วันพฤหัสบดี ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันศุกร์ ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.
สงครามการค้าสหรัฐ-จีน เมื่อ USA อยากกลับไปเป็นเจ้าโลก

ดูทั้งหมด

  •  

สหรัฐกำลังหน้ามืดด้วยความโลภโมโทสัน หลังเป็นฝ่ายเปิดฉากสงครามการค้าขึ้นมาก่อน

ทรัมป์คุยโวโอ้อวด ว่านโยบายนี้ ทำรายได้จากภาษีศุลกากรวันละเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ และมีกว่า 70 ประเทศที่ต้องการเจรจากับอเมริกา “มาจูบก้น”


1. ปธน.ทรัมป์เปิดฉากถล่มจีนก่อนประเทศอื่นใด โดยเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มมา 20%

จากนั้น เมื่อประกาศเก็บภาษีตอบโต้จากทั่วโลก เขาก็สั่งเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าจีนอีก 34%

เท่ากับว่า เก็บจากสินค้าจีนเพิ่ม 54%

จีนสู้ โดยประกาศตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าสหรัฐฯ 34% บ้าง

ทรัมป์เกทับบลัฟแหลก สั่งเก็บภาษีจากสินค้าจีนเพิ่มอีก 50%

รวมของเดิมแล้ว เท่ากับว่า สินค้าจีนถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 104%

จีนจึงประกาศ เก็บภาษีตอบโต้อีก 50% รวมเป็น 84%

จากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์จึงเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าจีนอีกครั้งเป็น 125%

พร้อมกันนี้ ปธน.ทรัมป์ใช้วิธีประกาศชะลอมาตรการภาษีตอบโต้สำหรับประเทศที่ไม่ได้โต้ตอบตนเองออกไป 90 วัน โดยระหว่างนี้ให้ใช้อัตราขั้นต่ำ 10%

2. จากนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมีความเคารพและชอบพอกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพราะเป็นเพื่อนกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่าจีนปฏิบัติต่อสหรัฐไม่ถูกต้อง และเอาเปรียบด้านการค้ากับสหรัฐ แต่ถึงกระนั้นก็ตามเขาก็กำลังพิจารณาที่พบปะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี

ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า ในที่สุดแล้ว เขาก็คงต้องพูดคุยและบรรลุข้อตกลงกับทุกประเทศรวมทั้งจีน และเชื่อว่าผู้นำของจีนเองก็ต้องการที่จะเปิดเจรจากับสหรัฐ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร

เมื่อนักข่าวถามว่าทรัมป์คิดจะเก็บภาษีจีนเพิ่มขึ้นจาก 125% หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่าเก็บสูงไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยืนยันว่าสหรัฐไม่ได้ยกเลิกมาตรการภาษีตอบโต้ แต่เขาเพียงชะลอการเก็บชั่วคราว 3 เดือนเพื่อการเจรจาต่อรองเท่านั้น และจะยังคงกำแพงภาษีพื้นฐาน
10% ที่ทุกชาติจะต้องจ่ายให้สหรัฐซึ่งส่วนนี้ไม่มีการชะลอ

3. WTO ไร้น้ำยา?

โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนประกาศว่า ภายใต้กลไกแก้ไขข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก จีนยื่นฟ้องสหรัฐฯเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มรอบล่าสุด มาตรการ “ภาษีเท่าเทียม” ตามที่สหรัฐระบุนั้นเป็นการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลกอย่างร้ายแรง การเก็บภาษีเพิ่มอีก 50% เป็นการเพิ่มความผิดบนความผิด สะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติการกลั่นแกล้งโดยลำพังฝ่ายเดียวของมาตรการสหรัฐ

จีนจะพิทักษ์สิทธิประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของตนอย่างถึงที่สุด รักษาระบบการค้าพหุภาคีและระเบียบเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศอย่างถึงที่สุด

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการภาษีศุลกากรของคณะรัฐมนตรีจีนก็ออกประกาศ ปรับอัตราการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มตามที่กำหนดไว้ในประกาศของคณะกรรมการภาษีศุลกากรแห่งคณะรัฐมนตรีจีนเกี่ยวกับการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มต่อสินค้านำเข้าที่มีแหล่งผลิตจากสหรัฐ (ประกาศ คกก. ภาษีศุลกากร ฉบับที่ 4 ปี 2025) อัตราการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มต่อสินค้านำเข้าที่มีแหล่งผลิตจากสหรัฐทั้งหมด จะปรับขึ้นจาก 34% เป็น 84%

น่าสงสัยว่า WTO มีน้ำยาทำอะไรสหรัฐได้หรือไม่?

4. ทางการจีนยังได้เผยแพร่สมุดปกขาว ว่าด้วยจุดยืนของจีนต่อบางประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ

เนื้อหาบางส่วน ระบุว่า “ภาษีศุลกากรตอบโต้” ของสหรัฐฯ จะสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และผู้อื่น

การจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ถือเป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ระบบการค้าพหุภาคี ลิดรอนสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมตามกฎหมายของฝ่ายต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ

รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตั้งกำแพงการค้าระดับสูงด้วยเป้าหมายต่างๆ เช่น “การปกป้องอุตสาหกรรม” และ “ความมั่นคงของชาติ” ซึ่งนอกจากไม่ช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศของสหรัฐฯ แต่จะส่งผลเสียย้อนกลับและทำให้สหรัฐฯ ตกเป็นเหยื่อการกระทำผิดของตนเองในท้ายที่สุด

 

ภาษีศุลกากรตอบโต้จะเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อในสหรัฐฯ กัดเซาะฐานอุตสาหกรรม ทวีความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน และเพิ่มความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย รวมถึงจะสร้างความเสียหายร้ายแรงแก่การค้าและการลงทุนทั่วโลก อาจจุดชนวนวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินระดับโลก

“ประวัติศาสตร์ได้สอนบทเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าการกีดกันทางการค้าจะไม่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในประเทศของประเทศใดประเทศหนึ่ง” สมุดปกขาวระบุ พร้อมเสริมว่าภาษีศุลกากรตอบโตจะส่งผลพวงอันมิอาจหลีกเลี่ยงต่อสหรัฐฯ เองและ
ผู้อื่นด้วย – (แปลโดยสำนักข่าวซินหัว)

5. ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

รศ.วิภา อุตมฉันท์ ได้เผยแพร่บทความ เรื่อง “Tit for Tat…ตาต่อตาฟันต่อฟัน”

วิเคราะห์สถานการณ์สงครามการค้าที่ดุเดือดครั้งนี้ บางตอนระบุว่า

“...เดิมที อเมริกาก็เก็บภาษีสินค้านำเข้ากับทุกประเทศ 10% เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ทันทีที่ชนะการเลือกตั้งก็ผนวกภาษีเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจกับทุกประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ากับอเมริกาเข้าไปด้วย ไล่ตั้งแต่ 20% ไปจนถึง 46-54%

จีนซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของทรัมป์โดนเข้าไปถึง 34% รวมกับภาษีที่ถูกเก็บอยู่ก่อน ก็ขึ้นไปอยู่ที่ 54%

รองลงมาคือ เวียดนาม 46% ไทยก็อยู่ในบัญชีกับเขาด้วยโดนเข้าไป 36%

การขึ้นภาษีแบบบ้าระห่ำของทรัมป์ ไม่ต่างจากวิธีการของพ่อค้าหน้าเลือดที่เอาแต่ได้

เขาชูแผ่นป้ายแผ่นใหญ่ ประกาศรายชื่อประเทศที่ตกเป็นเหยื่อต่อหน้ากล้องนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อข่มขู่ประเทศที่อยู่ในบัญชีดำของเขาให้ตื่นตระหนก ยอมหมอบราบคาบแก้วเดินทาง
ไปเจรจากับนายทรัมป์ให้ลดภาษีให้ แลกกับผลประโยชน์อะไรก็ตามที่นายทรัมป์ต้องการ

แต่สำหรับประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดยักษ์ใหญ่ มีประเทศคู่ค้าทั่วโลก ขณะเดียวกันจีนยังเป็นแหล่งผลิตที่มีสายโซ่อุปทานครบครัน ย่อมรับไม่ได้กับการข่มขู่ของนายทรัมป์

จีนจึงโต้กลับการขึ้นภาษีของทรัมป์แบบตาต่อตา ฟันต่อฟันในเวลาอันรวดเร็ว

เริ่มต้นด้วยการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าทุกชนิดจากอเมริกา 34% ฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลกหรือ WTO ทำการตรวจสอบมาตรฐานสินค้านำเข้าจากอเมริกา ควบคุมวิสาหกิจอเมริกาในจีน 16 แห่ง ขึ้นบัญชีดำ 11 บริษัทที่ขายอาวุธให้ไต้หวัน หยุดการนำเข้าชั่วคราวกับสินค้าจำพวกสัตว์ปีกจากอเมริกา 3 แห่ง และผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีจากอเมริกา 1 แห่ง

การตอบโต้อย่างทันควันของจีนครั้งนี้ ไม่เพียงเพราะไม่หวาดหวั่นต่อความบ้าคลั่งของนายทรัมป์เท่านั้น ที่สำคัญเพราะจีนในวันนี้ต่างกับจีนในยุคทรัมป์ 0.1 อย่างสิ้นเชิง

จีนกำลังเจริญเติบโตเข้มแข็งขึ้นทุกวัน เศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงยกระดับขึ้นสู่คุณภาพ

สี จิ้นผิง กล่าวต่อที่ประชุมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มไร้ความกังวลใดๆ ว่า “พายุสามารถถล่มทลายบ่อน้ำเล็กๆ ได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรกับมหาสมุทรได้”

ตรงข้ามกับอเมริกาที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มจะเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ

ขณะที่นโยบายขึ้นภาษีอย่างไร้เหตุผลของทรัมป์ สร้างปฏิกิริยาที่ไม่พอใจให้กับประเทศต่างๆ และในไม่ช้าอเมริกาก็จะเป็นหัวเดียวกระเทียมลีบ ถูกคัดค้านทั้งจาก
ชาวโลกและชาวอเมริกันเอง ที่ได้รับความเดือดร้อนเพราะถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องบริโภคสินค้าทุกชนิดในราคาแพง...”

6. จีนจะเจ็บแค่ไหน ใครจะเจ็บกว่ากัน?

โจทย์น่าสงสัย คือ “หากถูกตัดขาดจากสหรัฐ #คนจีนตกงาน เศรษฐกิจจีล่มจมหรือไม่?”

รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น วิเคราะห์น่าสนใจ ชี้ชัดว่า จีนไม่มีวันล่มจม

ในระยะสั้น การส่งออกของจีนย่อมจะถูกกระทบจากมาตรการภาษีสูงลิ่วของทรัมป์อย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้

อย่างไรก็ดี จีนได้พยายามอย่างมาก เพื่อลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ (เดิมเคยมีสัดส่วนสูงมากกว่า 20% ของการส่งออกจีน) ด้วยการเร่งกระจาย diversify ตลาดส่งออกไปยังภูมิภาคอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ประเทศในอาเซียน ตะวันออกกลาง และละตินอเมริกา

หากทรัมป์กีดกันการค้าจีนอย่างหนัก จนทำให้จีนไม่สามารถส่งออกไปสหรัฐได้อีกต่อไป ย่อมจะกระทบการจ้างงานในจีน โดยเฉพาะในมณฑลที่เป็นฐานผลิตเพื่อการส่งออกของจีน และกระทบรายได้ของคนงานจีน อย่างไรก็ดี ผลกระทบจะแตกต่างกันไปในแต่ละอุตสาหกรรมและแต่ละมณฑล

ในการแก้ปัญหาและเยียวยาแรงงานเหล่านี้ รัฐบาลจีนจำเป็นต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการ“รักษาเสถียรภาพ” เพื่อไม่ให้ลุกลามกลายเป็นปัญหาความไม่สงบทางสังคม

“..หากพิจารณาจากมุมภูมิรัฐศาสตร์ ในยุคทรัมป์ป่วนโลก สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบจีนเพียงประเทศเดียว เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศ#วันปลดปล่อยอเมริกา ด้วยการขึ้นภาษีกับ 180 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะการขึ้นภาษีสูงลิ่วกับประเทศในอาเซียน จึงเปรียบเสมือนเป็น #วันผลักเพื่อนออกจากอเมริกา ให้ต้องมองหาที่พึ่งใหม่ เนื่องจากหลายประเทศที่เป็นพันธมิตร/เคยพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ต้องถูกกระทบจากภาษีทรัมป์อย่างหนักหน่วง หลายฝ่ายมองว่า นี่คือการโดดเดี่ยวตัวเองของอเมริกา

การเดินเกมพลาดของทรัมป์ที่หมกมุ่นกับการทำเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ แบบไม่สนเพื่อน ไม่แคร์ใคร จึงอาจจะเป็น #โอกาสของจีน ในการใช้จังหวะเวลานี้ เพื่อแสดงบทบาทนำในการสร้างเครือข่าย/รวมพลังประเทศในอาเซียนและเอเชียที่ถูกกระทบจากภาษีทรัมป์หันมาค้าขายกันเองให้มากขึ้น

..บทวิเคราะห์ของนิตยสาร The Economist ในประเด็น “อเมริกาจะทำให้จีนกลับมายิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง”และขึ้นรูปหน้าปก (ฉบับวันที่ 5-11 เมษายน 2025) ด้วยภาพหมวกที่เขียนว่า MAKE CHINA GREAT AGAIN พร้อมวิเคราะห์ว่า “How America could end up making China great again : A big beautiful opportunity” เพื่ออธิบายว่า “ทรัมป์ได้สร้างโอกาสอันยิ่งใหญ่และสวยงามให้กับจีนได้อย่างไร”

The Economist วิเคราะห์อย่างน่าสนใจว่า “ในขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากร และรัฐบาลของทรัมป์คุยโอ่ถึงความแข็งแกร่งของพันธมิตรทางทหารในเอเชีย แต่ในความเป็นจริง MAGA ของทรัมป์ที่พยายามกดดันผู้นำจีน กลับกลายเป็นการสร้างโอกาสให้จีนได้วาดแผนที่ภูมิรัฐศาสตร์ของเอเชียขึ้นมาใหม่ เพื่อ
เอื้อประโยชน์กับจีน”

สารส้ม

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
09:47 น. ‘กรณ์’ยก 6 ข้อ ไทยเจรจา‘ภาษีทรัมป์’ Art of the Deal คือ ต้องมี deal
09:44 น. 'ญี่ปุ่น'จับ2พ่อลูกชาวไทย ข้อหาทำร้ายพนักงานสายการบิน
09:38 น. ซิ่งหนียางแตก! ‘มอดไม้ลอบขนประดู่เถื่อน’ สุดท้ายคนร้ายหนีรอดไปได้
09:30 น. หนาวทั้งบาง! ‘ดิเรกฤทธิ์’ชี้หากราชทัณฑ์ไร้หลักฐานปมชั้น 14 คาดคนผิดรับโทษเพียบ
09:05 น. ควบคุมตัว! ผู้ต้องสงสัยแนวร่วมก่อความไม่สงบ 1 ราย เข้าค่ายทหารปัตตานี
ดูทั้งหมด
'El Clásico2025' เมื่อเก้าอี้ดนตรีเริ่มบรรเลง
'ภูมิใจไทย' แตกหัก 'เพื่อไทย' คดีฮั้ว สว.เป็นเหตุ ส่อคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 - ยุบสภา
เช็คผลที่นี่!!! 'เลือกตั้งเทศบาล'ส่วนใหญ่แชมป์เก่าคว้าชัย
เช็คผลเลือกตั้งเทศบาลบุรีรัมย์ ‘บิ๊กเนม’พาเหรดยึดเก้าอี้นายกเทศมนตรี
ล้มช้าง! เปิดผลเลือกตั้งเทศบาล‘อุดรธานี’แชมป์เก่าร่วงระนาว จิตอาสาซิวชัยที่‘บ้านดุง’
ดูทั้งหมด
นิยามของสงครามคือความพ่ายแพ้
มีจีนสีเทา ก็เพราะมีไทยเป็นสีเทา
ชิงเมืองหลวงคืนมา
G-Token ช่องทางกู้เงินของรัฐบาล ทางสะดวก หรือทางเลี่ยง?
บุคคลแนวหน้า : 15 พฤษภาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘กรณ์’ยก 6 ข้อ ไทยเจรจา‘ภาษีทรัมป์’ Art of the Deal คือ ต้องมี deal

หนาวทั้งบาง! ‘ดิเรกฤทธิ์’ชี้หากราชทัณฑ์ไร้หลักฐานปมชั้น 14 คาดคนผิดรับโทษเพียบ

แม่ก็คือแม่! 'ชมพู่ อารยา'เปิดตัวลุคแรกบนพรมแดงคานส์ 2025 สวยเจิดจรัสสุดๆ

NIKKO NIKKO ชวน ม่านมุก Come Back ปล่อยเพลงให้กำลังใจ Come With Me

จยย.แหกโค้ง! ชนรถบรรทุกทุเรียน เสียชีวิตคาที่ใต้ต้นเงาะ

‘พื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจ’ ตัวแปรประสิทธิภาพแรงงาน

  • Breaking News
  • ‘กรณ์’ยก 6 ข้อ ไทยเจรจา‘ภาษีทรัมป์’ Art of the Deal คือ ต้องมี deal ‘กรณ์’ยก 6 ข้อ ไทยเจรจา‘ภาษีทรัมป์’ Art of the Deal คือ ต้องมี deal
  • \'ญี่ปุ่น\'จับ2พ่อลูกชาวไทย ข้อหาทำร้ายพนักงานสายการบิน 'ญี่ปุ่น'จับ2พ่อลูกชาวไทย ข้อหาทำร้ายพนักงานสายการบิน
  • ซิ่งหนียางแตก! ‘มอดไม้ลอบขนประดู่เถื่อน’ สุดท้ายคนร้ายหนีรอดไปได้ ซิ่งหนียางแตก! ‘มอดไม้ลอบขนประดู่เถื่อน’ สุดท้ายคนร้ายหนีรอดไปได้
  • หนาวทั้งบาง! ‘ดิเรกฤทธิ์’ชี้หากราชทัณฑ์ไร้หลักฐานปมชั้น 14 คาดคนผิดรับโทษเพียบ หนาวทั้งบาง! ‘ดิเรกฤทธิ์’ชี้หากราชทัณฑ์ไร้หลักฐานปมชั้น 14 คาดคนผิดรับโทษเพียบ
  • ควบคุมตัว! ผู้ต้องสงสัยแนวร่วมก่อความไม่สงบ 1 ราย เข้าค่ายทหารปัตตานี ควบคุมตัว! ผู้ต้องสงสัยแนวร่วมก่อความไม่สงบ 1 ราย เข้าค่ายทหารปัตตานี
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

G-Token ช่องทางกู้เงินของรัฐบาล  ทางสะดวก หรือทางเลี่ยง?

G-Token ช่องทางกู้เงินของรัฐบาล ทางสะดวก หรือทางเลี่ยง?

15 พ.ค. 2568

ต้องยอมรับปัญหา แล้วลงมือแก้ไข  ใบส่งตัวล่าช้า จนมีคนตายแล้ว!

ต้องยอมรับปัญหา แล้วลงมือแก้ไข ใบส่งตัวล่าช้า จนมีคนตายแล้ว!

14 พ.ค. 2568

หวงแหนปราสาท ‘ตาเมือนธม”  รักชาติ สมเหตุสมผล

หวงแหนปราสาท ‘ตาเมือนธม” รักชาติ สมเหตุสมผล

13 พ.ค. 2568

รบจริง ไม่เหมือนในหนังฮอลลีวู้ด

รบจริง ไม่เหมือนในหนังฮอลลีวู้ด

12 พ.ค. 2568

นักการเมือง ‘ส้มสารพิษ’

นักการเมือง ‘ส้มสารพิษ’

9 พ.ค. 2568

\'จิตป่วย\' ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เร่งป้องกันและรักษากันเถอะ

'จิตป่วย' ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เร่งป้องกันและรักษากันเถอะ

8 พ.ค. 2568

ผู้ว่าฯชัชชาติ อย่าทำลายโครงการบ้านมั่นคง

ผู้ว่าฯชัชชาติ อย่าทำลายโครงการบ้านมั่นคง

7 พ.ค. 2568

ถ้าศึกษา แล้วไม่กล้าตัดสินใจ  เปลืองเงิน เปล่าประโยชน์

ถ้าศึกษา แล้วไม่กล้าตัดสินใจ เปลืองเงิน เปล่าประโยชน์

6 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved