หลังจากที่เด็กชายอาเธอร์ดึงดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ขึ้นมาจากแท่งศิลาศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จแล้วเวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหกถึง 15 ปี กษัตริย์อูเธอร์แห่งเวลส์ก็ได้สิ้นพระชนม์

ราชสมบัติก็ตกเป็นของอาเธอร์ผู้เป็นรัชทายาท โดยกษัตริย์อาเธอร์ได้แต่งตั้งพ่อมดเมอร์ลินเป็นที่ปรึกษาคู่บัลลังก์ เช่นเดียวกับกษัตริย์รุ่นปู่และรุ่นพ่อที่เคยวางใจพ่อมดคนนี้

จากนั้นมา กษัตริย์อาเธอร์จะยกกองทัพไปรบที่ไหน ก็จะได้ชัยชนะทุกศึกจนสามารถรวมแคว้นต่างๆ ในอังกฤษให้เป็นเกรทบริเตนได้สำเร็จ

ความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์อาร์เธอร์นั้น นอกจากมาจากเวทมนตร์สุดขลังของพ่อมดเมอร์ลิน ยังเกิดจากนักรบระดับอัศวินมากมาย แต่ที่เป็นสุดยอดของยอดอัศวิน ได้แก่ “12 อัศวินโต๊ะกลม” ที่กษัตริย์อาเธอร์ให้ทุกคนมีศักดิ์ศรีเทียบเท่ากับตนผู้เป็นราชาในการประชุมที่โต๊ะกลมดังกล่าว

ตำนานอัศวินโต๊ะกลม วันนี้ได้แปรรูปมาเป็นครม.ของรัฐบาลทุกประเทศในโลก ที่การโหวตคะแนนเสียงในที่ประชุมเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ทุกเสนาบดีต่างมีหนึ่งเสียงเท่ากัน เหมือนอัศวินโต๊ะกลม

ดูหนังดูละครและอ่านตำนานพ่อมดเมอร์ลินแล้ว ให้เหลียวมาดูการเมืองของสารขัณฑ์ในยุคนี้ 93 ปีที่ผ่านมาก็เกิด “พ่อมดทางการเมือง” มากมายที่แวดล้อมอยู่รอบกายผู้นำประเทศมาแล้ว และต่างรับใช้ผู้นำไม่ผิดไปจาก “พ่อมดเมอร์ลิน”

ถ้าจะให้ระบุว่า พ่อมดทางการเมืองของสารขัณฑ์คนใด เป็นเสนาบดีอย่างยาวนานที่สุด และเป็นผู้รับใช้ผู้นำสารขัณฑ์ทั้งที่มาจาก “ขุนศึกรถถัง”และมาจาก “การเลือกตั้ง” คงต้องระบุว่า “พ่อมดที่สุดปัง” ได้แก่ “พ่อมดวังน้ำยม”

สงครามสุดดังในสารขัณฑ์วันนี้ คือ “นิติสงครามชั้น 14” ใน “ศึกเทวดาป่วยทิพย์”โดยมี “3 หมอสุดซ่า” เป็นผู้ช่วยให้ “เทวดาป่วยทิพย์”กลายเป็น “เทวดาป่วยวิกฤต” จนเทวดาไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว

แล้วจู่จู่ “3 หมอคนดัง” ก็ถูกเช็คบิลโดยแพทยสภา ในความผิด “ขาดจริยธรรมในอาชีพแพทย์”

แต่ทั้ง 3 หมอ ยังมีสิทธิ์ “รอดตาย” เพราะบัดนี้เรื่องการถูกเช็คบิล“ได้ไปถึงมือพ่อมดวังน้ำยม” ที่เป็นเสนาบดีกระทรวงหมอ

ชาวสารขัณฑ์ ต่างจับตาดูมองตาจ้องว่า “พ่อมดวังน้ำยม” กล้าที่จะเป่ามนต์สุดขลัง “เพี้ยง เพี้ยง เพี้ยง” เพียงสามเพี้ยงเท่านั้นให้ 3 หมอรอดตาย ซึ่งจะพลอยทำให้ “เทวดาชั้น 14 รอดบ่วงกรรมไปด้วย”

“พ่อมดวังน้ำยม กล้าปกป้อง 3 หมอและ 1 เทวดาให้รอดพ้นจากความตายในนิติสงครามป่วยทิพย์ชั้น 14 หรือไม่?”

ถือเป็นงาน “สุดท้าทายพ่อมดวังน้ำยมในนิติสงครามครั้งนี้?”

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม