เวลานี้อย่าว่าแค่มีแต่นายกรัฐมนตรีรักษาการเลย..มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี..ประชาชนคนไทยจึงอยากจะให้“แพทองธาร ชินวัตร”ไปพ้นๆ เสียที..ซึ่งก็จะมีผลทำให้รัฐบาลชุดนี้มีอันต้องสิ้นสุดไปด้วย
เพราะปัญหาบ้านเมืองของเราเวลานี้..เต็มไปด้วยปัญหาที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสิ้น..นอกจากภัยสงครามที่เขมรเปิดศึกรุกรานไทย..ทางด้านทิศตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ..ตั้งแต่จังหวัดสระแก้วพาดผ่านไปอีก 4 จังหวัดอีสานใต้แล้ว..ยังมีปัญหาภัยพิบัติที่เกิดจากพายุโซนร้อนกำลังแรง“คาจิกิ”..อันจะทำให้ประชาชนคนไทยอีกหลายสิบจังหวัดทั่วทุกภาค..ต้องประสบความเดือดร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกด้วย
พายุโซนร้อนกำลังแรงลูกนี้..เข้าถล่มเวียดนามทางตอนเหนือตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมเมื่อวันก่อน..ซึ่งในเบื้องต้นต้องมีการอพยพประชาชนเกือบ 5 หมื่นคน..รวมทั้งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บแล้ว
ขณะที่บ้านเราเมื่อช่วงเช้าวานนี้..แม้“พายุคาจิกิ”จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น..แต่ก็ทำให้ที่อำเภอนาแห้ว..จังหวัดเลย..มีชาวบ้านประสบภัยน้ำท่วมกันแล้วกว่า 50 หลังคาเรือน
จากอิทธิพลของ“พายุคาจิกิ”ลูกนี้..จะทำให้ในช่วงวันที่ 26-27 สิงหาคม..ไม่เพียงแต่จังหวัดในภาคเหนือ..และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน..ที่จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรงในหลายพื้นที่..และทำให้เกิดภัยน้ำท่วมเท่านั้น..แต่ยังจะรวมไปถึงภาคกลาง..ภาคตะวันออก..ภาคตะวันตก..และภาคใต้ฝั่งตะวันตกอีกด้วย..ที่จะได้รับผลกระทบทางอ้อม
ไล่เรียงดู..ปรากฏว่ามีถึง 40 จังหวัดที่จะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม..คือ..แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย, พะเยา, ลำพูน, ลำปาง, ตาก, แพร่, น่าน, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, พิษณุโลก, พิจิตร, เพชรบูรณ์, เลย, หนองคาย, บึงกาฬ, สกลนคร, นครพนม, อุดรธานี, หนองบัวลำภู, ชัยภูมิ, ขอนแก่น, กาฬสินธุ์, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด, นครสวรรค์, อุทัยธานี, ลพบุรี, สระบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี, จังหวัดเพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ระนอง, พังงา และภูเก็ต
ถ้าจะว่าไปแล้ว..นายกรัฐมนตรี“มาดามแพทองโพย”คนนี้..จะเรียกว่าครบรอบหนึ่งปีของการเป็นนายกรัฐมนตรีที่มากับน้ำ..แบบเอาภัยพิบัติมาให้ชาวบ้านตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว..และกำลังจะไปกับน้ำในวันที่ 29 สิงหาคมนี้..ก็เห็นจะไม่ผิดนัก
และการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ทุกวันอังคารเมื่อวานนี้..ถึงแม้“แพทองธาร ชินวัตร”ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม..จะไม่ได้ยื่นใบลาเป็นครั้งที่ 3..หลังจากยื่นมาแล้ว 2 ครั้ง..นับตั้งแต่ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี..และตั้งตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม..ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมวานนี้ก็ไม่ยอมมาเข้าร่วมประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล..แต่ใช้“อภิสิทธิ์”ในฐานะ“ลูกคุณหนู”ของนายใหญ่ที่ชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”..ประชุมทาง“วิดีโอคอนเฟอเรนซ์”แทน
อย่างไรก็ตาม..ถ้าหาก“แพทองธาร ชินวัตร”..รอดจากคดี“คลิปอัปยศ”..ยิ่งจะทำให้ปัญหาชาติบ้านเมืองน่าเป็นห่วงหนักขึ้นไปอีก..เพราะการสู้รบปรบมือกับสองพ่อลูกตระกูลฮุน..คือ“ฮุน เซน-ฮุน มาเนต”ที่เปิดศึกรุกรานไทยนั้น..จะต้องใช้ความเข้มแข็งเด็ดดขาดในการแก้ปัญหา..ไม่ใช่อ่อนเป็นลูกนกชนิดที่”อังเคิลมีอะไรก็ให้บอก-เดี๋ยวอิ๊งค์จัดการให้”..และรวมทั้งยังมีความคลุมเครือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวของสองตระกูล“ชิน-ฮุน”อีกต่างหาก
ก่อนจะถึงวันชี้ชะตาคดี“คลิปอัปยศ”ของ“แพทองธาร ชินวัตร”..ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้..มีบทความของอดีต สว.สมชาย แสวงการ..ที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก“สมชาย แสวงการ”..เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมเมื่อวานนี้..ในหัวข้อ “หลักฐานสำคัญ : อุ๊งอิ๊งค์-ฮุนเซน, ดีลลับ : ผิดจริยธรรมร้ายแรง”..มาให้อ่านเพื่อเป็นข้อมูลไว้ประกอบพิจารณา-ดังนี้
“Timeline และเอกสารหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า..คลิปเสียงหลุดการเจรจาลับของแพทองธาร ชินวัตร..ที่โทรศัพท์คุยกับฮุน เซน..แบบยอมจำนน รับปากที่จะดำเนินการตามที่ฮุน เซนเรียกร้องนั้น..เป็นการดีลลับที่ผิดหลักการทูต..ผิดกฎหมาย..ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
“ทำให้เกิดการแก้ปัญหาไทยกัมพูชาผิดพลาด..และเป็นชนวนเหตุนำไปสู่การที่ผู้นำกัมพูชาส่งกำลังทหารเข้าปะทะสู้รบกับทหารไทยที่ชายแดน..การยิงจรวดและปืนใหญ่ใส่บ้านเรือน..โรงพยาบาล..ร้านค้า..จนมีประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก..และทหารไทยต้องสูญเสียชีวิต..และบาดเจ็บ..จนถึงขณะนี้แม้หยุดยิง..เจรจาแล้ว..แต่ยังไม่มีความชัดเจนในการยุติการสู้รบ..แท้ที่จริงอาจเกิดขึ้นอีกในระยะเวลาอันใกล้..โดยปรากฏข้อเท็จจริงสรุปตามห้วงเวลาดังนี้”
“6 มิ.ย.68..สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช) มีมติมอบหมายให้กองทัพบกและกองทัพเรือ..ดำเนินการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา ทั้งหมด..เพื่อกดดันกัมพูชาที่ใช้กำลังทหารรุกล้ำอธิปไตยของไทย”
“14.45-18.30 น. (6 มิ.ย. 68 )..ผบ.เหล่าทัพเรียกประชุมลับวาระพิเศษ หารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา..แสดงเจตนาร่วมปกป้องอธิปไตย..และพิจารณานำเสนอมาตรการกดดันเสนอต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ”
“7 มิ.ย. 68..ผบ.ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจให้ ผบ.กองกำลังสุรนารี..ผบ.กองกำลังบูรพา..มีอำนาจควบคุมเปิดปิดจุดผ่านแดนไทยกัมพูชาทุกประเภท..กองทัพเรือออกคำสั่งให้ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด..มีอำนาจควบคุมเปิดปิดด่านไทยกัมพูชาเช่นกัน”
“9 มิ.ย.68..เสนาธิการทหาร..ทำการแทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด..ส่งหนังสือถึงสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ..เสนอมาตรการจาก ผบ.เหล่าทัพในทางสันติวิธี..เพื่อดำเนินการกดดันกัมพูชาที่ใช้กำลังทหารรุกล้ำอธิปไตยของไทย..ด้วยการตัดกระแสไฟฟ้า..การระงับสัญญานอินเทอร์เน็ต..การควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ ฯลฯ..ต่อเนื่องจากมาตรการปิดด่านตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชา..เพื่อเสนอเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยเร่งด่วน..โดยมีกำหนดนัดหมายเพื่อพิจารณาในวันที่ 16 มิ.ย.68”
“15 มิ.ย.68..แพทองธารโทรศัพท์คุยกับฮุน เซน..สองต่อสองผ่านล่ามกัมพูชา (ยังไม่มีใครล่วงรู้คลิปหลุด)”
“16 มิ.ย 68..ไม่มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อพิจารณาข้อเสนอจาก ผบ.เหล่าทัพ..โดยเลี่ยงไปเรียกประชุมตัวแทนกองทัพ..และจัดตั้งทีมไทยแลนด์ขึ้นมาทำหน้าที่แทน”
“18 มิ.ย.68..ฮุน เซน..ปล่อยคลิปลับการคุยโทรศัพท์กับแพทองธาร 17 นาที”
“คนไทยทั้งประเทศ..จึงทราบความลับที่แพทองธารรับปากฮุน เซน..ในการเปิดด่าน..ไม่ตัดกระแสไฟฟ้า..ไม่ตัดสัญญานอินเทอร์เน็ต..ปิดกั้นควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์..ตามความต้องการและข้อเรียกร้องของฮุน เซน..แต่ทางกองทัพยังคงมาตรการปิดด่าน..เพื่อกดดันกัมพูชาให้ถอนทหารออกจากแนวชายแดนต่อไป”
“คลิปหลุดดังกล่าว..ได้ชี้ให้เห็นถึงการกระทำผิดมาตรฐานจริยธรรมในฐานะนายกรัฐมนตรี..ในหลายประเด็น..อาทิ..การไม่ปกป้องอธิปไตย..เอกราชของราขอาณาจักร..การไม่รักษาเกียรติภูมิของประเทศและตำแหน่ง..การไม่รักษาความลับราชการ..การเปิดเผยข้อมูลให้ศัตรูได้เปรียบในการบ..การกล่าวหาแม่ทัพเป็นฝ่ายตรงข้ามกับตน..การยอมรับกระทำการใดๆ..ทุกประการตามคำสั่งของข้าศึก..การมีผลประโยชน์ส่วนตน ฯลฯ..อันเป็นการกระทำผิดกฎหมายความมั่นคงตามหมวด 3..เรื่องความผิดต่อความมั่นคงนอกราชอาณาจักร..ผิดประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง..อันเป็นความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง..และแสดงถึงความไม่ซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี”
“พี่น้องประชาชนไทยได้ฟังคลิปลับที่หลุดออกมากันแล้ว..และหากพิจารณาข้อเท็จจริงตามเอกสารและ Timeline..ที่เห็นชัดเจนเช่นนี้..คงวินิจฉัยได้เองแล้วครับ..ว่า แพทองธาร ชินวัตร..ได้กระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง..ไม่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอีกต่อไป..ส่วนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 ส.ค.68..จะออกมาเช่นนี้หรือไม่..พวกเราที่เห็นพ้องตรงกันแล้ว..คงต้องติดตามต่อไปครับ”
ครับต้องติดตามกันต่อไป..และนอกจากนั้น“แพทองธาร ชินวัตร”ก็ยังมีคดีอาญาจากกรณี“คลิปอัปยศ-ขายชาติ”อยู่ในมือ ป.ป.ช.อีกหนึ่งคดี..เป็นคดีที่อดีต สว.สมชาย แสวงการ..และคณะเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)..ในฐานความผิด“เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ..ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ” และ บช.ก.ได้ส่งสำนวนมายัง ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว
คดีอาญาคดีนี้ถือว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์..หากคดีถึงที่สุด..ถึงขั้นที่“แพทองธาร ชินวัตร”อาจมีสิทธิ์ต้องติดคุกหัวโตก็เป็นได้..เพราะเป็นคดีที่อยู่ในหมวด 3 ของประมวลกฎหมาอาญา..อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร
มีโทษตามความร้ายแรงของพฤติการณ์..ตั้งแต่ประหารชีวิต, จำคุกตลอดชีวิต, จำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี..หรือจำคุกไม่เกินสิบปี !
นั่นก็คือ..คดีกระทำผิดกฎหมายความมั่นคงตามหมวด 3 เรื่องความผิดต่อความมั่นคงนอกราชอาณาจักร ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี