ถ้าพูดตามสำนวนชวนขำขื่น ก็ต้องบอกว่า“เชกูว่าแล้ว” กรณีที่“ดาโต๊ะ เซอรีอันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะแต่งตั้งอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวในตำแหน่งประธานอาเซียน ส่งผลให้บรรดาลิ่วล้อน้อยใหญ่ในคอกพรรคเพื่อไทยได้ดาหน้ากันออกมา“ตีกิน”ป่าวประกาศชื่นชมสดุดีนายใหญ่กันอย่างเซ็งแซ่
“สหายใหญ่-ภูมิธรรม เวชยชัย”ที่ใบหน้ามีสีเลือดฝาดตลอดเวลาเหมือนคนที่เลือดลมสูบฉีดดีออกปากด้วยความชื่นชม หลังจากถูกผู้สื่อข่าวถามเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมเมื่อวานนี้ว่า “เพราะท่านอดีตนายทักษิณมีประสบการณ์ความสามารถในการแก้ปัญหาประเทศไทยจนบรรลุ และต่างประเทศยอมรับจึงเป็นสิ่งที่หลายประเทศอยากได้รับคำปรึกษา”
อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งใครก็รู้ว่าเป็นสายตรงของ“ศูนย์กลางอำนาจบ้านจันทร์ส่องหล้า”ได้กล่าวออกตัวว่า เรื่องนี้ต้องถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของนายอันวาร์นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ตั้งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวและเป็นเรื่องส่วนตัวของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เช่นกัน
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่นอกจากจะเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลชุดนี้แล้วก็ยังมีบทบาทในฐานะเป็นพี่เลี้ยงคอยฝึกงานให้แก่“มาดามแพ”นายกรัฐมนตรีที่ไม่ประสีประสากับการบริหารราชการแผ่นดิน, ยังได้“อวย”นายใหญ่ว่า“ท่านอดีตนายกฯทักษิณเป็นบุคคลสำคัญในระดับโลกไม่ได้เป็นที่ปรึกษาของนายอันวาร์เท่านั้น แต่เป็นที่ปรึกษาอีกหลายประเทศ”
หลายประเทศที่นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวถึงนั้นอย่างน้อยก็มีประเทศกัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศนั้น เพราะ“ทักษิณ ชินวัตร”เคยได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกัมพูชาสมัยที่“ฮุนเซน”ยังเป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นช่วงเดียวกับที่ทักษิณเป็นนักโทษหลบหนีคดีอยู่ในต่างแดน
ข่าวที่“อันวาร์ อิบราฮิม”จะแต่งตั้ง“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวในตำแหน่งประธานอาเซียนที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียผู้นี้ ซึ่งจะเข้าทำหน้าที่ในปี 2568 นั้น ถูกเผยแพร่โดยสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันที่ 16ธันวาคมที่ผ่านมา จากการแถลงข่าวร่วมของ“มาดามแพ”กับนายอันวาร์ในโอกาสที่“มาดามแพ”เดินทางเยือนประเทศมาเลเซีย
รอยเตอร์รายงานว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยว่าการแต่งตั้ง“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นที่ปรึกษาในตำแหน่งดังกล่าวนั้นเป็นข้อเสนอของทางฝ่ายมาเลเซีย และทางฝ่ายไทยได้ตอบตกลงซึ่งนายอันวาร์ได้กล่าวขอบคุณต่อ“มาดามแพ”ที่เปรียบเสมือนคน“เดินสาส์น”ของบิดาว่า “ขอบคุณที่ตกลงตามนี้เพราะเราต้องการประโยชน์จากประสบการณ์ของรัฐบุรุษท่านนี้”
จะอะไรก็ตามแต่ เรื่องนี้มองพื้นๆ อย่างน้อยก็ทำให้“ทักษิณ ชินวัตร” สามารถนำไปเป็นใบรับประกันเพื่อการ“ฟอกขาว”ให้แก่ตนเองในฐานะที่เป็นอดีตนักโทษคดีทุจริตโกงชาติโกงแผ่นดินและใช้เป็นประเด็นสำหรับโฆษณาชวนเชื่อหาเสียงเรียกคะแนนในทุกๆเวทีให้แก่ตนเอง รวมทั้งบุตรสาว และพรรคเพื่อไทยได้เป็นอย่างดีนับแต่นี้เป็นต้นไป
ในขณะเดียวกัน คนทั่วไปคงไม่เชื่ออย่างที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เห็นว่าการที่“ทักษิณชินวัตร”ไปเป็นที่ปรึกษา“อันวาร์” อาจมีส่วนช่วยส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีปัญหาระหว่างสองประเทศ เพราะต้องไม่ลืมว่า“ทักษิณ”คือผู้ก่อปัญหาไฟใต้ให้ลุกโชนขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้
ถ้าจะว่าไปแล้ว คนอย่าง“ทักษิณ ชินวัตร”นั้น ก้าวทุกก้าวที่ย่างเดินล้วนไม่ธรรมดา ต้องมีการวางแผนเป็นอย่างดีว่าตนจะได้ประโยน์อะไรที่เป็นกำไรสูงสุด..และเป็นการได้มาจาการลงทุนที่ต้องมีรายจ่ายทั้งสิ้น
ปีหน้าเมื่อนายอันวาร์ อิบราฮิมซึ่งในอดีตก็เคยติดคุกในฐานะนักโทษคดีทุจริตที่มีปูมหลังเหมือนกับ“ทักษิณ ชินวัตร”รวมทั้งยังมี“คดีทางเพศ”พ่วงอยู่ด้วย เข้าดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ก็เท่ากับเป็นการ“ติดปีก”ให้ทักษิณสามารถบินโดยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวออกจากประเทศไทยได้โดยใช้เป็นข้ออ้างขออนุญาตต่อศาลเพราะเวลานี้ทักษิณถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศ..เนื่องจากมีคดี“มาตรา112”เป็นชนักติดหลัง
ในปัจจุบันนี้ นอกจากคดีมาตรา 112 ที่เป็นบ่วงกรรมมัดคอ“ทักษิณ ชินวัตร”ห้ามออกนอกประเทศหนึ่งคดีแล้วก็ยังมีอีกหลายกรณีซึ่งกำลังจะเป็นคดีที่โยงผูกกับทักษิณ
อย่างน้อยคดี“ป่วยทิพย์ชั้น-14”ของ“ทักษิณ ชินวัตร” ที่ ป.ป.ช.กำลังจะเอาผิดกับ 12ข้าราชการประจำของกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจก็กำลังจ่อคอหอยอยู่ เพราะทักษิณนั้นถือว่าเป็น“สารตั้งต้น”
โดยเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติรับเรื่องที่มีการกล่าวหาว่า นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ส่งตัว“ทักษิณชินวัตร”จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นการกระทำโดยมิชอบและยังเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณอยู่รักษาตัวไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำจนกระทั่งครบ180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่าจากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอจึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวนและหากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดก็ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไปด้วย
ดังนั้น ในวันข้างหน้าวัน หาก“ทักษิณ ชินวัตร”จำเป็นจะต้องหนีออกจากประเทศไปเป็นสัมภเวสีอยู่ในต่างแดนอีกครั้งไม่ว่าจะด้วยคดีใดก็ตาม ทักษิณก็ยังพอได้อาศัยตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียนเป็นใบเบิกทางบินหนีออกนอกประเทศ
คงอีหรอบเดียวกับปี 2551 ที่เคยหลอกศาลว่าจะไปดูกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีน-สุดท้ายก็หายเข้ากลีบเมฆไปถึง 15 ปี !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี