“ยังไม่เห็นประโยชน์ที่ชัดเจน เนื่องจากขณะนี้โลกมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งควรให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่ขาวสะอาด มากกว่าที่จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับธุรกิจสีเทา ควรจะหันไปส่งเสริม ภาคการท่องเที่ยวจากการตั้งศูนย์กลางเพื่อสุขภาพ เช่น Wellness Center ที่ไทยมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว”
ขอคัดเอาข้อความบางตอนที่ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวในงานผู้ว่าการพบสื่อมวลชน(Meet the Press) วันที่ 9 พฤษภาคม 2568
ซึ่งนับว่า เป็นการแสดงจุดยืนต่อโครงการสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์) ที่รัฐบาลกำลังออกแรงผลักดันอยู่ในขณะนี้ ได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด
สาเหตุที่ กาสิโนในร่างก.ม.สถานบันเทิงครบวงจร ถูกสื่อมวลชนนำไปเป็นประเด็นตั้งคำถามต่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เนื่องจากเวลานี้รัฐบาลได้ออกมาประกาศท่าทีอย่างแข็งกร้าวว่าจะผลักดันร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์) เข้าเป็นลำดับแรกเมื่อเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร
การกลับมากระเหี้ยนกระหือรือผลักดันร่างกฎหมายกาสิโนเข้าสภาดังกล่าว มีความชัดเจนขึ้นอีกครั้งภายหลังจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้สส.พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรเกี่ยวกับเรื่องกาสิโน ว่า มีเพียง 10% เท่านั้น
ก่อนหน้านั้นนายกรัฐมนตรี เพิ่งประกาศเลื่อนการนำเข้าพิจารณาในสภาไปเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตหลายด้าน ทั้งภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหวการเยียวยาผู้ประสบภัย และกรณีกำแพงภาษีสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งหาทางออกอย่างเร่งด่วนก่อน พร้อมยืนยันเปิดรับฟังทุกเสียงจากประชาชน
ผ่านไปเพียงเดือนเศษๆ ปรากฏว่า แกนนำ และสส.พรรคเพื่อไทยหลายคน ดาหน้าประสานเสียงว่า จากการลงพื้นที่พบสัญญาณที่ดี ประชาชนไม่ได้คัดค้าน โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สำทับว่า เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ คือตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวใหม่ ที่จะดึงเม็ดเงินมาลงทุนต่อจุดเป็นแสนๆ ล้านบาท
ครั้นเมื่อถามเรื่องข้อเสนอให้ทำประชามติคำตอบที่ได้จาก สส.พรรคเพื่อไทย กลับฟังดูแปลกแปร่งโดยเฉพาะนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ในฐานะประธานวิปรัฐบาลและประธาน สส.พรรคเพื่อไทย ที่อ้างว่า ตอนนี้กฎหมายประชามติยังไม่ผ่าน เพราะฉะนั้นต่อไปถ้ามีคนเรียกร้องว่าต้องทำประชามติทุกครั้ง แล้วเราจะออกกฎหมายได้หรือไม่ ตัว สส. คือตัวแทนประชามติแล้ว เพราะมาจากประชาชน
คำกล่าวอ้างดังกล่าว ด้านหนึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า รัฐบาลชุดกำลังคิดจะใช้อำนาจทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน ตัดตอนปิดกั้นกลไกการตรวจสอบของภาคประชาชน โดยไม่รับฟังเสียงทักท้วงภาคสังคม ทั้งที่โครงการดังกล่าวถูกตั้งคำถามไว้มากหลายทั้งเรื่องความโปร่งใส ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ การพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ หรือกลายเป็นแหล่งฟอกเงินการทุจริตทางการเมือง
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ก็สุ่มเสี่ยงเกิดทุจริตเชิงนโยบาย เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต เช่น คดีคลองด่าน คดีโฮปเวลล์ โครงการจำนำข้าว คดีทุจริตยา คดีปล่อยกู้พม่าของ EXIM Bank คดีสนามฟุตซอล ฯลฯ เห็นได้จากเรื่องปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นไทยอยู่ในระดับวิกฤต ล่าสุดอยู่อันดับ 107 จากจำนวนประเทศ 180 ประเทศทั่วโลก แย่กว่าอินโดนีเซีย และเวียดนาม
ฉะนั้นทางออกที่ดีตอนนี้คือ ต้องทำประชามติ ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา แต่หากรัฐบาลยังขืนดื้อแพ่ง คิดแต่จะใช้อำนาจตัดตอนผลักดันร่างกฎหมายกาสิโนให้ได้เพียงถ่ายเดียว โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของประชาชน นั่นเท่ากับว่า รัฐบาลกำลังท้าทายอำนาจของเจ้าของประเทศ และเชื่อว่าพลังต่อต้านนอกสภานั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าล้อเล่นแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี