วันเสาร์ ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
.jpg)
โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน วงเงิน 224,544 ล้านบาท ล่าช้ามากว่ากำหนดเดิม 5 ปี
การแก้สัญญาที่ว่าจะเสร็จก่อนสิ้นปี 2567ก็ลากยาวข้ามปีมา ยังไม่ได้เสนอเข้า ครม.เห็นชอบ
ประเทศชาติกำลังเสียโอกาสในการพัฒนาโครงการต่อเนื่องในพื้นที่อีอีซี ทั้งสนามบินอู่ตะเภา-เมืองการบิน พื้นที่ตลอดแนวรถไฟฟ้า การลงทุนต่างๆ ก็เฝ้ามองว่าโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญจะไปต่ออย่างไร
ถ้าการแก้สัญญากับกลุ่มซีพีติดขัด รัฐบาลก็ต้องเดินไปหาทางเลือกอื่นๆ
จะประมูลใหม่ หรือจะให้ ร.ฟ.ท.ลงมือก่อสร้างระบบรางเอง คาดว่าจะงบ 120,000 ล้านบาท และค่อยหาเอกชนเข้ามาบริหารการเดินรถต่อไป
รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ ต้องทุบโต๊ะตัดสินใจได้แล้วว่าจะเอาอย่างไร?
1. กว่าครม.จะพิจารณาอนุมัติร่างสัญญาฉบับใหม่
หาก ร.ฟ.ท. และกลุ่มซีพีลงนามกันแล้ว เริ่มต้นก่อสร้างแล้ว ก็จะต้องใช้เวลากว่า 5 ปี จึงจะก่อสร้างเสร็จ พร้อมเปิดการเดินรถได้จริง
จนถึงตอนนี้ น่าจะเดินรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินได้อย่างเร็ว ปี 2573
กระทบกับโครงการต่อเนื่องอีกมากมาย เพราะโครงการนี้ เป็น 1 ใน 4 EEC Project Lists ภายใต้การลงทุนรูปแบบรัฐร่วมลงทุนกับเอกชน (PPP)
ตามแผนเดิม ในปี 2567 เราจะต้องมีรถไฟวิ่งแล้ว
ใครรับผิดชอบกับโอกาสที่เสียไป
ทั้งโอกาสในการที่จะพัฒนาเมือง พัฒนาสถานีฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-สัตหีบ รวมถึงสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เพราะทางรถไฟความเร็วสูงจะสร้างเป็นทางลอด เชื่อมเข้าสนามบิน ด้านบนจะเป็นรันเวย์ที่ 2 ของสนามบิน ทำให้การสร้างรันเวย์ที่ 2 ต้องพลอยชะงักไปด้วย
ในอนาคต ผู้ชนะการประมูลโครงการอื่นๆที่ได้รับผลกระทบ อาจจะขอเยียวยาจากเหตุของความล่าช้าที่ต้นทางมาจากรถไฟเชื่อม 3 สนามบินด้วย
2. ที่ผ่านมา ผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย ได้แก่ ร.ฟ.ท.- บริษัทเอเชีย เอรา วัน (กลุ่มซีพี) และคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีการดำเนินเพื่อแก้ไขสัญญาใน 5 ประเด็น คือ
(1) วิธีชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุน (Public Investment Cost : PIC)
จากเดิม รัฐจะจ่ายเมื่อเอกชนเปิดเดินรถไฟความเร็วสูง โดยรัฐจะ “แบ่งจ่าย” เป็นเวลา 10 ปีปีละเท่าๆ กันรวมเป็นเงินจำนวน 149,650 ล้านบาท
เปลี่ยนมาเป็น รัฐจะจ่ายเป็นงวดตามความก้าวหน้าของงานก่อสร้างที่ ร.ฟ.ท.ตรวจรับ วงเงินไม่เกิน 120,000 ล้านบาท แต่มีเงื่อนไขให้ บริษัทเอเชีย เอรา วัน ต้องวางหลักประกันเพิ่มเติมจากสัญญาเดิมรวมเป็นจำนวน 160,000 ล้านบาท เพื่อประกันว่า งานก่อสร้างและรถไฟความเร็วสูงจะเปิดให้บริการได้ภายในระยะเวลา 5 ปี กรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้างจะทยอยตกเป็นของ ร.ฟ.ท.ทันทีตามงวดการจ่ายเงินนั้นๆ
(2) การกำหนดการชำระค่าสิทธิให้ร่วมลงทุนใน โครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL)
จะให้ บริษัทเอเชีย เอรา วัน แบ่งชำระค่าสิทธิจำนวน 10,671.09 ล้านบาท ออกเป็น 7 งวด เป็นรายปีในจำนวนแบ่งชำระเท่าๆ กัน แต่บริษัทจะต้องชำระงวดแรก ณ วันที่ลงนามแก้ไขสัญญากับ ร.ฟ.ท. และบริษัทยังต้องวางหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารในมูลค่าเท่ากับค่าสิทธิ ARL รวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเงินอื่นๆ ที่ ร.ฟ.ท.จะต้องรับภาระด้วย
(3) การกำหนดส่วนแบ่งผลประโยชน์ตอบแทน (Revenue Sharing) เพิ่มเติม
หากในอนาคตอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการลดลงอย่างมีนัยสำคัญและเป็นผลทำให้ บริษัทเอเชียเอรา วัน ได้ผลประโยชน์ตอบแทน (IRR) เพิ่มขึ้นเกินกว่า 5.52% แล้วก็จะ “ให้สิทธิ” ร.ฟ.ท.เรียกให้บริษัทชำระส่วนแบ่งผลประโยชน์เพิ่มได้ตามแต่จะตกลงกันต่อไป
(4) การ “ยกเว้น” เงื่อนไขการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed : NTP)
เพื่อให้ ร.ฟ.ท.สามารถออกหนังสือ NTPให้กับ บริษัทเอเชีย เอรา วัน ได้ทันทีหลัง 2 ฝ่ายลงนามในการแก้ไขสัญญา
(5) ป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคต ที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสถานะทางการเงินของโครงการ
โดยทำการปรับปรุงข้อสัญญาในส่วนของ “เหตุสุดวิสัย” กับ “เหตุผ่อนปรน” ให้สอดคล้องกับสัญญาร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในโครงการอื่น
การแก้ไขปรับปรุงสัญญาทั้ง 5 ประเด็นข้างต้น รอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.
3. ในมุมของเอกชน หากทำตามเงื่อนไขที่มีการแก้ไขเดิม ก็มีภาระเพิ่มเติมเหมือนกัน
คงต้องเอาสัญญาที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงทั้ง 5 ข้อ ไปหารือกับธนาคารที่จะปล่อยกู้โครงการนี้
ทราบว่า ธนาคารเจ้าของแหล่งเงินลงทุน วงเงิน 200,000 ล้านบาท มีความกังวลในความเสี่ยงของโครงการที่เกิดขึ้นมาก, ค่าก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้นมาก จนมีการประเมินผลตอบแทนการลงทุนลดลง, การพัฒนาพื้นที่มักกะสัน ผลตอบแทนการลงทุนก็ลดลงจากที่เคยประเมินไว้เดิม, จำนวนผู้โดยสารจะลดลง, อัตราดอกเบี้ยแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากที่ประเมินไว้ตอนต้นโครงการ ฯลฯ
ที่สำคัญ แนวทางที่จะแก้ไขสัญญานั้น เอกชนก็มีภาระจะต้องวางหลักประกันสัญญา วงเงินรวมกว่า 3 แสนล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น จะต้องวางหลักประกันสัญญาวงเงิน 4,500 ล้านบาท ตลอดสัญญา 50 ปี
หนังสือค้ำประกันผู้ถือหุ้นวงเงิน 160,000 ล้านบาท ตลอดสัญญา 50 ปี
หนังสือค้ำประกันค่าก่อสร้างวงเงิน 120,000 ล้านบาท
หนังสือค้ำประกันค่างานระบบวงเงิน 16,000 ล้านบาท
หนังสือค้ำประกันคุณภาพเดินรถวงเงิน 750 ล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี
หนังสือค้ำประกันค่ารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL) รวมกับการชำระงวดที่ 1 ที่เหลือ (456.9 ล้านบาท)วงเงิน 9,147 ล้านบาท เฉพาะวงเงินหลังจะต้องวางหลักประกันไว้อีก 6 ฉบับ ฉบับละ 1,524 ล้านบาท
4. ที่ผ่านมา โครงการนี้ล่าช้าต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลลุงตู่
รัฐบาลไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนได้ ขณะที่เอกชนก็ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงเป็นต่างคนต่างทำไม่ได้ตามเงื่อนไขสัญญาเดิม จึงต้องพิจารณาใหม่ เนื่องจากเป็นหนึ่งในโครงการยุทธศาสตร์ชาติ
ถ้าไม่แก้สัญญา โครงการก็คงไปต่อไม่ได้แน่ๆ สุดท้าย ผลกระทบก็เกิดแก่เอกชนและประเทศชาติส่วนรวม โดยเป็นผลกระทบลูกโซ่ไปยังโครงการอื่นๆในพื้นที่อีอีซีด้วยอย่างแน่นอน รวมทั้งคงมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายระหว่างกันยาวนาน
ประเด็นสำคัญ คือ การแก้สัญญาครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขสาระสำคัญทางการเงินของโครงการ ผิดไปจากตอนประมูล (อาจไม่เป็นธรรมต่อเอกชนที่แพ้การประมูลตามเงื่อนไขเดิม) ดังนั้น จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ต้องผ่านความเห็นของอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อมิให้ซ้ำรอยกรณีแก้สัญญาหลังการประมูลโครงการบางโครงการโดยมิชอบ ดังที่เคยมีกรณีถูกดำเนินคดี ศาลพิพากษาจำคุกผู้เกี่ยวข้อง
ถึงเวลาที่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ จะต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด และลงมือผลักดันให้บรรลุผล
คาราคาซังอย่างนี้ คือ การปล่อยให้ประเทศชาติเสียโอกาสไปเรื่อยๆ
สันติสุข มะโรงศรี

ตร.กางแผน รุกฆาต ยาเสพติด ปูพรมค้นทั่วไทยกว่า 2,500 จุด ยึดยาบ้า 16.9 ล้านเม็ด
รวบแล้วแม่ใจยักษ์วัย 19 ปี เอาลูกทิ้งใต้ถุน ปล่อยตัวเงินตัวทองรุมแทะ
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมสมัยวิสามัญ 10 ธ.ค.นี้
นายกฯ ลุยเขต 8 หาดใหญ่ ชาวบ้านร้องไม่มีรถ-เรือช่วยอพยพหนีน้ำท่วม อนุทิน ยกมือไหว้ ‘ขอโทษด้วย’
แฉคาหนังคาเขา มือดีฉวยเบียร์ยี่ห้อดังจากซากน้ำท่วม โพสต์ขายขวดละ25บ.

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี