วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้นเป็นเครื่องมือที่สำคัญของอำนาจนิติบัญญัติ คือสภาผู้แทนราษฎร ในการควบคุมรัฐบาล โดยมีอำนาจที่จะลงมติให้รัฐบาลพ้นจากตำแหน่งได้ตามกติกาหรือหลักของการตรวจสอบถ่วงดุลของระบบรัฐสภา เช่นเดียวกันกับการที่ฝ่ายบริหารโดยตัวนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการยุบสภา เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ้นจากตำแหน่ง ดังนั้นการอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลจึงเป็นมาตรการที่น่าสนใจมากการเปิดอภิปรายเพื่อไม่ไว้วางใจในเมืองไทยมีมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งอภิปรายแล้วเป็นที่พอใจก็ไม่มีการลงมติเลย และหลายครั้งมีการลงมติ แต่ไม่เคยไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้เลย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะใครเป็นรัฐบาลก็ย่อมมีเสียงข้างมากในสภาฯ จึงย่อมเป็นการยากที่จะได้เสียงลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลให้เป็นเสียงจำนวนมากเกินกว่าครึ่งหนึ่งของสภาฯได้
ครั้งนี้มาเล่าเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่จารึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยว่าเป็นการอภิปรายเพื่อไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ใช้เวลานานที่สุด นั่นคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจในปี2490 ในสมัยรัฐบาลของพลเรือตรี หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคแนวรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ฝ่ายค้านสำคัญก็คือพรรคประชาธิปัตย์ที่มีนายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวหน้ามหกรรมการเมืองครั้งนี้เกิดขึ้นในวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2490 โดยสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรค มีหัวข้อการอภิปรายที่สำคัญอยู่หลายเรื่อง เช่น เรื่องเศรษฐกิจการคลัง เรื่องความสงบภายใน เรื่องการต่างประเทศ และที่สำคัญเรื่องกรณีเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
สภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความสำคัญมากมีการอภิปรายซักถามและตอบชี้แจงโดยรัฐบาลใช้เวลาทั้งหมด 7 วันกับ 7 คืน มีการถ่ายทอดการอภิปรายหรือการประชุมสภาครั้งนี้ทางวิทยุไปทั่วประเทศ ทำให้ประชาชนได้รับรู้กันอย่างกว้างขวาง จนถึงวันที่ 27 พฤษภาคมจึงได้มีการลงมติ ผลของการลงมติลับ สภาฯได้ลงมติไว้วางใจด้วยคะแนน 86 เสียง และไม่ไว้วางใจ 55เสียง มีผู้งดออกเสียง 16 เสียง รัฐบาลชนะ แต่ในวันรุ่งขึ้น พลเรือตรี ถวัลย์ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้ขอลาออกจากตำแหน่ง เมื่อทางรัฐบาลของหลวงธำรงฯยังคุมเสียงข้างมากในสภาฯอยู่ จึงทำให้ท่านได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งรัฐบาลเข้าบริหารประเทศสืบต่อมา
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้นเป็นเสมือนการเปิดแผลของรัฐบาล เพราะมีการยกเอาเรื่องต่างๆที่แสดงถึงความไม่ดีของรัฐบาลมากล่าวหา และการกล่าวหานั้นได้เผยแพร่ไปให้ประชาชนได้ยินทั่วประเทศ แม้ทางฝ่ายรัฐบาลจะชี้แจงอธิบายได้ก็ตาม โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ถึงแม้จะเป็นนายทหารเรือแต่ก็ศึกษามาทั้งด้านกฎหมายด้วย และเป็นนักพูดที่ดี โต้คารมได้เป็นอย่างดีกับหัวหน้าฝ่ายค้านอย่างเช่นนายควง อภัยวงศ์ หลวงธำรงฯนั้นพูดเก่งจนได้ฉายาว่า “ลิ้นทอง” มีคนเชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนั้นได้เป็นเหตุสำคัญให้กลุ่มนายทหารระดับกลางที่นำโดยนายทหารนอกราชการ พลโท ผิน ชุณหะวัณ พันเอก สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และพันเอก เผ่า ศรียานนท์ นำไปอ้างในการทำรัฐประหารในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ล้มรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ และล้มรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 ซึ่งถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีฉบับหนึ่งของประเทศ โดยในระยะแรกก็ได้เชิญนายควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่เล่นงานรัฐบาลของหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาลให้ไปดำเนินการการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง หลังการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้นายควง อภัยวงศ์ ก็กลับมาตั้งรัฐบาลอีกครั้ง แต่อยู่ได้ไม่ถึงสามเดือน คณะรัฐประหารซึ่งคือคณะทหารที่ยึดอำนาจก็ได้ส่งนายทหารมาจี้สั่งให้นายกรัฐมนตรี นายควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งซึ่งนายควงก็ยอมลาออกจากตำแหน่งนายกฯในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2491
นรนิติ เศรษฐบุตร

‘หนุ่มแท่ง อารามทัวร์’ พาเที่ยว ‘วัดนาคปรก’ พร้อมชวนอร่อยตบโต๊ะ
‘ฟลุค-ลี-นาตาชา’ลงเรือหรู Norwegian Bliss
ช่อง 7HD จัดพิธีแสดงความอาลัยถวายแด่ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
‘เอ-แป้ง’ พาไปบางบ่อ ชมแหล่งผลิตปลาสลิดแปรรูปคุณภาพเยี่ยม ชวนไหว้พระ ขอพร ชิมเมนูเด็ด
‘แห้ว’ เดินทางแห่งศรัทธา สู่ความมัศจรรย์ถ้ำนาคี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี