การเมืองคือเรื่องของความเชื่อ หากประชาชนในสังคมเริ่มมีทัศนคติที่ไม่อาจยอมรับนับถือ หรือ ไม่มีความเชื่อมั่นต่อประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล หรือผู้นำรัฐบาลนั้นๆ แล้ว นั่นคือสัญญาณเตือนอันตรายที่บ่งบอกว่า สถานการณ์ทางการเมืองกำลังเดินทางเข้าสู่จุดอับตัน เฉกเช่นรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กำลังเผชิญหน้าอยู่ในเวลานี้
รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย เพิ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมายังไม่ถึงขวบปี นับแต่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ท่ามกลางคำถามและการเฝ้าจับตาดูจากทุกๆ ฝ่ายด้วยความรู้สึกแปลกแปร่ง ด้วยโปรไฟล์ของเธอนั้นเป็นผู้นำการเมืองรุ่นใหม่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์
แล้วในที่สุดรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ได้สร้างประวัติศาสตร์ทางการเมืองขึ้นอีกหน้าหนึ่ง นั่นคือ บั่นทอนความเชื่อมั่นในการบริหารราชการแผ่นดินให้ทรุดต่ำลงได้อย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ เริ่มตั้งแต่การตระบัดสัตย์จัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว เรื่อยมาจนถึงนโยบายหลักๆ เร่งด่วน ที่เคยประกาศหาเสียงเอาไว้อย่างสวยหรู แต่เอาเข้าจริงหลังจากรับไม้ต่อจากรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน ก็ยังหาผลงานเป็นรูปธรรมไม่เจอ
ในทางกลับกันนโยบายเร่งด่วนที่ถูกคาดหวังว่า จะเป็นผลงานอุ้มชูรัฐบาล อย่างเช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ตทั้งเฟส 1 และเฟส 2 นั้น ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า ก้อนเงินภาษีกว่า 1.5 แสนล้านบาท ถูกนำไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ แม้แต่ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน สันติภาพชายแดนใต้ ส่งเสริมท่องเที่ยว โครงการแลนด์บริดจ์ การผลักดัน พ.ร.บ. SEC และซอฟท์พาวเวอร์ ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
แม้แต่นโยบายนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษี-ใต้ดินเข้าสู่ระบบ ผ่านการผลักดันในโครงการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ได้กลายเป็นประเด็นเรียกแขก โดนกระแสสังคมทุกฝ่ายออกมาต่อต้านกันทั่วบ้านทั่วเมืองจนต้องพับเก็บไประยะหนึ่ง ก่อนประกาศนำเอากลับมาท้าทายสังคมเตรียมผลักดันกลับเข้าสภาฯในสมัยประชุมนี้อีกรอบ
ก่อนหน้านี้ ซูเปอร์โพล ได้เคยออกมาเปิดเผยถึงผลสำรวจความคิดเห็น ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่กำลังรู้สึกถึงทางตัน ทั้งจากปัญหาความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล ปัญหาในวุฒิสภา ปัญหาส่วนตัวของนักการเมืองใหญ่ ปัญหาความไม่เชื่อมั่นองค์กรอิสระ และความรู้สึกว่ามีการเลือกปฏิบัติ สะท้อนถึงจุดเปราะบางในระบบการเมืองไทย
“ผลโพลล์นี้สะท้อนภาพวิกฤตศรัทธาที่ลึกซึ้งกว่าความขัดแย้งทั่วไป เพราะประชาชนไม่เพียงรู้สึกหมดหวังต่อผู้มีอำนาจ แต่ยังไม่เห็นทางออกจากระบบเดิมๆ ที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง น่าสังเกตว่าประชาชนส่วนใหญ่ ไม่สามารถคาดเดาอนาคตของการเมืองไทยได้เลย ซึ่งตอกย้ำสภาพ ความไม่มั่นคงทางการเมือง และการขาดวิสัยทัศน์หรือความหวังที่ชัดเจนจากผู้นำ” ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ระบุ
หรือแม้แต่ผลสำรวจล่าสุด ก็ยังเห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 81.9 รู้สึกเบื่อการเมือง ชี้ให้เห็นถึงภาวะวิกฤตศรัทธาทางการเมืองอย่างรุนแรง ซึ่งเกิดจากการรับรู้ซ้ำซากถึงพฤติกรรมของนักการเมืองที่ไม่ต่างจากอดีต รู้สึกว่าเหมือนถูกหลอกซ้ำซาก และการเลือกตั้งไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร สะท้อนสภาวะการหมดศรัทธาต่อระบบการเมืองในระดับสูงที่สุดในรอบหลายปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อความรู้สึกหมดหวังต่อผู้มีอำนาจ ไหลรวมกันกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลไม่สามารถเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องได้อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้วิกฤตศรัทธาต่อผู้นำยิ่งจมดิ่งเกิดกระแสระบาดยกระดับการเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หรือยุบสภาเกิดขึ้น
วิกฤตศรัทธาต่อผู้นำทางการเมือง เป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่ควรมองข้าม และคิดเพียงแต่ว่าเป็นเกมการเมือง หรือความอคติทางการเมืองของฝ่ายต่อต้าน เพราะนั่นคือสิ่งที่อันตรายมากๆ ต่อสถานการณ์ที่กำลังเปราะบางเช่นนี้ เนื่องจากสิ่งที่จะตามมาก็คือการนำไปสู่จุดปะทุสร้างความแตกแยกและความขัดแย้งของกลุ่มคนในสังคมที่เห็นต่างจนอาจบานปลายเหมือนในอดีต
ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมประเทศชาติให้เกิดความเสียหายมากยิ่งขึ้นไปอีก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี