น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย และเป็นนายกฯหญิงคนที่สอง สืบสันดาน บ้านจันทร์ส่องหล้า แถลงนโยบายต่อสภาก่อนปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
มองจากนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ ไม่มีอะไรแตกต่างจากนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ทำให้ประเทศไทยเสียเวลาไปหนึ่งปี โดยไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากผลาญงบประมาณกับทัวร์ต่างประเทศนับพันล้านบาท และ อนุมัติงบประมาณ 5 พันล้านบาทให้ น.ส.แพทองธาร บริหารโครงการซอฟต์ พาวเวอร์ไทย ซึ่งก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเช่นกัน ที่สำคัญงบกว่า 5 พันล้านบาทยังไม่ได้ตรวจสอบว่า ใช้ไปเท่าไหร่ และทำอะไรบ้าง ดังนั้น เมื่อรัฐบาล น.ส.แพทองธารใช้นโยบายเดียวกันกับนายเศรษฐา จึงอาจนำความหายนะมาสู่ประเทศไทย เหมือนกับรัฐบาลสืบสันดานสร้างความเสียหายในสมัยบิดาและอาหญิง
รัฐบาลไทยรักไทย นำโดย ทักษิณ ชินวัตร สร้างความเสียหาย ดังคำพิพากษา 31 กรกฎาคม 2563 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดี ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ในฐานะนายกรัฐมนตรี กรณีการแปลงสัญญาสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น ทำให้รัฐเกิดความเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท...นี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายนโยบายที่นายทักษิณทำให้รัฐเสียหาย ส่วนรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยกตัวอย่างโครงการรับจำนำข้าวทำให้รัฐเสียหาย 9.2 แสนล้านบาท และศาลฯตัดสินจำคุก 5 ปี ทำให้ยิ่งลักษณ์เป็นสัมภเวสีหนีคุกจนวันนี้นั้นเป็นเพียงสองตัวอย่างของรัฐบาลสืบสันดานที่ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ นำความวิบัติมาสู่ชาติ
นโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ เป็นนโยบายสืบต่อจากรัฐบาลนายเศรษฐา ที่ประยุกต์ใช้ตามสถานการณ์ เมื่อพบว่า แผนการผลาญชาติ
5.4 แสนล้านบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต มีปัญหากฎหมาย และงบประมาณเดินหน้าต่อไม่ได้ รัฐบาลแพทองธาร ปรับแผนการใหม่ จากแจกเงินดิจิทัล 45 ล้านคน คนละ 10,000 บาท เป็นแจกเงินบาทแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการประมาณ 14 ล้านคน เพื่อรักษาสัญญาตอนหาเสียงเลือกตั้งว่า แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท แก่คนไทย อายุ 16 ปีขึ้นไป...แต่ยังบอกไม่ได้ว่า ผู้สิทธิอีกกว่า 30 ล้านคนจะได้รับเป็นอะไรเมื่อไหร่
ส่วนนโยบายเร่งด่วนข้อที่ 7 ซึ่งอาจสร้างความหายนะ คือ นโยบายกาสิโนถูกกฎหมายโดยใช้ชื่อว่า สถานบันเทิงครบวงจร พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เสนอเข้าสภาในรัฐบาลนายเศรษฐาให้เหตุผลว่า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวสร้างงาน และส่งเสริมเศรษฐกิจให้มั่นคงขึ้นไป และน.ส.แพทองธารแถลงต่อสภาว่า จะผลักดันให้เป็นสถานท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้าง รัฐบาล น.ส.แพทองธาร มุ่งมั่นให้มี Entertainment Complex หรือ บ่อนการพนันถูกกฎหมายแปดแห่งในประเทศไทย ที่คาดว่าจะใช้เงินถึงสองแสนล้านบาทในการลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการ
จึงอยากให้รัฐบาล ดูตัวอย่าง ประเทศอาเซียนด้วยกันว่า Entertainment Complex หรือบ่อนถูกกฎหมาย สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือ ความหายนะให้ประเทศเหล่านั้น หากรัฐบาลนำความจริงมาพิจารณาจะพบว่า ในอาเซียนด้วยกัน มีเพียงสิงคโปร์ประเทศเดียวที่มีรายได้จากกาสิโนเข้ารัฐโดยเฉลี่ยปีละ 3,000 ล้านบาท นั้นเป็นเพราะว่า สิงคโปร์มีการบริหารจัดการที่ดี
สิงคโปร์ไม่มีคอร์รัปชั่น ไม่มีรัฐมนตรี เป็นนักพนันที่สำคัญ ไม่มีทุนสามานย์จากกระบวนการจีนสีเทาเข้ามาเกี่ยวข้อง สิงคโปร์จึงเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่เหมาะกับสถานบันเทิงครบวงจร หรือ บ่อนการพนันถูกกฎหมาย สร้างรายได้เข้าประเทศ ส่วนประเทศที่มีรัฐมนตรี มีนักการเมือง ในเครือข่ายชื่นชอบการพนันเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ชาติ ตลอดถึงมีข้าราชการกังฉิน โกงกินทุกย่อมหญ้า
การสร้างกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศนั้น จึงเป็นการเปิดช่องให้ทุนสามานย์เข้ามาทำให้สถานบันเทิงครบวงจร กลายเป็นแหล่งอาชญากรรม เช่น ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทยล้วนเกิดปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่รัฐบาลจีนต้องส่งกำลังเข้ามาร่วมปราบปราม
ในห้วงเวลาสองปีที่ผ่านมา อาชญากรรมข้ามชาติในประเทศกัมพูชา พม่า ลาว และประเทศไทย ถูกจับกุมส่งกลับไปดำเนินในประเทศจีนแล้วกว่า 250,000 คน และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติจีนยังทำต่อเนื่อง เพราะเหตุว่าอาชญากรและผู้เสียหายนับแสนนับล้านราย ส่วนใหญ่เป็นคนจีนการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ใช่เรื่องใหม่ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง สั่งกวาดล้างองค์กรอาชญากรรม 14K ตั้งแต่ปี 2004 ว่ากันว่า จีนปฏิบัติการกวาดล้างใหญ่ในจีนฮ่องกงและมาเก๊าคราวนั้น จีนจับกุมแก๊งอาชญากรรมถึงสิบห้าล้านคน ส่วนบรรดาหัวโจก 14K ที่หลุดรอดมาได้กระเซ็นกระสายแฝงตัว เข้าไปในประเทศอาเซียน อาทิ ฟิลิปปินส์ ลาว พม่า กัมพูชาและประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศพม่าและกัมพูชา ที่กระหายเงินทุนต่างประเทศหลังบอบช้ำจากสงครามกลางเมืองหลายทศวรรษ
14K เป็นหนึ่งในแก๊งมีอิทธิพลมากที่สุดของโลก ซึ่งมีจำนวนสมาชิกถึง 25,000 คน ก่อตั้งขึ้นที่เมืองกว่างโจว โดย พลโท คด ซูเหวียง จุดประสงค์ของการตั้งแก๊งเริ่มต้น คือ เพื่อต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่อย่างไรก็ตาม แก๊งนี้ก็พ่ายแพ้สงครามกลางเมืองในจีน ทำให้ต้องไปอาศัยที่เกาะเกาลูน
สำหรับชื่อแก๊ง 14K นั้นข้อมูลหนึ่งบอกว่า มาจากสมาชิกระดับสูงจำนวน 14 คนแต่อีกข้อมูลหนึ่งบอกว่ามาจากถนน 14 เส้น ที่มุ่งหน้าสู่ที่ตั้งของแก๊ง แก๊ง 14K ดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายมากมายโดยเฉพาะยาเสพติดอย่าง เฮโรอีนและฝิ่น รวมถึงการพนัน การปล่อยเงินกู้ผิดกฎหมาย การฟอกเงิน การฆาตกรรม ค้าอาวุธเถื่อน ธุรกิจโสเภณีค้ามนุษย์ การกรรโชกทรัพย์ ผลิตของปลอมแปลง และบุกปล้นชาวบ้าน
14K ที่หนีการปราบปรามแฝงตัวเข้ามากับนักท่องเที่ยวนักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่และจีนไต้หวัน ฟักตัวในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพม่าและกัมพูชา จากเงินทุนมหาศาล 14K ซื้อนักการเมืองและข้าราชการกังฉินจน 14K กลายเป็นทุนใหญ่พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในเขตเศรษฐกิจพิเศษ“สีหนุวิลล์ในกัมพูชา” สีหนุวิลล์กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ทั้งจีนสีขาวและจีนสีเทาลงทุนมหาศาล ต่อมา แก๊ง 14K ใช้เป็นศูนย์อาชญากรรม ต้มตุ๋นออนไลน์ ค้ามนุษย์ จับคนจีนเรียกค่าไถ่ ค้ายาเสพติด ฯลฯ จนรัฐบาลจีนส่งตำรวจไปร่วมมือกับรัฐบาลกัมพูชา บุกทลายแก๊งต้มตุ๋นออนไลน์จับสมุน 14Kไปดำเนินคดีในประเทศจีนกลุ่มแรก 820 คน
เมื่อจีนร่วมมือกับกัมพูชาปราบปรามต่อเนื่องประกอบกับโควิดระบาดปี 2019-2020 ทุนจีนสีขาวและสีเทาทิ้งให้สีหนุวิลล์ เป็นเมืองร้างย้ายไปสร้างแหล่งอาชญากรรมใหม่ในประเทศพม่า
สีหนุวิลล์เคยเฟื่องฟูกลายเป็นเมืองร้างสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อกัมพูชา อาคารใหญ่ที่สร้างไม่เสร็จทิ้งร้างไว้กว่าพันแห่งหาทุนมาสร้างต่อไม่ได้ คอนโดมิเนียมหลายพันยูนิตที่จำนองไว้กับธนาคารกลายเป็นหนี้เสีย ชาวบ้านที่ขายที่ดินให้ทุนจีนก็ได้รับแต่เงินดาวน์ไม่มีคนรับผิดชอบผ่อนส่งเงินที่ยังค้างอยู่ สรุปว่ากัมพูชาเสียหายเพราะจีนสีเทาทำลายนับหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
แก๊งจีนสีเทา หรือ เครือข่าย 14K ย้ายจากสีหนุวิลล์ ไปเปิดบ่อนพนันในรูปสถานบันเทิงครบวงจรในพม่า โดยใช้สถานบันเทิงครบวงจร เป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติต้มตุ๋นออนไลน์ ค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด กระทำผิดกฎหมาย โดยได้รับการคุ้มครองจาก กองกำลังติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ทั้งกลุ่มต่อต้านและกลุ่มเป็นพันธมิตรรัฐบาลทหารพม่า และเมื่อจีนออกหมายจับพันเอก ซอ ชิดตู ผบ.กองกำลังตระเวนชายแดน (Border Guard Force) และขอให้พม่าปรามปราบแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ เครือข่าย 14K ก็สั่งปิดกิจการสถานบันเทิงครบวงจรในเขตเมียวดี เมืองชายแดนพม่า ตรงข้าม อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ และมีรายงานว่า 14K กำลังย้ายแหล่งอาชญากรรมไปยังเมืองพญาตองซูตรงข้าม อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีของไทย
จากสีหนุวิลล์ ถึง ชเว ก๊กโกะ ในเขตเมียวดีพบว่าทุนจีนสีเทาใช้เงินซื้อเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้แหล่งอาชญากรรมของพวกเขา ดังนั้น หากประเทศไทยสร้างบ่อนพนันถูกกฎหมายมีใครประกันได้ว่า ไม่มีทุนจากแก๊ง 14K เข้ามาถือหุ้นใหญ่ ผ่านคนไทยขายชาติที่เป็นนอมินีให้ เพราะทุกวันนี้ ยังมีข้อครหาว่า นักการเมืองบางคนสมคบกับจีนสีเทาทำบ่อนพนัน และแม้แต่ตำรวจระดับนายพล ยังถูกกล่าวหาว่าฟอกเงินจากบ่อนพนันออนไลน์ จึงสรุปว่า ตราบใดที่ยังมีคอร์รัปชั่นทุกหย่อมหญ้ากาสิโนถูกกฎหมายอาจนำความหายนะมาสู่ประเทศไทย
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี