มีความจริงประการหนึ่งว่า..ใครก็ตามที่ทอดตัวเข้าไปรับใช้“ทักษิณ ชินวัตร”ในทางที่ไม่ชอบมาพากลนั้น..มีบทเรียนปรากฏให้เห็นมานักต่อนักแล้ว..ว่ามักจะจบไม่สวยสักราย..ไม่ว่าจะข้าราชการระดับสูง..หรือรัฐมนตรีที่มีอำนาจ
จับตาดูกันต่อไปสำหรับนายภูมิธรรม เวชยชัย..อดีตรองนายกรัฐมนตรี..กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง..อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม..ที่เวลานี้ถือว่า“ตกกระป๋อง”ไร้ซึ่งอำนาจใดๆ..และได้ฝากรอยแผลให้แก่พรรคภูมิใจไทย..และ“สว.สายสีน้ำเงิน”ไว้เยอะ..โดยเฉพาะเรื่อง“คดีฮั้ว สว.”..ที่บุคคลทั้งสองได้เข้าไปเกี่ยวข้องระหว่างมีอำนาจกำกับดูแล“ดีเอสไอ”..ในสมัยรัฐบาล“แพทองธาร ชินวัตร”
ทั้งนี้..เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา..ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 2..เดินหน้าต่อเพื่อวินิจฉัยสถานะ“2 ข้าเก่าเต่าเลี้ยง”ของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร..คือ..นายภูมิธรรม เวชยชัย..และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง..ซึ่งคอยพิทักษ์ปกป้อง“นายใหญ่ทักษิณ”..อย่างพลีกายถวายชีวิต..อันเปรียบเสมือน“รัก-ยม”ที่เป็นเครื่องรางของขลังในศาสนา“พราหมณ์-ฮินดู”
โดยศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้อง..ตามที่นายมงคล สุระสัจจะ..ประธานวุฒิสภา..ได้ส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา..หรือ สว.92 คน..ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า..ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย..เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี..และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม..รวมทั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง..รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น..สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ..มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)..ประกอบมาตรา 160 (4)..หรือไม่..โดยศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องนี้ไว้พิจารณาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา..พร้อมทั้งได้สั่ง พ.ต.อ.ทวี หยุดปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับดูแล“ดีเอสไอ”จนกว่าศาลฯจะมีคำวินิจฉัย
ผู้ร้อง..คือ สว.92 คน..นำโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร..ได้กล่าวอ้างตามหนังสือคำร้องเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568..และคำร้องเพิ่มเติมฉบับลงวันที่ 2 เมษายน 2568..ว่านายภูมิธรรม เวชยชัย..ผู้ถูกร้องที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ..และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง..ผู้ถูกร้องที่ 2 ในฐานะรองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ..มีมติให้นำ“คดีฮั้วสว.”จาก กกต.มาเป็นคดีพิเศษของ“ดีเอสไอ”นั้น..เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของ กกต. โดยใช้“ดีเอสไอ”เป็นเครื่องมือแทรกแชงกระบวนการตรวจสอบการเลือก สว. อันเป็นการ“กลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำ สว.”ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ
จากการกระทำดังกล่าวของผู้ถูกร้องทั้ง 2 คน..ผู้ร้อง..คือ สว.92 คนเห็นว่า..ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม..อันถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์..และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืน..หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง..ตามรัฐธรรมนูญ..มาตรา 160 (4) และ (5)..จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ..มาตรา 170 วรรคสาม..ประกอบมาตรา 82..ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย..และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม..การที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 2..เมื่อวันที่ 30 กันยายนดังกล่าว..เพื่อเดินหน้าวินิจฉัยสถานะความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย..และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง..นั้น..แม้บุคคลทั้งสองจะพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วก็ตาม..แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี..ซึ่งนอกจากในวันข้างหน้าจะกลับมาเป็นรัฐมนตรีไม่ได้อีกแล้ว..ก็อาจจะมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีอาญาต่อไปอีก
อย่างน้อย..ก็อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา..ในหมวด 2 เกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ..เช่น..มาตรา 157 ที่บัญญัติไว้ว่า..ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน..ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ..เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด..หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต..ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี..หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท..หรือทั้งจำทั้งปรับ..เป็นต้น
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง..สำหรับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง..นั้น..อาจจะโดน“หลายเด้ง”..เพราะยังอาจจะติดร่างแหเป็นผู้ต้องหาคดี“ป่วยทิพย์-ชั้น 14”ของ“นายใหญ่ทักษิณ”..ฐาน“เป็นผู้ร่วมกระทำผิด”กับบรรดาข้าราชการประจำ 12 คน..ของกรมราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ..ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไปแล้ว..และอยู่ระหว่างทำสำนวนสั่งฟ้อง..ทั้งในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำความผิด..และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ไม่เพียงแต่เท่านั้น..พ.ต.อ.ทวี สอดส่ง ยังอาจจะโดนอีก 1 คดี..กรณีที่“ทักษิณ ชินวัตร” ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายซ้ำเป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา..หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง..สั่งบังคับโทษ 1 ปีให้“ทักษิณ”กลับเข้าไปติดคุกจริงๆ..ในเรือนจำกลางคลองเปรม..เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา..ถือว่าเป็น“คำขอซ้ำ”ซึ่งไม่น่าจะทำไม่ได้..แต่ปรากฏว่า พ.ต.อ.ทวีได้ยกฎีกาของ“ทักษิณ”ส่งต่อไปให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา..เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล พิจารณาดำเนินการต่อ
สรุปก็คือ..อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น..ว่าใครก็ตามที่ทอดตัวเข้าไปรับใช้“ทักษิณ ชินวัตร”ในทางที่ไม่ชอบมาพากลนั้น..มีบทเรียนปรากฏให้เห็นมานักต่อนักแล้ว..ว่า“จบไม่สวย”
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี