กัมพูชาละเมิดข้อตกลงกรุงกัวลาลัมเปอร์“หยุดยิงไม่มีเงื่อนไข”โดยเปิดศึกยิงถล่มใส่ไทยไม่ยั้งในหลายพื้นที่ ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนทั้งที่ข้อตกลงขีดเส้นตายให้ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาหยุดยิงตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมาขณะที่ไทยรักษาข้อตกลงโดยปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
แล้วจากนี้ไปเราจะเชื่อกัมพูชาได้อย่างไร และอันที่จริงก็ไม่เคยเชื่อใจได้แม้แต่ครั้งเดียวซึ่งนอกจากจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง“หยุดยิงไม่มีเงื่อนไข” ที่มี“อันวาร์ อิบราฮิม”นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ทำหน้าที่เป็นกรรมการและมีผู้แทนสองขั้วมหาอำนาจคือสหรัฐฯกับจีนเป็นสักขีพยาน ปรากฏว่ากัมพูชาก็ยังโกหกหลอกลวงโลกว่ากัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลง
พล.ท.(หญิง)มาลี โสเจียตา ผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมและและโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงข่าวเมื่อเช้าวันที่ 29 กรกฎาคม ว่าทั้งไทยและกัมพูชาได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงและไม่มีเสียงปืนดังขึ้นตามชายแดนระหว่างสองประเทศแล้วนับตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยงคืนเข้าสู่วันที่ 29กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่ง“นางดอกไม้”ชาวเขมรผู้นี้โกหกแบบหน้าตายว่า “ไม่มีเสียงปืนดังขึ้นในพื้นที่ชายแดนนับตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน นี่ถือเป็นก้าวแรกที่ประสบความสำเร็จในการหยุดยิง”
ขณะที่ทางกองทัพไทย โดย พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงว่าทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ และปรากฏว่าในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิงฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุดถือเป็นการกระทำที่จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่นที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน
โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทยกล่าวว่า กองทัพไทยขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชาและขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกรานแต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน
พล.ต.วิทัย ลายถมยา กล่าวว่า เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด โลกต้องได้รับรู้ว่ากัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากลไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใดๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลกและเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก
จากนี้ไปก็ต้องดูอีกว่า อสรพิษเขมรที่มีผู้นำอย่าง“ฮุน เซน”ซึ่งเป็นทรราชที่กระหายสงครามจะละเมิดข้อตกลงอย่างไร หลังจาก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กับ ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4ฝ่ายกัมพูชา ได้มีข้อตกลงร่วมกัน 7 ข้อ ภายหลังการประชุมเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมวานนี้ ที่บริเวณช่องจอมจังหวัดสุรินทร์
คือ หยุดยิง, ห้ามยิงต่อประชาชน, หยุดเพิ่มเติมกำลัง, ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง,อำนวยความสะดวกในการส่งกลับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต, จัดตั้งชุดประสานงานเพื่อแก้ปัญหาฝ่ายละ 4 คนและรอการหารืออีกครั้งตามผลการประชุม GBC ในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ซึ่งกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ
จะอย่างไรก็ตาม ภายใต้การบาดเจ็บล้มตายของทหารผู้หาญกล้าของกองทัพไทยที่ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชนพลเมืองไทยผู้บริสุทธิ์ที่ต้องบาดเจ็บล้มตายจำนวนไม่น้อยรวมทั้งต้องอพยพหลบหนีภัยสงครามไปอยู่สถานที่พักพิงเกือบ 2 แสนคน จากการก่อสงครามโดย“ฮุน เซน”และ“ฮุน มาเนต” สองพ่อลูกผู้กระหายเลือดนั้น กลับกลายเป็นว่า บนความ“โศกเศร้าอาดูร”ของคนไทยแต่คือชัยชนะและความยินดีปรีดาของประเทศต่างๆ ที่ไม่ต่างจาก“ฝูงอีแร้ง”ที่บินลงมารุมทึ้งจิกกิน“ซากศพ”
หนึ่งในนั้นก็คือ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกาที่กำลังสะสมแต้มเพื่อหวังรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ (Nobel Peace PrizeX) โดยพูดผ่าน“ภูมิธรรม เวชยชัย”บริวารรับใช้ของ“ทักษิณ ชินวัตร” ด้วยการชื่นชมว่า ไทยมีความกล้าหาญ สามารถยุติความรุนแรงพร้อมทั้งโยน“เศษกระดูก”เกี่ยวกับ“ภาษีตอบโต้”ที่สหรัฐฯตั้งไว้ 36 เปอร์เซ็นต์ อันจะมีผลในวันที่ 1สิงหาคมนี้ว่า จะได้มอบหมายให้ทีมเจรจาภาษีได้หารือกัน และเชื่อว่าจะเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย
แต่อะไรก็ไม่น่าแค้นใจเท่ากับ การแสดงออกของ“ฮุน เซน”ผู้เป็นอาชญากรสงคราม ที่เสมือนอสรพิษจากการโพสต์ข้อความส่อแสดงเจตนาด้วยการจูบก้น“โดนัลด์ ทรัมป์”เพื่อหวังผลให้มีการลดกำแพงภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมวานนี้ว่า“ข้าพเจ้าอยากขอแสดงความขอบคุณต่อ ฯพณฯ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ความคิดริเริ่มอันมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ในการสร้างข้อตกลงหยุดยิงและสันติภาพระหว่างกัมพูชากับไทยความคิดริเริ่มนี้คือความสำเร็จครั้งใหญ่ ที่ช่วยชีวิตนับไม่ถ้วนทั้งในกัมพูชาและในไทย”
และอีกสองย่อหน้าจากโพสต์ของ“ทรราชผู้กระหายสงคราม”, จอมเจ้าเล่ห์แห่งเขมรที่ชื่อ “ฮุน เซน”ซึ่งไม่มีทางที่ไทยจะไว้วางใจได้-ดังนี้
“ข้าพเจ้าอยากขอขอบคุณ ฯพณฯ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ผู้ช่วยจัดเตรียมสถานที่ประชุมและอำนวยความสะดวกให้กับการทำข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้ ข้อตกลงหยุดยิงและสันติภาพดังกล่าวกำลังก่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกและมีประสิทธิภาพ”
“ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณมิตรสหายชาวจีนสำหรับการสนับสนุนเช่นเดียวกับมิตรประเทศทั้งหลายที่ให้การรับรองข้อตกลงหยุดยิงนี้ข้าพเจ้ายังอยากขอขอบคุณประชาชนชาวกัมพูชาและชาวไทย ตลอดจนกองทัพของทั้งสองประเทศสำหรับการสนับสนุนอย่างมั่นคงในกระบวนการสันติภาพนี้”
สรุปแล้ว โศกนาฏกรรมของมนุษยชาติ จากปัญหาข้อพิพาทระหว่าง“ไทย-กัมพูชา”ที่สองพ่อลูก“ตระกูลฮุน”เปิดฉากก่อสงครามในครั้งนี้นั้น จบลงแบบ“วิน-วิน”ด้วยผลประโยชน์ของทุกฝ่ายซึ่งชีวิตของทหารและประชาชนทั้งไทยและกัมพูชากลายเป็นเหยื่อบริสุทธิ์ที่ถูก“สังเวย”บนโต๊ะเจรจาหยุดยิงแบบเทียมๆ
“ทรัมป์”ได้คะแนนสะสมแต้มเพื่อรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ,“อันวาร์”ได้ภาพของประธานอาเซียนที่สามารถจัดการแก้ปัญหาข้อพิพาทของประเทศสมาชิกได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น, และรวมทั้งจีน อย่างน้อยยังรักษาพื้นที่ในภูมิภาคนี้โดยไม่เสียรังวัดให้แก่สหรัฐฯคู่ปรับสำคัญ
ที่ได้ประโยชน์เต็มๆ ก็คือ“ฮุน เซน”ผู้ก่อสงครามเพื่อแสวงหากำไรจากสงครามที่จะได้รับการลดกำแพงภาษีของสหรัฐฯซึ่งถูกตั้งไว้ในตอนแรก 49 เปอร์เซ็นต์ และลดลงมาเหลือ 36 เปอร์เซ็นต์เท่ากับไทย จากการประกาศของสหรัฐฯครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมาอีกทั้งสหรัฐฯยังเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา และเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองรองจากจีน ทั้งนี้การส่งออกของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯ มีมูลค่า 1.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567
ทรราชอย่าง“ฮุน เซน”นั้น ไม่ได้สนใจเลือดเนื้อและชีวิตของทหารและประชาชนชาวเขมรจากการก่อสงครามครั้งนี้ เท่ากับความสำคัญที่เป็นผลประโยชน์ของ“ตระกูลฮุน”และก็เฉกเช่นเดียวกันกับ“ตระกูลชิน”ของไทย !
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี