มีคนไทยจำนวนไม่น้อยในประเทศนี้ที่เขาเห็นว่า..วันนี้ไม่มี สส.หรือสภานิติบัญญัติ..ประเทศไทยก็เดินไปได้โดยระบบราชการ..ที่มีทหารและฝ่ายปกครองเป็นตัวขับเคลื่อน..โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเสาหลักของประเทศ
ทุกวันนี้ มี สส.500 จำพวกอยู่ในสภาฯ..กลับกลายเป็น“ขยะ”รกหูรกตา.. มิหนำซ้ำประชาชนที่บุคคลเหล่านี้มักใช้แอบอ้างหากิน..แต่ไม่เคยเห็นหัวในทางปฏิบัตินั้น..จะต้องเสียเงินภาษีปีละหลายพันล้านบาทคอยเลี้ยงดู..เหมือน“เลี้ยงสัตว์เลี้ยง”ที่น่ารังเกียจและไว้วางใจไม่ได้เอาไว้ในบ้าน
เลี้ยงไม่เลี้ยงเปล่า..ยังต้องเสียเงินอีกหลายพ้นล้าน..เช่นการเลือกตั้งล่าสุดปี 2566 ใช้เงินทั้งหมด 5.9 พันล้านบาท..เพื่อให้ สส.500 จำพวกเหล่านี้เข้าไปเป็นผู้ทรงเกียรติ..อยู่ในอาคารใหญ่โตมโหฬารริมแม่น้ำเจ้าพระยา..ที่เสียเงินค่าก่อสร้าง 2.29 หมื่นล้านบาท..เมื่อเข้าไปเป็น สส.แล้ว..นอกจากเงินเดือนคนละ 1.13 แสนบาทต่อเดือน (เงินประจำตำแหน่งกับเงินเพิ่ม)..ก็ยังมีสวัสดิการ.. รักษาพยาบาลฟรี..ขึ้นเครื่องบินรถไฟเบิกเงินได้..มีเบี้ยประชุม..มีค่าอาหารโดยเฉลี่ยอีกหัวละ 1 พันบาทในวันประชุม..และเมื่อนพ้นตำแหน่งไปแล้วก็ยังมีเงินบำนาญอีกด้วย
คิดแล้วก็เศร้าใจ บ้านเมืองของเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรในศตวรรษที่ 21 ที่ “AI” หรือ“ปัญญาประดิษฐ์” สามารถคิดวิเคราะห์แยกแยะแทนมนุษย์ได้..แต่บรรดา สส. ซึ่งพูดตามภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่า..“ยังกัดกันอย่างกับหมา”..โดยที่ไม่รู้สึกละอายใจหรือเกรงใจเจ้าของบ้าน..ที่ต้องเสียเงินเสียทองเลี้ยงดู..ชนิดที่ไม่เคยสนองคุณอะไรให้เลยแม้แต่น้อย
ปัญหากัมพูชารุกรานไทย..โดยสองพ่อลูกทรราชแห่งเขมร“ฮุน เซน-ฮุน มาเนต”..ที่มีผลสะเทือนถึงกับทำให้“แพทองธาร ชินวัตร”..ลูกสาวสุดเลิฟสุดรักคนสุดท้องของ“ทักษิณ ชินวัตร”เกลอเก่าเพื่อนสนิทของ“ฮุน เซน”..ต้องกระเด็นตกจากเก้านี้นายกรัฐมนตรีนั้น..เวลานี้ก็มีแต่กองทัพเท่านั้น..ที่เป็นองค์กรหลักในการบริหารจัดการ..จึงสามารถ“สยบ”กัมพูชาได้ในระดับหนึ่ง..ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการที่ไร้หัวไร้หางแต่อย่างใด
อีกปัญหาหนึ่ง..ที่เป็นปัญหาเดือดร้อนส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนในเวลานี้..คือปัญหา“อุทกภัย”ในหลายๆ จังหวัด..อันเนื่องมาจากฝนตกหนักต่อเนื่อง..โดยเฉพาะที่อำเภอหล่มสัก..จังหวัดเพชรบูรณ์..ซึ่งภาพ“น้ำใจที่มากับสายน้ำ”..ไม่ใช่ สส.ในพื้นที่..หรือรัฐบาลที่ประชาชนเลี้ยงไว้เปลืองข้าสุก..แต่เป็นทหารจาก มทบ.36..กับประชาชนจิตอาสา..และข้าราชการทุกหน่วยในพื้นที่..ที่ลุยน้ำออกไปช่วยชาวบ้านผู้ประสบภัยพิบัติ
ถามว่า..สส.ที่ปากชอบอ้างประชาชนบังหน้า..และรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่โดยตรงนั้น..“หายหัว”ไปไหนกันหมด..คำตอบที่เห็นตามหน้าสื่อ..ก็คือกำลัง“กัดกัน”เพื่อแย่งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี..ดูแล้วก็ได้แต่รู้สึกสังเวชใจ..ทั้งๆ ที่ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องหลักที่จะต้องพักเรื่องอื่นไว้ก่อน
วันนี้หากจะถามว่า..มี“สส.และรัฐบาล”ไว้ทำอะไร..คงตอบได้คำเดียวว่า“เลี้ยงเปลืองข้าวสุก”
กลับมาดูเรื่องนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน“แพทองธาร ชินวัตร”..ซึ่งขับเคี่ยวกันอยู่ 2 ฟาก..คือพรรคเพื่อไทย 140 เสียง..กับพรรภูมิใจไทย 69 เสียง..โดยมีพรรคประชาชน 143 เสียงเป็นตัวแปร..ว่าจะถือหางโหวตให้ฝ่ายใด
พรรคภูมิใจนั้นถือว่านิ่งแล้ว..หลังจากนายภูมิธรรม เวชยชัย..ในฐานะหัวหน้าพรรค..และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย..พร้อมด้วยนายไชยชนก ชิดชอบ..เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย..และนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย..ไปพบปะเจรจากับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ที่พรรคประชาชนมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา
โดยพรรคภูมิใจไทยยอมรับเงื่อนไข 3 ข้อของพรรคประชาชนอย่างไม่มีเงื่อนไข ..ซึ่งสองข้อสำคัญ..ก็คือ..ยุบสภาฯภายใน 4 เดือน..และต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติโดยเร็ว..เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ขณะที่พรรคเพื่อไทย..นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย..และแกนนำพรรคเพื่อไทย..พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง..หัวหน้าพรรคประชาชาติ..และนายเดชอิศม์ ขาวทอง..เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์..ยกขโยงไปขอเสียงจากพรรคประชาชน เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา..โดยได้มีการหารือกับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, นายสรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน, นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคประชาชน และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน.. ซึ่งผลปรากฏว่า..การหารือครั้งนี้ไม่มีคำตอบเป็นที่ชัดเจนแต่อย่างใด..แม้พรรคเพื่อไทยยอม“นอนแบ”ให้ทุกอย่างแล้วก็ตาม
สรุปก็คือ..ทุกอย่างยังไม่นิ่ง..และขึ้นชื่อว่าการเมืองแล้ว..ไม่มีอะไรที่เป็นสูตรสำเร็จ..ประเด็นก็ยังอยู่ที่ 1.อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี..2.พรรคเพื่อไทยชิงยุบสภาฯ..ถ้าพรรคประชาชนไม่เล่นด้วย..ซึ่งกรณีนี้..ถ้าทูลเกล้าฯขึ้นไป..ขั้นตอนสุดท้ายก็อยู่ที่พระราชอำนาจ..ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 103..บัญญัติไว้ว่า“พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอํานาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎร”..และ 3.นายกรัฐมนตรีคนนอก..ที่จะมาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 5..โดยความเห็นพ้องจาก สส.ทั้งสภาฯ
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม..“เสริมสุข กษิติประดิษฐ์” นักหนังสือพิมพ์อาวุโสมืออาชีพ..ที่อยู่ในแวดวงนี้มายาวนานเกือบ 50..และทุกวันนี้เป็นผู้จัดรายการ“เป๊บซี่..ดีไหมล่ะ”ในแนวหน้าออนไลน์..ได้โพสต์ข้อความแบบ“เอ็กซ์คลูซีฟ”ชนิดที่“ลับและลึก”ลงในเฟซบุ๊ก“Sermsuk Kasitipradit”..เมื่อช่วงสายวันที่ 2 กันยายนเมื่อวานนี้ว่า
“ไปกันได้ครับ..น่าจะจบแล้ว..เหลือรอแถลงยืนยัน..ปชน.หนุน‘น้านู๋’นายกฯคนที่ 32..ส่วนลุงป้อมมาคุม กห.งานถนัด”
ไขรหัสออกมาแล้ว..ก็หมายความว่า..พรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยตกลงกันแล้วว่าไปด้วยกันได้..โดยที่“อนุทิน ชาญวีรกูล”จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32..และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ..หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ..จะเป็นรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีฯกลาโหม..หรือไม่ก็ให้‘คนนอก’อดีตนายทหารนั่งเป็นรัฐมนตรีฯกลาโหม..รวมทั้งตำแหน่งรัฐมนตรีฯคลัง..และรัฐมนตรีฯพาณิชย์..ที่จะเชิญคนนอกมานั่งเช่นกัน
นอกเหนือจากนั้น..“เสริมสุข กษิติประดิษฐ์”ยังทิ้งท้ายแบบไม่ลังเล..ชนิดฟังธงเปรี้ยงว่า..“RIP สทร.ล่วงหน้า 9 ก.ย.68 คดีโกงติดคุก!”-นั่นก็คือ“ทักษิณ ชินวัตร”ต้องกลับไปติดคุก !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี