วันอังคาร ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ความจริงปรากฏแล้วว่าเศรษฐกิจไทยยุคนี้ เลวร้ายมาก ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ดูจาก GDP บ่งบอกชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยเลวร้าย การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดูได้จาก GDP เหลือเพียง 2.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรีเคยคุยโวไว้ว่าประชาชนไทยจะมีกิน มีใช้ มีศักดิ์ศรี และ GDP จะโต 5 เปอร์เซ็นต์ แต่คำคุยโวกับความจริงไม่ได้ไปด้วยกัน แต่ถึงกระนั้นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันก็ยังกล้าบอกว่า ขอให้คนไทยอดทน ก็จึงมีคำถามว่าอดทนอะไร หากต้องอดทน ต้องทนอีกนานแค่ไหน
เราทุกคนรู้ดีว่าเศรษฐกิจไทยไม่ดี การค้าการขายฝืดเคือง การผลิตสินค้าของไทยไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดโลกได้ เพราะสินค้าไทยไม่ทันสมัย แต่ก็ยังพอจะหายใจหายคอได้บ้างตรงที่การส่งออกของไทยยังค่อนข้างดีอยู่บ้าง โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มรถยนต์สันดาปภายใน แล้วก็ยังคงมีความหวังที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงหลั่งไหลเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจำนวนหัวของนักท่องเที่ยวมาก แต่ก็น่าสังเกตตรงที่การใช้จ่ายโดยรวมของท่องเที่ยวลดลง ดังนั้น เราจึงเห็นหน้าของนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ตามสถานที่ต่างๆ
ไม่ว่าจะแหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า และยังคงอาจจะดีใจอยู่บ้างที่ได้เห็นตัวเลขจาก BOI (Board of Investment) ระบุว่ามีผู้ขอรับการลงทุนในประเทศไทยอยู่ในระดับที่มากพอสมควร
ทีนี้ลองหันไปดูตัวเลขดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ของไทยร่วงหล่นดิ่งนรก ลดลงต่ำกว่า 1,200 จุดไปแล้ว แล้วก็มีแนวโน้มว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะลดลงไปมากกว่านี้อีก นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเทขายหุ้นกันโครมๆ หุ้นไทยหลายตัวดิ่งนรกไม่หยุดไม่หย่อน แมลงเม่าติดดอยแล้วตายคาดอยเป็นจำนวนมาก ส่วนคนที่มีสตางค์ก็ไม่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่ขนเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ แล้วปล่อยให้ตลาดหุ้นไทยแห้งเหี่ยวเหงาหงอย
ส่วน SME ของไทยจำนวนไม่น้อยก็ต้องยุติกิจการ เพราะไม่มีสายป่าน ไม่มีเงินลงทุน แถมยังไม่มีตลาดรองรับ เพราะผลิตของแล้วขายไม่ได้ เนื่องจากถูกสินค้าจากจีนเข้ามาทุ่มตลาดอย่างหนัก
เกษตรกรไทยกำลังเผชิญปัญหาหนัก ชาวนาบอกว่าขายข้าวได้ราคาต่ำกว่าเงินที่ลงทุน เพราะขายข้าวได้เกวียนละ 5-6 พันบาทเท่านั้น ในขณะที่ลงทุนไปมากกว่าเงินที่ขายข้าวได้ ดังนั้น จึงทำให้เกษตรกรไทย โดยเฉพาะชาวนามีหนี้สินรุงรังท่วมหัวท่วมหู แล้วความจริงที่ปรากฏคือข้าวไทยขายไม่ออก ไม่มีใครอยากซื้อ เพราะข้าวไทยแพงกว่าประเทศคู่แข่ง ในขณะที่ข้าวเวียดนาม ข้าวอินเดียมีราคาถูกกว่าไทย ส่วนผลผลิตข้าวไทยเมื่อเทียบต่อไร่ก็พบว่าผลผลิตของข้าวไทยต่ำกว่าของเวียดนาม ในขณะที่คุณภาพข้าวไทยก็ไม่เป็นที่ดึงดูดผู้ซื้อข้าวได้อีกต่อไป
ส่วนอัตราการบริโภคภายในประเทศก็ลดลงทั้งๆ ที่รัฐบาลพยายามหว่านเงินซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดลมหมุนอย่างรุนแรงในระบบเศรษฐกิจไทย อย่าลืมว่ารัฐบาลหว่านเงินให้คนไทย (เฉพาะกลุ่มที่ได้รับเงิน) คนละ 1 หมื่นบาท โดยหว่านเงินไปแล้วสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น นี่คือสิ่งบ่งบอกว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่มีทางเติบโตได้เป็นอันขาด
ดูๆ แล้วเศรษฐกิจไทยไม่น่าจะฟื้นตัวได้ เพราะผู้กำหนดนโยบายสาธารณะของประเทศไม่มีความสามารถ หรือพูดให้ตรงประเด็นคือ เพราะนายกรัฐมนตรีไทยไร้คุณภาพ ไร้ฝีมือ ไร้ความสามารถ เมื่อนายกรัฐมนตรีไม่มีปัญญาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่กลับคุยโวโม้ไปเรื่อยว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีไม่มีปัญญาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็ทำให้เศรษฐกิจไทยดิ่งเหว และดิ่งนรกไปเรื่อยๆ แล้วคนไทยทั้งประเทศก็จะตกนรกไปพร้อมๆ กัน นี่คือผลลัพธ์ที่แสนสาหัสของการมีนายกรัฐมนตรีไร้คุณภาพ ไร้ความสามารถ

'บิ๊กเล็ก' ลั่น สบายใจ หลัง 'ฮุน เซน' ท้าปิดด่าน 100 ปี ยันไม่ปล่อย 18 เชลยศึก
'พล.อ.ทรงวิทย์' บวชอุทิศส่วนกุศล ให้กับทหารที่เสียชีวิต
'สีหศักดิ์'เชื่อญี่ปุ่นฟันกฎหมาย หลังโซเชียลจี้ถอดพาสปอร์ต แจ็กแปปโฮ
เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม! ศาลฎีการะบุชัด 'ทักษิณ'เป็นตัวการให้ลูกถือหุ้นชินฯ ต้องจ่ายภาษี 1.7 หมื่นล้าน
จ่อ3หมื่นล้าน! MotoGPวงรอบใหม่มูลค่ามหาศาล

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี