รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สาม สืบสันดาน บ้านจันทร์ส่องหล้า หรือ เรียกว่าระบอบทักษิณ เสียงสนับสนุนในสภาท่วมท้น สส.พรรคร่วมรัฐบาล และ สส.จากฝ่ายค้านต่างปวารณาตัวเป็นฐานนายน้อยจันทร์ส่องหล้ากว่า 314 เสียงในสภา 500 ที่นั่ง
มองจากคณิตศาสตร์การเมือง แพทองธาร หรือ อุ๊งอิ๊งค์ อาจเป็นนายกรัฐมนตรี จนหมดวาระสภา แต่หากพิเคราะห์มาตรฐานการเมืองใหม่ที่คนไทยประยุกต์ ใช้ประชาธิปไตยตรวจสอบ (Monitoring Democracy) ก็พูดได้ว่า นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ ถ้าเปรียบเป็นกล้าไม้ ก็ตายตั้งแต่ออกจากกระถาง ยังไม่ทันได้ลงดิน เนื่องจากเป็นต้นกล้าผลมาจากต้นไม้พิษที่แผลทั้งต้นจนเกินเยียวยา เธอกับบิดาซึ่งมีข้อครหา ข้อกล่าวหาหลากหลาย ไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ในยุคประชาธิปไตยตรวจสอบ
ประชาธิปไตยตรวจสอบที่คนไทยประยุกต์กับรัฐธรรมนูญ 60 เป็นผลให้ศาลฯวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลมาแล้ว ล่าสุดไม่ใช่สุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในความผิด “ไม่สุจริตเป็นที่ประจักษ์และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
นักการเมืองยุคนี้ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ต้องยอมรับความจริงว่า สารเบื้องต้นที่นำไปสู่การตัดสินลงโทษนักการเมืองนั้นล้วนแต่เริ่มต้นจากการตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์ตลอดถึงนำเรื่องฟ้องศาล และองค์กรที่เกี่ยวข้องของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อศาลฯได้สร้างมาตรฐานใหม่ทางจริยธรรม ประชาชนผู้ตื่นรู้และรักความชอบธรรมทางกฎหมาย มีความมั่นใจและเคลื่อนไหวตรวจสอบนักการเมืองมีประวัติทุจริตคอร์รัปชั่นและฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกับ ทักษิณ ชินวัตร บิดาที่ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบตั้งแต่วันแรกที่เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยหลังจากหนีคุกอยู่ต่างประเทศนาน 17 ปี
นายทักษิณที่อ้างว่ากลับมาเลี้ยงหลาน และเมื่อมาถึงเมืองไทยถวายฎีกายอมรับความผิดในฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษได้รับพระราชทานอภัยลดโทษจำคุกแปดปี เหลือจำคุกหนึ่งปี แต่กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจอ้างว่า นายทักษิณมีอาการป่วยปางตาย จำเป็นต้องให้นักโทษชายพักรักษาตัวในห้องรอแยล สวีท ชั้น 14 ของโรงพยาบาล นานกว่า 180 วัน จนกระทั่งได้พักโทษนายทักษิณ จึงย้ายไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้า 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์แถลงว่าตามระเบียบใหม่ใช้บ้านจันทร์ส่องหล้า ใช้เป็นที่กักขังนักโทษพักโทษได้
นายทักษิณ กรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิด่าว่า คนจำนวนมาก ไม่เชื่อว่านายทักษิณป่วยหนักจนต้องอยู่โรงพยาบาล นาน 6 เดือน โดยที่แพทย์ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลใดๆ จนสังคมไทยให้ฉายาเป็น นักโทษเทวดา ที่มีคนช่วยไม่ให้ติดคุกแม้แต่วันเดียว
เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำประชาชนประท้วง นายทักษิณ กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ใกล้ทำเนียบรัฐบาล และทำเรื่องร้องเรียนให้ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้สอบสวนดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบช่วยเหลือนักโทษชายให้พ้นคุก แต่การร้องเรียน ประท้วง ตำหนิ ด่าว่า ไม่สามารถปรามให้เขาลดความกร่างทำตัวเป็นศูนย์กลางอำนาจ ที่มีอิทธิพลบารมี เหนือรัฐบาลเพื่อไทย ที่นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีได้
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายเศรษฐา พ้นจากหน้าที่ นายทักษิณฐานะนักโทษพักโทษ มีพฤติกรรมทำตัวเป็นเจ้าของประเทศไทย เรียกพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไปสั่งการจัดตั้งรัฐบาล และแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในบ้านจันทร์ส่องหล้าในขณะที่ยังมีสถานะเป็นที่กักขังนักโทษพักโทษ หลังจากสมคบกันยกลูกสาวขึ้นนายกรัฐมนตรีได้ นายทักษิณออกเดินสายพบประชาชนคุยโม้ว่า รัฐบาลชุดใหม่จะทำโน่นนี่นั่น และพูดว่า ตนไม่ได้ครอบงำ แต่ครอบครองนายกรัฐมนตรี เพราะความกร่างอย่างไร้ข้อจำกัดของบิดา อาจทำให้นายกฯที่หากเปรียบกล้าไม้ ก็ตายในกระถางได้ เนื่องจากว่าวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามร้องคณะกรรมการการเลือกตั้งให้สอบสวนยุบพรรคเพื่อไทย
นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความผู้ร้องศาลฯให้ยุบพรรคก้าวไกล ในความผิดเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์และล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้สัมภาษณ์ทีวีไทยพีบีเอสว่า...“ผู้ร้องมีพยานหลักฐานเอาผิดพรรคการเมืองถูกร้องได้” ทนายธีรยุทธระบุว่า ผู้ร้องเริ่มสำนวนฟ้องตั้งแต่บุคคลหนึ่งเดินทางกลับประเทศไทย และหลักฐานสำคัญ คือ วันที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองถูกร้องที่มีบุคคลคนหนึ่งให้โอวาทแปดข้อในที่ประชุมใหญ่พรรคซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญคล้ายกับหลักฐานร้องยุบพรรคก้าวไกล คือ ตอนที่นายพิธาพูดว่า “ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลติดสติ๊กเกอร์(ยกเลิก) แต่ผมบอกกับน้องว่าเราจะแก้ มาตรา 112 ในสภาก่อน หากเขาไม่ให้ผมจะออกมาเคลื่อนไหวยกเลิก มาตรา 112 ร่วมกับน้อง” นี้เป็นหลักฐานเชื่อมโยงคล้ายกับให้โอวาทแปดข้อต่อที่ประชุมใหญ่พรรคการเมือง ฟังคำสัมภาษณ์ของทนายธีรยุทธแล้ว รู้สึกว่า คำร้องของผู้ไม่ประสงค์ออกนาม อาจทำรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ อายุสั้นเกินความคาดหมายได้
นอกเหนือจากคำร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม แล้วผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนเดิม ได้ร้องคำรบสองเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ในคำร้องที่สอง ผู้ร้อง ได้ยกคำวินิจฉัยของศาลฯให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นตำแหน่ง เนื่องจากแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ผู้ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญเป็นรัฐมนตรี เป็นหลักฐานให้เอาผิดกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะกรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบร่วมกันว่า
“..จึงเป็นหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) โดยมาตรา 170 วรรคสาม บัญญัติให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อันเป็นหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐที่ต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายและบังคับใช้อย่างเคร่งครัด..”
และนอกจากผู้ร้อง ไม่ประสงค์ออกนามแล้ว ยังมีผู้ร้องอีกหลายรายร้อง ป.ป.ช.และองค์กรอื่นๆให้สอบสวนเอาผิดกับนายกรัฐมนตรีในข้อหาหลากหลาย บ้างก็กล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายและฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง
ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นการร้องเรียน กล่าวหาผู้เป็นบิดาและอุ๊งอิ๊งค์เองหลายคดี ก่อนนายกรัฐมนตรีได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ดังนั้น หลังจากแถลงนโยบายต่อสภานายกรัฐมนตรีผู้อ่อนวัยไร้ประสบการณ์ มั่นใจได้อย่างไรว่า ในสภาจะไม่เกิดความวุ่นวายในภาวะ “มีฝ่ายค้านในรัฐบาล มีรัฐบาลในฝ่ายค้าน” เมื่อระบอบทักษิณใช้วิธีสร้างความแตกแยก ทำลายพรรคการเมืองคู่แค้น แล้วกวาดต้อนนักเลือกตั้งไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีอุดมการณ์มาร่วมรัฐบาล
กรณีพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคพลังประชารัฐ พูดได้ว่า ระบอบทักษิณ ส่งไส้ศึกไปฟักตัวในสองพรรคนี้มานาน และเมื่อสถานการณ์เปิดโอกาสให้ก็ทำลายพรรคคู่แค้นแล้วกวาดต้อนคนของตนกลับมาร่วมรัฐบาล ใน ปชป.หัวโจกที่ทำลายหลักการและอุดมการณ์พรรค เคยเป็น ผู้สมัครสส.พรรคไทยรักไทย ของนายทักษิณ แต่พ่ายแพ้ให้ปชป.ตลอดมา และได้รับเลือกตั้งเป็นสส.ปชป. หลัง คสช.ยึดอำนาจ ที่มีข่าวลือว่าระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งปี’62 อดีตผู้สมัครทรท.กับเลขาฯปชป.ได้รับการสนับสนุนจากไหนไม่ทราบได้ ถึงเกิดความมั่นใจว่า หากได้สส.น้อยกว่า 52 คน เลขาฯ ปชป.ในเวลานั้น ประกาศว่าจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต
แต่เมื่อปชป.ได้ สส.เพียง 25 คน เลขาฯปชป.ก็กลืนน้ำลายตัวเองสมคบกับ อดีตผู้สมัคร ทรท.กวาดต้อน สส.มาอยู่สังกัด และตั้งตัวเป็นหัวหน้าพรรคปชป.ซึ่งถือว่าทรยศต่อ ปชป.
ที่มีคำขวัญว่า #สจฺจํ เว อมตา วาจา
ส่วนอดีตผู้สมัคร ไทยรักไทย ที่กลายมาเป็นเลขาฯปชป.เวลานี้ หลังเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 บินไปพบทักษิณถึงฮ่องกง ในขณะที่ทักษิณยังเป็นนักโทษหนีคุก ทักษิณกับข้าเก่าเต่าเลี้ยงตกลงกันเรื่องอะไรไม่ทราบได้ แต่กลับมาถึงเมืองไทย อดีตผู้สมัคร ทรท.กับผู้ทรยศ คำขวัญ ปชป.ยึดพรรคจากผู้มีอุดมการณ์และยึดมั่นในหลักการ ปชป.มานานกว่า 50 ปี
นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานรัฐสภาตำแหน่งละสองสมัย ถึงได้พูดว่า#มีคนคิดเหมือนกันว่า ผมเป็นขวากหนามของเขา ทำให้ไปร่วมรัฐบาลไม่ได้ จึงพยายามพูดว่า หมดยุคผู้อาวุโสแล้ว ผมเป็นผู้สร้างมากกว่าผู้ทำลาย และคนที่พูดเหล่านั้นอาศัยบารมีพรรคที่พวกเราทำไว้” จึงพูดได้ว่านายทักษิณสามารถทำลาย ปชป.พรรคคู่แค้นได้ แต่ระบอบทักษิณทำลายได้แต่กาก จิตวิญญาณและอุดมการณ์ประชาธิปัตย์คงอยู่กับผู้อาวุโสอย่าง นายชวน หลีกภัย และอีกหลายคนตลอดไป
ส่วนพลังประชารัฐของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ถูกผลักมาเป็นฝ่ายค้าน แต่ สส.พปชร.ประมาณ 20 คน ในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้าร่วมรัฐบาลได้เก้าอี้รัฐมนตรีสองตำแหน่ง ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่มีสส.เพียงคนเดียว ประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระ
นายชวน อดีตหัวหน้าพรรคปชป.ในยุคที่ต่อสู้กับระบอบทักษิณอย่างเข้มข้นในประเด็นคอร์รัปชั่น เลือกปฏิบัติ และมีพฤติกรรมกระทำนอกกฎหมายซึ่งต้นเหตุความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ เป็นเหตุให้คนตายเจ็ดพันกว่ารายจนบัดนี้ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สส.ปชป.ผู้มีอุดมการณ์จึงต่อสู้กับระบอบทักษิณมากว่าสองทศวรรษ แต่เมื่อพรรคมีมติร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย ผู้อาวุโสใน ปชป.ก็ยอมรับ แต่พรรคเพื่อไทยก็ต้องยอมรับด้วยว่า นายชวน หลีกภัย ไม่เคยยอมให้สิ่งเลวทรามชั่วร้ายผ่านไปได้โดยไม่ทักท้วงขัดขวาง
พลเอกประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร.ที่ ร.อ.ธรรมนัส เคยปราศรัยระหว่างหาเสียงที่จังหวัดชุมพรว่า “ให้พี่น้องมั่นใจได้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีมือทำงานใต้ดินบนดินหลายคน” เลยไม่รู้ว่าลุงป้อมจะเล่นเกมใต้ดินกับระบอบทักษิณหรือไม่ แต่มีรายงานว่า พปชร.มีวีดีโอภาพและเสียงในบ้านจันทร์ส่องหล้า คืนที่นายทักษิณเรียกพรรคร่วมรัฐบาลสั่งการตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทนนายเศรษฐา ทวีสิน
นี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อครหา ข้อกล่าวหาหลากหลายที่ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีคนที่สาม นามสกุล ชินวัตร อาจพบชะตากรรมเลวร้ายคล้ายบิดา และอาหญิง
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี