แพทองธาร ชินวัตร” แม้จะได้รับโปรดเกล้าฯเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว..แต่ดูเรื่องวุ่นๆ ที่ผุดขึ้นมาในแต่ละวัน..จะรอดสันดอนหรือไม่ก็ยังไม่รู้
ตั้งรัฐบาลก็เรียบร้อย“ทักษิณ ชินวัตร”แห่งศูนย์อำนาจรัฐเถื่อนบ้านจันทร์ส่องหล้าไปแล้ว..คือ ทำให้พรรคพลังประชารัฐ กับพรรคประชาธิปัตย์ฉิบหายวายป่วงแหลกยับคามือ..จากนี้ไปศึกภายในของทั้งสองพรรคการเมืองนี้ก็จะกลายเป็นไฟสุมขอนที่ไม่มีวันมอดดับ
และถึงแม้ว่าวันนี้“อดีตนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร”จะยิ้มเริงร่าที่ได้ชำระแค้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ..ด้วยการเขี่ยพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล..และทำให้พรรคพลังประชารัฐเกิดศึกภายในกลายเป็น“เมืองอกแตก”..ก็ไม่แน่ว่าไฟสุมขอนในพรรคพลังประชารัฐ..อาจจะลามลุกขยายวงมาถึงรัฐบาลทั้งคณะที่มี“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรีในเร็ววันนี้ได้เช่นกัน
ภาษานิยายกำลังภายในว่า“สิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย” เฉกเช่นที่ “ทักษิณ ชินวัตร”ชำระแค้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วยการเขี่ยพรรคพลังประชารัฐทิ้ง..ฉันใดก็ฉันนั้น..ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคพลังประชารัฐจะเอาคืน
เหตุผลที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อ้างว่าการที่พรรคเพื่อไทยมีมติเขี่ยพรรคพลังประชารัฐทิ้ง..เป็นเพราะนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยไม่สบายใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ..ซึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญในฐานะที่เป็นรัฐบาลผสมร่วมกัน..แม้แต่การโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร ก็ไม่เข้าประชุม..รวมถึงการโหวตนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย..อีกทั้งคนในพรรคเพื่อไทยยังเชื่อว่า พล.อ.ประวิตร..เป็นผู้อยู่เบื้องหลังให้อดีต 40 สว.ยื่นถอดถอนนายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ข้ออ้างดังกล่าวของ“นายสรวงศ์ เทียนทอง”ซึ่งเป็นดีเอ็นเอของ“นายเสนาะ เทียนทอง”อดีตหัวหน้ากลุ่ม“วังน้ำเย็น”..บ้านใหญ่แห่งจังหวัดสระแก้วตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยยังไม่ถูกยุบพรรคและอวตารมาเป็นพรรคพลังประชาชนก่อนจะเป็นพรรคเพื่อไทยในทุกวันนี้นั้น..ใครก็รู้ว่าเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง..แต่เบื้องหลังแห่งเบื้องหลังจริงๆ ก็คือ..เป็นเพระ“ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง..ตัดเป็นตัดตายกับ“ตระกูลวงษ์สุวรรณ”
โดยอ่านระหว่างบรรทัดที่อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เปิดใจในวันที่ไปพูดงานดินเนอร์ทอล์กของสื่อเครือเนชั่นที่สยามพารากอนเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมสัปดาห์ที่แล้ว..ก็จะเห็นชัดเจนว่า..เป็นเพราะ“ความแค้นฝังหุ่น”ที่ทักษิณมีต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาโดยตลอด..เป็นความแค้นที่เกิดจากบุคคลทั้งสองเคยพึ่งพาและเอื้อประโยชน์ต่อกันมาด้วยดี
ทั้งนี้ ในช่วงการสัมภาษณ์พิเศษงาน “Nation TV Dinner Talk”..“ทักษิณ ชินวัตร”ได้พูดถึงจุดเริ่มต้นของความบาดหมางกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ..เริ่มมาจากการแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในสมัยที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลช่วงปี 2548
“ทักษิณ ชินวัตร”เผยความหลังลงลึกในรายละเอียดเมื่อครั้งอดีตสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยว่า..“ที่ผ่านมาได้ตั้งเขา..ตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาค 1, ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ทบ. ซึ่งสมัยก่อนเขาเคยหนุนทหารคนหนึ่งมาเป็นประธานกรรมการ ป.ป.ช. แต่ผมคัดค้าน..เพราะเกรงว่าทหารคนนั้นจะรู้กฎหมายหรือไม่..ทำให้นายสุชน ชาลีเครือ (ประธานวุฒิสภาในขณะนั้น) ซึ่งเรียนหลักสูตร วปอ.กับ พล.อ.ประวิตร ไปบอกเขา..เลยทำให้เขาโกรธตั้งแต่วันนั้น"
ในปี 2544 ที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลและ“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น..พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีตำแหน่งเป็น“ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ” ยศพลโท..ต่อมาในปี 2545 ได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งถือว่าเป็นไลน์หรือเส้นทางที่มีโอกาสได้ขึ้นถึงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก..จากนั้นถัดมาอีกหนึ่งปี คือปี 2546 ได้รับแต่งตั้งขยับขึ้นไปเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก“ครองยศอัตราพลเอก”..และในปี 2547 ก็ก้าวขึ้นไปเป็นผู้บัญชาการทหารบก แทน พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร “ลูกผู้พี่”ของทักษิณที่เกษียณราชการ..และ“ทักษิณ”เคยกล่าวทำนองด้อยค่าพล.อ.ประวิตรระหว่างเป็นนักโทษหนีคดีอยู่ในต่างประเทศว่า..พล.อ.ประวิตรเคย“เกาะขอบโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ.”
ต่อมาในปี 2548 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะต้องเกษียณราชการจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในวันที่ 30 กันยายน 2548..เป็นช่วงประจวบเหมาะกับที่ในเวลานั้น..มีการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชุดใหม่..แทนชุดเก่าที่มี“พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ” เป็นประธาน ต้องสิ้นสุดวาระก่อนกำหนด..เนื่องจากถูกศาลสั่งจำคุกพร้อมกับกรรมการ ป.ป.ช.อีก 8 คนๆ ละ 2 ปี โดยให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี..ฐานกระทำผิดทุจริตต่อหน้าที่
คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่ที่มีการสรรหาเพื่อให้สมาชิกวุฒิสภาลงมติเห็นชอบ..จากจำนวน 18 คนคัดให้เหลือ 9 คนนั้น..มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ติดอยู่ในโผ 18 คนนี้ด้วย,.และมีข่าวเบื้องลึกว่า พล.อ.ประวิตรต้องการจะนั่งตำแหน่งประธาน ป.ป.ช. จึงได้มีการเจรจาลับกับ“ทักษิณ ชินวัตร”ที่เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนั้น..แต่ไม่เป็นผล-ดังที่สามารถต่อจิ๊กซอว์ภาพได้ตามที่ทักษิณเปิดใจในงาน“Nation TV Dinner Talk”..เมื่อการเจรจาไม่เป็นผล-พล.อ.ประวิตร จึงขอถอนตัวในรอบ 18 คนสุดท้ายที่ว่านี้
อีกหนึ่งย่อหน้านี้ที่บรรณาธิการเครือเนชั่นสัมภาษณ์“ทักษิณ ชินวัตร”โดยได้ถามนายทักษิณในงานดินเนอร์ทอล์กคืนวันนั้นว่า..มีอะไรอยากจะบอก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณ หรือไม่..ซึ่งทักษิณได้กล่าว่า..“เราก็อายุมากกันแล้ว..ฟังธรรมะซักหน่อย..ใจเย็น..จิตใจจะได้สงบ..อยู่เมืองนอก 10 กว่าปี..คดีถูกยัดให้ผม..ทีแรกก็โกรธ ตอนหลังมาก็เฉย”..และพร้อมกันนี้นายทักษิณยังเผยด้วยว่า..ในเวลาต่อมาเคยคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรื่องร่วมรัฐบาลกัน..แต่หลังจากนั้นไม่ได้คุยกันและไม่ได้พบกันอีกเลย โดยทักษิณทิ้งท้ายว่า “เพราะเขาไม่รู้จักแล้ว”
บนโลกใบนี้ทุกอย่างล้วนมีที่มาและที่ไป..และภาษานิยายกำลังภายในจึงมีว่า“บุญคุณต้องทดแทน..แค้นต้องชำระ”..สำคัญที่สุดอย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้น“สิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย”
-ภาษานักเลงว่า“ทีใครก็ทีมัน”...จากนี้ไปก็เป็นทีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ..ที่น่าจับตาก็คือ มีข่าวที่ยังใม่มีการอ้างอิงว่า..ทางฝ่าย พล.อ.ประวิตร มีคลิปทั้งภาพและเสียงชัดเจนทุกช็อตใน“บ้านจันทร์ส่องหล้า”เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ..ที่“ทักษิณ ชินวัตร” เรียกประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค..เพื่อหารือเรื่องนายกรัฐมตรีคนใหม่แทนนายเศรษฐา ทวีสิน..โดยในวันนั้นที่ประชุมได้ข้อสรุปร่วมกันเบื้องต้นว่าจะให้นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย..เป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายเศรษฐา..ซึ่งกรณีนี้ อาจจะเข้าข่ายว่าทักษิณ“ครอบงำ”พรรคการเมือง..ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล
อีกเรื่องหนึ่ง คือการเคลื่อนไหวของ“เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ”ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ..เจ้าของฉายา“นักร้อง EMS”..ที่ได้ยื่นคำร้องให้ กกต.สอบ“แพทองธาร ชินวัตร”’มีเหตุต้องพ้นจากนายกรัฐมนตรี
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อ้างเหตุและผลในการยื่นคำร้องต่อ กกต.ทั้งหมด 6 ปมด้วยกัน..เกี่ยวกับกรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร..ได้มีหนังสือลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ ของ“ตระกูลชินวัตร”เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ว่าจริงหรือไม่..และเหตุใดจึงจดทะเบียนการลาออกในวันที่ 19 สิงหาคม 2567..หลังจากที่ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี..เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 แล้ว..และกรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่
แค้นต้องชำระของ“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”ครั้งนี้..ถือว่า ไม่เพียงแต่จะฟาดลงไปที่กลาง“กล่องดวงใจ”ของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่ชื่อ“แพทองธาร ชินวัตร”..แบบเต็มกระบวน“ฝ่ามือมิฆาต”เท่านั้น—ทั้งทักษิณและพรรคเพื่อไทยก็อาจจะไม่รอดด้วย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี