“หมูเด้ง” ลูกฮิปโปโปเตมัสแคระ จากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี เป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลก

ภาพถ่ายของ “หมูเด้ง” ในวัย 2 เดือน ถูกแชร์อย่างกว้างขวาง

แพร่กระจายความสดใส ไร้เดียงสา น่ารัก

ท่าดีดดิ้น เด้งไปมา

ท่างับ สวบขาพี่เลี้ยง ฯลฯ

กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนวาดภาพแฟนอาร์ตเผยแพร่ต่อๆ ไปอีกมากมาย

นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไปดูหมูเด้งตัวเป็นๆ ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

มีเสื้อยืดกับกางเกงลาย “หมูเด้ง” ออกมาจำหน่ายแล้ว

ร้านกาแฟเริ่มมีการทำขนม “หมูเด้ง” ออกมาขาย

แบรนด์เครื่องสำอางบางยี่ห้อ เกาะกระแสโฆษณาทำนองว่า ถ้าใช้แล้วจะแก้มชมพูน่ารัก เหมือนเจ้า “หมูเด้ง” ฯลฯ

1. “หมูเด้ง” มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างรวดเร็ว

เพราะนอกจากสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ในไทย จะนำเสนอความน่ารักของ “หมูเด้ง” แห่งสวนสัตว์เมืองไทยแล้วสื่อมวลชนระดับโลก ยังต้องมาทำข่าว

ไม่ว่าจะเป็น

TIME สื่อดังของสหรัฐ พาดหัวว่า “เธอเป็นไอคอน เธอเป็นตำนาน และเธอคือปรากฏการณ์ พบกับไวรัลเบบี้ ฮิปโป หมูเด้ง”

BBC ของอังกฤษ รายงานว่า “หมูเด้ง” เป็นความดังแบบไวรัลเต็มสื่อโซเชียลในเวลาเพียงไม่นาน

The Guardian สื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า ผู้ดูแลตั้งชื่อหมูเด้งตามพี่ๆ ที่เกิดก่อน ตามอาหารเมนูทำจากหมูของไทย เช่น หมูหวาน พะโล้ และหมูตุ๋น หมูเด้งดังเร็วและดังไปไกลก้องโลก

สถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่น All Nippon TV Networks ส่งทีมงานมาทำข่าว ชาวญี่ปุ่นก็ทำภาพการ์ตูนหมูเด้งจนกลายเป็นไวรัล

เว็บไซต์ The Straits Times ของสิงคโปร์ รายงานว่า แม้ “หมูเด้ง” จะแค่กิน นอน และเล่นน้ำ แต่ก็ดังไปทั่วไทยและทั่วโลกแล้ว ฯลฯ

2. เพิ่มสถิติผู้เข้าชมสวนสัตว์เปิดเขาเขียว

องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สถิติผู้เข้าชมในช่วงสุดสัปดาห์พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนี้

วันเสาร์-อาทิตย์ที่ 24-25 สิงหาคม 2567 มีผู้เข้าชม9,194 คน 

วันเสาร์-อาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม -1 กันยายน 2567 มีผู้เข้าชม 9,341 คน 

วันเสาร์-อาทิตย์ที่  7-8 กันยายน 2567 มีผู้เข้าชม 11,615 คน

คาดว่า ยอดผู้เข้าชมว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ต่อจากนี้ ด้วยกระแสไวรัลของ “หมูเด้ง”

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ได้จัดระเบียบการเข้าชมหมูเด้งเป็นรอบละ 5 นาที เพื่อลดความแออัด และป้องกันการรบกวน มีการขึ้นป้ายห้ามสาดน้ำ ห้ามขวางปาของกินลงไปใส่หมูเด้งเพื่อให้ลุกขึ้นมาเด้งโชว์ ฯลฯ

3. เป็นโอกาสอันดี ที่กระแสหมูเด้ง ช่วยกระตุ้นให้คนไปเที่ยวสวนสัตว์มากขึ้น

ทำให้เด็กและเยาวชนสนใจชีวิตสัตว์จริงๆ ที่ทำให้จิตใจอ่อนโยน

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เป็นหนึ่งในสวนสัตว์ขององค์การสวนสัตว์ฯ หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

แต่อีกไม่นานหลังจากนี้ ประเทศไทยกำลังจะมีสวนสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ ทันสมัย และน่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน นั่นคือ สวนสัตว์แห่งใหม่ที่คลองหก ปทุมธานี บนที่ดินพระราชทานของในหลวง ร.10 เนื้อที่กว้างขวาง 300 ไร่

จากเดิม สวนสัตว์ที่เขาดินปิดไป ที่สวนสัตว์ใหม่จะเปรียบเสมือนบ้านหลังใหม่ใหญ่กว่าเดิม เป็นศูนย์รวมความสุขของทุกชีวิต มีความพร้อมกว่าและมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับธรรมชาติของสัตว์แต่ละสายพันธุ์

สวนสัตว์แห่งใหม่ ถูกออกแบบให้เป็น Smart Green Zoo สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ มีระบบการบริหารจัดการที่ล้ำสมัย เพื่อการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน มีการวางระบบสวนสัตว์ ให้มีมาตรฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับ จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น Land Mark ใหม่ของจังหวัดปทุมธานี

ครม.ยุคลุงตู่อนุมัติงบประมาณจำนวน 10,974,647,858 บาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565

แบ่งการดำเนินโครงการออกเป็น 2 ระยะ

เฟสแรก (2566-2568) วงเงิน 5,383.82 ล้านบาท

เฟสที่สอง (2569-2571) วงเงิน 4,340.15 ล้านบาท

กำหนดการเปิดให้ชมเฟสแรกในปี 2569 และเปิดเต็มโครงการในปี 2571

ล่าสุด งานก่อสร้างเฟสแรกคืบหน้า 25% (สัญญาระยะเวลาดำเนินการ 900 วัน สิ้นสุดเดือน ก.ย.2568)

ส่วนด้านหน้าของสวนสัตว์บริเวณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ จะเป็นสวนสาธารณะ พื้นที่ประมาณ 40 ไร่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์โดยไม่มีการเก็บค่าเข้า และจะเป็นสวนสุขภาพไปในตัว

ส่วนการจัดแสดงสัตว์ในเฟสแรก จะแบ่งเป็น 2 โซนก่อนได้แก่ โซนเอเชียกับโซนแอฟริกา

สำหรับโซนแอฟริกา ก็จะมีฮิปโปฯ มาอยู่กันเป็นครอบครัวเลย

ล่าสุด ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย นายอรรถพร กล่าวว่า ได้มีการปรับแบบสวนสัตว์คลองหกเฉพาะโซนแสดงสัตว์ (Zoo Zone) ใน 2 ส่วนสำคัญ คือ ลักษณะของการจัดแสดงสัตว์ กับการปรับเทคโนโลยีในส่วนแสดง ประกอบด้วย การปรับใช้เทคโนโลยีให้ล้ำไปสู่โลกของสวนสัตว์ในอนาคตมากขึ้น จากเดิมที่กำหนดใช้เทคโนโลยี 4 D
ในห้อง Auditorium เพื่อแสดงเรื่องราวของทุ่งน้ำรังสิต ได้ปรับเปลี่ยนใหม่เป็นให้เป็นภาพเคลื่อนที่ไปพร้อมๆ กับผู้เข้าชมสวนสัตว์ เป็นภาพเคลื่อนที่ตามผู้เข้าชม เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ

“การใช้เทคโนโลยี 4 D มาอธิบายเรื่องราวของทุ่งน้ำรังสิต โดยผู้เข้าชมนั่งอยู่กับที่มัน Out ไปแล้วกว่าจะถึงเวลาที่สวนสัตว์คลองหกเปิดเต็มรูปแบบในปี 2570 คนคงไม่มานั่งรอดูหนัง 4 D คนอาจจะเข้ามาถึงแล้วเดินผ่านห้อง Auditorium ไปเลย...

..ให้เห็นโซนเอเชียก่อน มีไฮไลต์อยู่ที่โขลงช้างไทย ควายน้ำ จากทุ่งรังสิตในอดีตแล้วค่อยเดินไปสู่โซนแอฟริกาต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการปรับแบบในส่วนแสดงสัตว์ ด้วยการเพิ่ม “ต้นไม้” ให้มากขึ้นเพื่อให้ต้นไม้ทำหน้าที่ “กั้น” ระหว่างสัตว์กับคนดู จากที่มีคูน้ำ มีแบริเออร์ กำแพง ผนัง กั้น ก็นำต้นไม้เข้าไปปลูกเพิ่มขึ้น เหมือนผู้เข้าชมเดินอยู่ริมสวนมองข้ามไปเห็นสัตว์ป่า เป็นการปรับแบบโดยการเติมต้นไม้เข้าไป

…เราต้องทำให้ส่วนกั้นระหว่างสัตว์กับผู้ชมจางหายไปเสมือนไม่มีส่วนกั้น ตรงนี้เป็นเทรนด์สวนสัตว์ในอนาคต จากเดิมที่เป็น Modern Zoo หรือยกกรงออกมา แต่ก็ยังมีส่วนกั้น ให้กลายเป็น Future Zoo ซึ่งสวนสัตว์ที่สิงคโปร์ได้เริ่มทำแล้ว ด้วยการทำให้สวนสัตว์ไม่ได้เป็นที่ท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่เป็นพื้นที่พิเศษ ให้เป็นสถานที่เรียนรู้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนโลกใบนี้ ซึ่งเราต้องปรับแบบให้สวนสัตว์คลองหกมีทิศทางไปในทางนี้ ต้องคิดทำไปถึงอนาคต เพื่อให้สวนสัตว์คลองหกเป็น Biodiversity Park การเรียนรู้ในสวนสัตว์สมัยใหม่” – นายอรรถพรกล่าว

สุดท้าย

อยากเห็นรัฐบาลปัจจุบัน สนับสนุนการดำเนินโครงการสวนสัตว์แห่งใหม่อย่างเต็มที่ เพราะได้เห็นศักยภาพแล้วว่า สวนสัตว์สามารถสร้างความสุข ความผ่อนคลายทางจิตใจให้คนในสังคมได้มากขนาดไหน แถมยังมีศักยภาพต่อยอดเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ตามนโยบายของรัฐบาลได้อีกมากมายด้วย

สันติสุข มะโรงศรี