วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ภาษาเกรียนๆ เขาว่า“เชกูว่าแล้ว” เมื่อเห็นภาพ“มาดามแพทองโพย”เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดี“สี จิ้นผิง”แห่งสาธารณประชาชนจีน ณ ห้อง East Hall ชั้น 1 มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง เมื่อช่วงสายวันที่ 6 มกราคมวานนี้ เพราะเธอแต่งตัวโดยไม่รู้กาลเทศะแบบที่เธอเคยพูดว่า “เพราะนี่เป็นฉัน, ฉันก็จะแต่งตัวแบบนี้แหละ”
“มาดามแพทองโพย”ยกคณะชุดใหญ่พร้อมด้วยรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล 8 คนไปเยือนจีนครั้งนี้ เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ หรือที่เรียกกันว่า“Official Visit” ทุกอย่างก็ควรจะต้อง“เป๊ะ” โดยเฉพาะเรื่องการแต่งเนื้อแต่งตัว ซึ่งข้าราชการกระทรวงต่างประเทศย่อมรู้ดีว่า-ควรจะแต่งตัวอย่างไร
เรื่องนี้สำคัญ ไม่ใช่ว่า“เพราะนี่เป็นฉัน, ฉันก็จะแต่งตัวแบบนี้แหละ” ถ้าเป็นภรรยาของสามีคนใต้และเป็นแม่ลูกสอง..“มาดามแพทองโพย”จะใส่หรือไม่ใส่อะไรก็ได้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ แต่ในฐานะผู้นำประเทศ เธอควรจะต้องเคารพ“หลักพิธีการทูต”ที่ผู้นำนานาอารยประเทศเขายึดปฏิบัติกันโดยทั่ว
ชุดที่สวมใส่ควรจะเป็นสีเข้มและเรียบง่าย เรียกว่ายิ่งน้อยยิ่งดีที่สุด แต่สำหรับ“มาดามแพทองโพย”หาเป็นเช่นนั้นไม่
ก้าวแรกที่ลงจากเครื่องบิน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง เมื่อเย็นวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันแรกที่เดินทางไปเยือนจีน ดูจากชุดที่“มาดามแพทองโพย”สวมใส่..เห็นแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่ ทั้งไม่เหมาะสมและไม่ลงตัว เช่นเสื้อคลุมตัวยาวชั้นนอก หรือ“โอเวอร์โค้ท”ออกโทนสีน้ำตาลอ่อน มิหนำซ้ำกระดุมก็ไม่ติด หรือควรจะรัดสายรัดให้เรียบร้อย เมื่อเธอลงมาจากบันไดเครื่องบิน ลมพัดพะเยิบพะยาบต้องเอามือคอยดึง
ส่วนผ้าพันคอถึงจะแบรนด์หรู“Hermès”มีราคาแพง แต่ก็ดูไม่มีราคาเมื่อคล้องอยู่บนคอของเธอ และแทนที่จะพันคอและผูกให้ดูเก๋มีรสนิยม ก็แค่คล้องสอดไว้ใต้ปกเสื้อคลุมตัวยาว เหมือนแต่งตัวยังไม่เสร็จ แล้วรีบร้อนลงจากเครื่องบิน
วันที่สองจากการเข้าพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยิ่งไปกันใหญ่ เสื้อและกระโปรงสีเข้มยังพออนุโลมได้ เสื้อสูท“DIOR”สีเทาราคา 132,000 บาทที่คลุมทับเสื้อคอเต่าสีดำตัวใน ดูแล้วไม่รู้สึกขัดตาและเป็นพิธีการ..แต่รองเท้าบูทหุ้มข้อยี่ห้อ“CHANEL”ราคาคู่ละ 52,166 บาท จบเห่เลย เพราะรองเท้าทั้งสองข้างมีสร้อยไข่มุกสีขาวข้างละสี่เส้น คล้องพันจากด้านหลังมาด้านหน้าของรองเท้า ลักษณะเหมือนคนสวมสร้อยคอไข่มุก แต่เป็นการคล้องที่รองเท้า
ภาพที่ออกมาก็คือ ในช่วงที่“มาดามแพทองโพย”เดินตรงเข้าไปจับมือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นั้น รองเท้าบูทหุ้มข้อสีดำราคาครึ่งแสนของเธอที่มีสร้อยไข่มุกคล้องอยู่ กลายเป็นจุดเด่นสะดุดตา บดบังราศีและรูปร่างหน้าตาของนายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยวัย 38 ปีของไทยไปเสียหมดสิ้น
กลับมาดูภาพข่าวเมืองไทยบ้านเราเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์เมื่อวานนี้..นายกรัฐมนตรีที่รักษาพระนครคือ นายภูมิธรรม เวชยชัย ได้ลงพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อประเมินสถานการณ์หลังจากรัฐบาลไทยทำพิธีกรรม“สับสวิตซ์”ตัดกระแสไฟฟ้าที่ส่งไปขายทางฝั่งเมียนมา
ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “มาตรการตัดไฟเพียงวันเดียวคงยังไม่เห็นผลมากนัก โดยพบว่าคืนที่ผ่านมาไฟฟ้าที่ชเวโก๊กโก่ ลดลงเหลือ 40 เปอร์เซ็นต์ อาจเป็นไปได้ว่าอาจจะประหยัดไฟฟ้าไว้ใช้ให้นานขึ้น หลังจากนี้จะประเมินว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับคอลเซ็นเตอร์จะลดลงหรือไม่”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการตัดกระแสไฟฟ้า และห้ามส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงข้ามไปขายยังฝั่งเมียนมา 5 จุด คือที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 2 จุด, อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก 2 จุด และที่ด่านพระเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี 1 จุดตั้งแต่เช้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อตัดวงจรของอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะ“แก๊งคอลเซ็นเตอร์"แล้วก็ตาม แต่ในยามค่ำคืนก็ยังมีแสงสว่าง เพียงแต่น้อยลงกว่าเดิมเท่านั้น เนื่องจากยังมีการใช้เครื่องปั่นไฟ และทางฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่สาย 2 จุดมีการใช้ไฟฟ้าจากลาว
แม้วันนี้ยังประเมินอะไรไม่ได้มาก ว่าผลจากพิธีกรรมการ“สับสวิตซ์”ในระยะยาวจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยวันนี้ก็ยังมี“ชิ้นงาน”ให้นายภูมิธรรม เวชยชัย นายกรัฐมนตรีรักษาการที่รั้งพระนครแทน“มาดามแพทองโพย” ได้เคาะกะลาตีปี๊บเกี่ยวกับการช่วยเหลือ“เหยื่อการค้ามนุษย์”..จากที่มีการปล่อยตัวชาวต่างชาติ 61 คน ที่อำเภอแม่สอด ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่นายภูมิธรรมลงพื้นที่เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์วานนี้
จะอย่างไรก็ตามแต่, หลังกลับจากจีน การบ้านสำคัญของ“มาดามแพทองโพย”ที่จะต้องทำก็คือ ทำอย่างไรถึงจะปราบ“แก๊งคอนเซ็นเตอร์” และตัดวงจรของอาชญากรรมข้ามชาติให้หมดสิ้นอย่างราบคาบ ทั้งที่ฝั่งเมียนมา และฝั่งกัมพูชา
เพราะปัญหานี้เป็น“วาระแห่งอาเซียน”..ที่สมาชิกชาติอาเซียน 10 ประเทศจะต้องร่วมมือกันอย่างเป็นเอกภาพ!
รุ่งเรือง ปรีชากุล

MEA การไฟฟ้านครหลวง แจ้งปิดที่ทำการช่วงปีใหม่ 2569
พูดแล้วทำพลัส! ส่องนโยบาย‘ภูมิใจไทย’ ‘อนุทิน’นำดรีมทีมจ่อแถลงสู้ศึกเลือกตั้ง’69
ชาวแม่ฮ่องสอนเดือด! มือมืดโรย ‘ตะปูเรือใบ’ รถขนผักโดนแล้วหลายคัน
ทรัมป์ ประกาศสร้างเรือรบ'ทรัมป์คลาส' ลั่นทรงพลังกว่าเดิม 100 เท่า
คนชอบ คนชัง เป็นธรรมดา! 'กัญจนา'เล่าย้อนเรื่องเก่า การเมืองกับ'ศิลปอาชา'

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี