วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ปีนี้ กิจการสายการบินกลับมาอู้ฟู่ น่ายินดี
แต่ผู้บริโภคกลับสะท้อนเสียงไปในทางเดียวกันว่า ราคาค่าโดยสารเครื่องบินภายในประเทศ โดยเฉพาะโลว์คอสต์แอร์ไลน์ มีราคาโดยทั่วไปแพงขึ้นอย่างหูดับตับไหม้
ถึงขนาดว่า หลายครั้ง แพงกว่าค่าโดยสารเดินทางไปต่างประเทศเสียอีก
บินไปเชียงใหม่เที่ยวเดียว ราคา 5 พันกว่าบาท
บินไป-กลับ หมื่นกว่าบาท
เส้นทางไปภูเก็ต ยิ่งหนักหน่วง
นี่มัน “โลว์คอสต์” แต่ไม่ใช่ “Low price” แล้ว !!
1. ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 สายการบินเกือบทุกสาย กลับมามีกำไรพุ่งทะยานหมด
ยกตัวอย่าง สายการบินขาใหญ่ในวงการโลว์คอสต์ในประเทศ ได้แก่ ไทยแอร์เอเชีย (TAA)
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และ บจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA) เปิดเผยว่า ผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ปี 2567 AAV มีรายได้รวม 15,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
“โดยจำนวนผู้โดยสารและราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยยังคงเพิ่มขึ้น ตามการเติบโตของอุตสาหกรรม
..ส่วนต้นทุนโดยรวมทรงตัวจากปีก่อน จากราคาน้ำมันที่ลดลงและแผนปรับกลยุทธ์เน้นเส้นทางบินที่มีผลตอบแทนดี
ทำให้ EBITDA เพิ่มขึ้น 355% มาอยู่ที่ 1,772 ล้านบาท
รายงานกำไรสุทธิ 3,446 ล้านบาท ซึ่งพลิกจากขาดทุนสุทธิ (1,695) ล้านบาท…
ไตรมาสนี้ TAA ขนส่งผู้โดยสารรวม 4.9 ล้านคนเพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
และคงอัตราขนส่งผู้โดยสารในระดับสูงที่ 90%
..สำหรับตลาดภายในประเทศ TAA ยังมีส่วนเเบ่งการตลาดอันดับหนึ่งที่ 39% และอัตราขนส่งผู้โดยสารสูงถึง 93% แม้จะเป็นนอกฤดูท่องเที่ยวและเกิดน้ำท่วมหนักในหลายจังหวัดทางภาคเหนือของไทยในช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา…” - นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และ บจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA) กล่าว
นี่คือข้อมูลเปิดเผยจากผู้บริหารสายการบินรายใหญ่ที่สุดในประเทศ
ย้ำ... “ต้นทุนโดยรวมทรงตัวจากปีก่อน จากราคาน้ำมันที่ลดลง”
และ “จำนวนผู้โดยสารและราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยยังคงเพิ่มขึ้น”
“อัตราขนส่งผู้โดยสารสูงถึง 93%”
2. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้จะมีมาตรการที่ชัดเจน เกี่ยวกับการแก้ปัญหาราคาตั๋วเครื่องบินแพง
“ในสัปดาห์หน้า (สัปดาห์นี้ 26 พ.ย.2567) คาดว่าจะมีความชัดเจนว่า จะดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ตั๋วเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเทศกาลต่างๆ รวมไปถึงราคาตั๋วรถโดยสารไม่ให้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยจะกำหนดให้เป็นมาตรการถาวร
…ผมเข้าใจเรื่องนี้ แต่สิ่งหนึ่งจะต้องเข้าใจ ในเรื่องของดีมานด์ ซัพพลาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงคมนาคม จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของซัพพลาย -ดีมานด์ เพียงอย่างเดียว แต่จะเข้าไปควบคุมราคาตั๋วโดยสาร ไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น..
ราคาตั๋วโดยสารจะมีการปรับลดลงก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างแน่นอน” – รมว.คมนาคมกล่าว
น่าสนใจว่า รมว.คมนาคม จะวางมาตรการอย่างไร?
จะมีน้ำยาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง หรือไม่?
หรือจะเป็นแค่น้ำลายนักการเมือง?
แต่ถ้าแก้ปัญหาได้เป็นรูปธรรม จับต้องได้เชื่อว่าจะเป็นผลงานชิ้นโบแดงของกระทรวงคมนาคมยุคนี้
.jpg)
3. ในความเป็นจริง สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือ กพท. มีการกำหนดเพดานค่าโดยสารสายการบินต้นทุนต่ำเอาไว้อยู่แล้ว
แต่ต้องยอมรับความจริงว่า ทั้งๆ ที่ มีเพดานราคาอยู่ แต่ราคาก็ยังสูงได้ขนาดนี้
หมายความว่า มันต้องมีบางอย่างผิดปกติ ไม่เหมาะสม หรือไม่เวิร์ก
เพดานราคายังสูงไป จึงมีพื้นที่ให้สายการบินกำหนดราคากอบโกยกำไรพิเศษ โขกสับผู้บริโภค หรือไม่?
หรือปล่อยให้มีการถ่ายเทตั๋วไปขายผ่านตัวแทน เลี่ยงเกณฑ์ราคาเพดาน อย่างไม่รับผิดชอบ หรือไม่?
พบว่า ปัจจุบัน CAAT ได้กำหนดเพดานค่าโดยสารสูงสุดไว้ ดังนี้
- สายการบิน Low Cost ราคาไม่เกิน 9.40 บาท/กม.
- สายการบิน Full Service ราคาไม่เกิน 13 บาท/กม.
เท่ากับว่า เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ราคาเพดานสายการบินต้นทุนต่ำกำหนดให้ไม่เกิน 5,320 บาท
ปรากฏว่า พบเห็นผู้โดยสารโดนกัน 3,000 บาท – 5,000 กว่าบาท เป็นประจำ (ราคานี้ไม่รวมค่าสัมภาระ)
ทั้งๆ ที่ ราคาปกติเคยอยู่ที่ราวๆ 1,600 – 2,500 บาท
ราคานี้ สายการบินก็มีกำไรแล้ว
แต่หนักกว่านั้น บางราย โดนบางสายการบินไป 6 พันกว่าบาท เมื่อซื้อผ่านตัวแทนจำหน่าย
เพดานที่กำหนดสูงเกินไป ก็เสมือนไร้เพดานควบคุมนั่นเอง
ถ้าภาครัฐจะอ้างว่า ราคาเพดานควบคุมไม่รวมที่ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่าย ก็เท่ากับปล่อยให้มีการกักตุนขายโก่งราคากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ย่อมจะน่าละอายมาก
ถ้าภาครัฐไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้ ก็เท่ากับปล่อยให้กลุ่มธุรกิจสายการบินโลว์คอสต์ในประเทศไทย สามารถกอบโกยผ่านการขูดรีดค่าโดยสาร แสวงหากำไรพิเศษ จากเลือดเนื้อของคนไทยที่ใช้บริการโลว์คอสต์แบบไม่โลว์ไพรซ์ในประเทศ
แน่นอน ราคาค่าโดยสารเครื่องบินย่อมไม่ตายตัว แต่แปรผันตามความต้องการเดินทาง ระยะเวลาที่จอง ฯลฯ
ทางสายการบินมักชี้แจงว่า ในหนึ่งลำ จะมีราคาค่าโดยสารคละกันไป บางที่นั่งได้ถูก บางที่นั่งได้แพง แต่เฉลี่ยแล้ว ต่ำกว่าราคาเพดาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่นั่นจะยอมรับได้ก็ต่อเมื่อ ราคาสูงที่สุดที่เรียกเก็บจากผู้โดยสารที่โชคร้ายในลำนั้น จะต้องไม่เกินเพดานที่ไม่ตั้งไว้สูงเว่อร์
ถ้าเพดานราคาค่าโดยสารยังสูงเว่อร์ คำอธิบายแบบนี้ เท่ากับจะให้ยอมรับว่า ในหนึ่งลำ จะต้องมีผู้บริโภคส่วนหนึ่งถูกฟันหัวแบะ ด้วยราคาที่แพงลิบลิ่ว
ทั้งๆ ที่ ต้นทุนของสายการบินไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิม
เรียกว่า กำไรเน้นๆ จากเลือดเนื้อของผู้โดยสารที่โชคร้าย
ยิ่งกว่านั้น ใครเป็นคนตรวจสอบว่า แต่ละเที่ยวบิน สายการบินได้จัดสรรที่นั่งราคาเท่าไหร่เป็นสัดส่วนเท่าใดอย่างแท้จริง เพราะผู้โดยสารไม่มีทางรู้ค่าโดยสารของคนอื่น
ข้อมูลทั้งหมด มีแต่สายการบินตั้งราคาเองเก็บเงินเอง
ขณะนี้ สายการบินอู้ฟู่ กำไรเข้มแข็ง
กระทรวงคมนาคมต้องเข้ามาดูแล ให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนผู้โดยสารได้แล้ว
สารส้ม

‘กรมการแพทย์’ชู 3 เทคโนโลยีการรักษาฟื้นฟู‘กะโหลกเทียม แขนขาเทียมและตาปลอม’
ช็อกกันทั้งซอย กล้องหน้ารถจับภาพ ชายป่วยซึมเศร้าโดดตึก3ชั้นสาหัส
วางขายแล้ว! จาก‘ข้าวดอ’สู่‘ข้าวเม่า’ ขนมโบราณ ฝีมือชาวนาอำนาจเจริญ
ประเทศแรกในเอเชีย! ‘ฟีฟ่า’เลือก‘ไทย’ เจ้าภาพฟุตบอลหญิง รายการ FIFA Series 2026tm
‘สืบยโสธร’รวบเครือข่ายโจรกรรมรถ จยย.ข้ามชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี