวังเพื่อ“สายน้ำแห่งโอกาส” หากแต่เป็นการโคจรมาเจอกันบน“เส้นทางแห่งความรันทด”เสียมากกว่า !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี