การเมืองการปกครองในระบอบเผด็จการมีหลายรูปแบบ เช่น เผด็จการทหาร เผด็จการพรรคเดียว เผด็จการเสียงข้างมากในสภา เผด็จการผู้นำนำพา เผด็จการราชวงศ์การเมือง เป็นต้น
ในประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัย ชาวโลกก็ได้สัมผัสกับการล่มสลายของเผด็จการเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ที่ฟิลิปปินส์ เผด็จการซูฮาร์โตที่อินโดนีเซีย เผด็จการมูบารัก ที่อียิปต์ เผด็จการกัดดาฟี่ที่ลิเบีย เผด็จการซัดดัม ฮุสเซนที่อิรัก เผด็จการอัล อัสซาด ที่ซีเรีย และเผด็จการฮาสินาที่บังกลาเทศ แต่ทั้งหมดต่างก็ล้มหายตายจากไปตามๆ กัน
บัดนี้ก็มีข่าวหนาหูเพิ่มขึ้นเป็นลำดับว่า มีการเคลื่อนไหวที่ประเทศจีนที่จะถอดถอนประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ออกจากตำแหน่ง อีกทั้งที่กัมพูชาใกล้บ้านเรา การผูกขาดอำนาจของตระกูลฮุน ก็เริ่มถูกท้าทาย บ่งบอกว่าเผด็จการใดๆ แม้จะยาวนานเป็นสิบๆ ปี แต่ก็ไม่สามารถจะยั่งยืนได้ ด้วยผู้นำหรือกลุ่มผู้นำเผด็จการทั้งหลายก็ไม่สามารถที่จะทนสังขารอยู่ยงคงกระพันไปได้ และเมื่อจำเป็นที่จะต้องถ่ายทอดอำนาจให้กับลูกหลาน วงศาคณาญาติ ก็มักจะเป็นไปว่าบรรดาผู้รับช่วงต่อไปขาดบารมี และไม่มีฝีไม้ลายมือ ระบอบเผด็จการที่สืบทอดมาก็ต้องล้มหายตายไปในที่สุด
ยิ่งเมื่อเอาเรื่องเผด็จการมาเทียบกับระบอบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตย ก็จะเห็นว่าระบอบประชาธิปไตยสามารถจะมีความยั่งยืนต่อเนื่องไปได้ เพราะระบอบประชาธิปไตยอำนวยให้มีการปรับตัวปรับเปลี่ยนปรับปรุงแก้ไขอุปสรรคและข้อบกพร่อง เพื่อให้ประชาธิปไตยดีขึ้นและคงอยู่ต่อไปได้ เพราะประชาชนพลเมืองสามารถร่วมกันปรึกษาหารือ หาข้อยุติ กำหนดวิธีแนวทางการแก้ไข และกำหนดทิศทางสาระเนื้อหาให้ดีขึ้นได้ ขณะที่ระบอบเผด็จการเมื่อผู้นำคลายความขลัง หมดแล้วก็หมดไป
ทั้งนี้ การจะออกมากล่าวว่าเพราะระบอบประชาธิปไตยมีประเด็นปัญหาต่างๆ นานา จึงควรจะยกเลิกเสีย แล้วนำเอาระบอบเผด็จการมาใช้จะดีกว่า ก็คงเป็นความคิดที่ค่อนข้างจะโง่เขลา เบาปัญญา เพราะเหตุใดจึงจะต้องมีความคิดเชิงชวนเชิญให้ประชาชนพลเมืองต้องมารับการกดขี่ การขู่บังคับ การลิดรอนสิทธิเสรีภาพ และการตกอยู่ในอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว
ในเมื่อประชาธิปไตยมีความยืดหยุ่นอยู่ในตัวและแก้ไขได้ และอำนวยให้ประชาชนพลเมืองสามารถร่วมกันเป็นเจ้าของประเทศ เจ้าของอำนาจ และกำหนดทิศทางของประเทศได้ ด้วยความเป็นอิสรเสรี เป็นตัวของตัวเอง
ประเทศไทยในช่วงประมาณ 90 กว่าปีที่ผ่านมา ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองราชอาณาจักรไทยก็ล้มลุกคลุกคลาน ประสบความสำเร็จบ้าง ถดถอยบ้าง กับการสร้างและเสริมระบอบประชาธิปไตยให้รุดหน้า มีความเป็นสากล แต่ก็ยังคืบหน้าไปไม่ได้ตามความคาดหวังและตามศักยภาพความสามารถของปวงชนชาวไทย เพราะสังคมไทยยังมีประเด็นปัญหาในเรื่องระบบความคิด ความเชื่อถือ เชื่อมั่นในเรื่องประชาธิปไตยว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับสังคมไทย อีกทั้งยังมีกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ที่เห็นว่าการเป็นประชาธิปไตยเต็มใบของไทย จะทำให้พวกตนเสียความเป็นอภิสิทธิ์ชนและเสียผลประโยชน์ที่มีอยู่ บางกลุ่มบางคนของพวกอภิสิทธิ์ชนเหล่านี้ก็ยังคิดว่า ประเทศชาติควรจะต้องนำโดยพวกตน ที่มีทรัพย์สมบัติ มีการศึกษา มีชาติเชื้อวงศ์ตระกูล ที่มีความพร้อมและอยู่ในฐานะที่จะนำพาประเทศชาติได้ โดยเห็นว่าประชาชนพลเมืองส่วนใหญ่ขาดความรู้ ขาดความสามารถ และคิดอ่านด้วยตนเองมิได้
แต่ความดังกล่าวมิสามารถที่จะขวางกั้นความปรารถนาของปวงชนชาวไทยส่วนใหญ่ที่อยากจะมีชีวิตอยู่ภายใต้ร่มเงาของความเป็นประชาธิปไตย มีความพร้อมและมีความตั้งอกตั้งใจตั้งมั่นอย่างไม่ลดละในการที่จะร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อให้ได้มาซึ่งสังคมประชาธิปไตยแบบสมบูรณ์แบบ และปล่อยให้เรื่องเผด็จการเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ และไม่มีทางได้ผุดได้เกิดอีก
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี