“แพทองโพย”เป็นนายกรัฐมนตรีที่เหมือนเด็กน้อยผู้ไม่รู้จักกาลเทศะ..อ่อนด้อยเรื่องงานบริหาราชการแผ่นดิน..ทั้งไร้สติปัญญาและขาดวุฒิภาวะ..เอาแต่ใจตนเอง..ไม่เคารพในระเบียบแบบแผนใดๆ..ทั้งสิ้น..ถนัดแต่เรื่องต่อปากต่อคำ..เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์..หรือถูกผู้สื่อข่าวถามจี้ใจดำ..นับวันบุคคลในแวดวงต่างๆ..เริ่มอดรนทนไม่ไหว..ต้องลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็น
ไม่แน่ว่า..ในระยะเวลาอันใกล้นี้..อาจจะถูกประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่..เพราะ“แพทองโพย”ก็คือตัวแทนของ“ระบอบทักษิณ”..ที่มีอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ..ชินวัตร..เป็นผู้ชักใย..และแต่ละเรื่องของชาติบ้านเมืองที่ทำ..มักจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเรื่องส่วนตัวของวงศ์วานว่านเครือตระกูลชินวัตร..ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้ประชาชนมิอาจไว้วางใจได้
การจับมือของ“สนธิ..ลิ้มทองกุล”..ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ..และเจ้าของรายการสนธิทอล์ค..อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย..(พธม.)..กับ..“จตุพร..พรหมพันธุ์”..วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน..อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ..(นปช.)..บนเวทีอภิปราย“ความจริงมีหนึ่งเดียว”..ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์..เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา..ถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ชัดเจน
“จตุพร พรหมพันธุ์”ที่เคยยืนอยู่ข้าง“ทักษิณ ชินวัตร”..และขับเคี่ยวกับมวลชนคนเสื้อเหลืองในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย..กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีว่า..“เชื่อว่าตลอดระยะเวลา 20 ปีมานี้..ภาพที่ท่านทั้งหลายได้เห็นขณะนี้..ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น..เพราะคำว่าทวงความถูกต้องให้กับคนไทยเป็นหัวใจหลักนำพาให้ได้มาพบกับสนธิ..ลิ้มทองกุล..ในวันนี้..ซึ่งคุณสนธิได้ชวนผมในขณะที่พบกันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว..ว่าเราจะได้มีโอกาสถ้อยแถลงพร้อมกัน..โดยผ่านมา 7 ปีเพิ่งประสบความสำเร็จในวันนี้”
“จตุพร พรหมพันธ์”ยังกล่าวด้วยว่า..“วันนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่ทักษิณกลับมาประเทศไทย..และทำให้แต่ละฝ่ายสามัคคีกันโดยไม่ได้นัดหมาย..เรื่องราวของบ้านเมืองจากนี้ไป..ภาคประชาชนต้องให้กำลังใจกัน..เราเจอการบริหารประเทศแบ่งแยกและปกครอง..รัฐบาลทั้งโลก..และประเทศไทย..ล้วนแต่ชั่วทั้งสิ้น..วิธีจัดการรัฐบาลนี้คือประชาชนต้องสามัคคีเท่านั้น”
และอีก 5 ย่อหน้าถัดจากนี้..ที่“จตุพร พรหมพันธุ์”ซึ่งหันหลังให้“ทักษิณ ชินวัตร”..ผู้เคยปลุกปั่นหลอกใช้มวลชนคนเสื้อแดงมาตลอด..ตั้งแต่ยุยงให้ นปช.“เผาบ้านเผาเมือง”จากการชุมนุมขับไล่รัฐบาล“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”..ระหว่างปี 2552-2553..และหลอกแม้กระทั่งกล่าวผ่านระบบวิดีโอลิงค์ขึ้นจอภาพบนเวทีชุมนุม..นปช.หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2552..ว่า “ถ้าเมื่อไหร่เสียงปืนแตก..ทหารยิงประชาชน..ผมจะเข้าไปนำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพฯทันที",..ลองอ่านดูเป็นคำพูดที่ชัดเจนของ“จตุพร”อดีตประธาน..นปช.ที่เคยถูกทักษิณ“เท”มาแล้ว
“เราต้องยอมรับความจริงว่า..บ้านเมืองเดินมาถึงจุดเสียหายครบทุกด้าน..เลยคำว่าปฏิรูป..อาจถึงขั้นการปฏิวัติและล้างบางกันใหม่..โดยยึดแนวทางสร้างสถาบันหลักของชาติและประชาชนให้แข็งแรง..เพราะแต่ละขบวนการเราหาสิ่งที่ถูกต้องไม่เจอ..กล่าวอ้างประชาธิปไตยเพียงแค่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง..ซึ่งก่อนหน้านั้นมีการซื้อเสียงตั้งแต่ระดับผู้ใหญ่บ้าน..แต่กลับอธิบายว่าเป็นประชาธิปไตย”
“ขณะนี้มีการตั้งคำถามว่า..ทักษิณจะหนีหรือไม่..หรือมีการหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือยัง..ซึ่งส่วนตัวไม่อยากให้หนี..อยากให้ได้ซึมซับบรรยากาศอย่างที่ผมและคุณสนธิได้ซึมซับในเรือนจำ..ตลอดเวลาที่ผ่านมา..ไม่มีคนไทยคนไหนได้รับโอกาสเหมือนทักษิณอีกแล้ว..และเขาไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว..และหากเขายอมรับตามที่ได้เขียนถวายฎีกา..คนก็ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะหนีหรือไม่”
“หัวใจหลักที่คนออกมาต่อสู้กับทักษิณ..คือการปฏิบัติสองมาตรฐานและอภิสิทธิ์ชน..ซึ่งทักษิณทำครบทุกข้อ..ที่ผ่านมาเราได้เห็นความเป็นทักษิณ..ผู้สนับสนุนหูตาสว่างมากขึ้น..เพราะการกระทำทั้งหมดเป็นการทำลายตัวเองอย่างย่อยยับ..ไม่มีใครไปทำอะไรเขา..ตอนอยู่ต่างประเทศกระแสนิยมสูง..เพราะเห็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรม..แต่เมื่อกลับมาประเทศไทยตั้งแต่ 22 สิงหาคม 2566..จนถึงวันนี้..คนไทยได้เห็นความเป็นตัวตนของทักษิณครบถ้วน”
“วันนี้ถึงเวลาของประชาชน..ที่เห็นบ้านเมืองไม่ถูกต้อง..ผิดทำนองคลองธรรม..ประเทศนี้เป็นของเรา..ต้องมีสิทธิ์กำหนดอนาคต..ไม่ใช่ให้ทักษิณคิดคนเดียว..แต่ประชาชนสามารถคิดในแผ่นดินนี้ได้เหมือนกัน..และสุดท้าย..เวลาที่ต้องการความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจมาถึงแล้ว..วันนี้ผมและทนายนกเขา..(นิติธร ล้ำเหลือ)..พร้อมร่วมมือกับคุณสนธิ เรื่องชาติบ้านเมือง..เพื่อร่วมเปลี่ยนประเทศไทยไปด้วยกัน”
“หลังวันที่ 13 มิถุนายนนี้..บ้านเมืองนี้คงเจริญและรวดเร็วขึ้นทุกกระบวนการ..เพราะผลนั้นจะเป็นน้ำมันหล่อลื่น..เรื่องที่หนืดใน กกต. ผู้ตรวจการแผ่นดิน..หรือ ป.ป.ช. จะมีความรวดเร็วมากขึ้น..เพราะทุกขบวนการทำหน้าที่จะเริ่มต้นในการคิดใหม่..แต่ถ้าทุกคนรอคนใหม่มาทำหน้าที่..จะทำให้บ้านเมืองจะย่อยยับ..ผมมองว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยน..แต่ปัญหาคือจะเปลี่ยนไปเป็นแบบเดิมได้หรือไม่..ขออย่าหนีจิ้งจกมาเจอตุ๊กแก”
สรุปไว้ตรงบรรทัดนี้-13 มิถุนายนเดือนหน้า..คือวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง..นัดไต่สวนคดี“ป่วยทิพย์-ชั้น 14”..โดยเรียกโจทก์ คือ ป.ป.ช. และจำเลย คือ “ทักษิณ ชินวัตร”..พร้อมด้วยผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร, อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ..ให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล..จึงทำให้มีการจับตาว่า..“ทักษิณ”จะไปศาลหรือไม่..หรือว่า“หนีไปแล้ว”
แม้ว่า“แพทองโพย”จะยืนยันล่าสุดกับผู้สื่อข่าว..หลังเดินทางกลับจากโมนาโกเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า..“ยังอยู่ค่ะ”..ซึ่งหมายถึงบิดาของเธอยังกบดานอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าก็ตาม..แต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่เชื่อ
เพราะ“สัจจะ”ไม่มีในหมู่คน“ตระกูลชินวัตร” !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี