ถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัย ทางประธานรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้กำหนดการประชุมร่วมรัฐสภาไว้แล้ว ในวันที่ 14-15 ตุลาคมนี้ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 256 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15/1 ของพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย
การประชุมรัฐสภาที่จะเกิดขึ้นนี้ เป็นผลมาจากการตกร่วมกันของประธานรัฐสภา กับคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา โดยมีผู้เข้าร่วมปักหมุด อาทิ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัยสส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย ในฐานะเลขานุการวิปรัฐบาล นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ในฐานะเลขานุการวิปวุฒิสภา เข้าร่วมประชุม
วิธีการคือ ที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายเห็นว่าจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับรวมกัน แต่การลงมติในวาระที่ 1 จะแยกกันลงมติและจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการ วิสามัญเพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 จำนวน 42 คน โดยจะใช้เวลาในการอภิปรายทั้งหมดรวมการเสนอร่างทั้ง 3 ฉบับ 19 ชั่วโมงครึ่ง ทั้งนี้ การลงมติอาจจะใช้เวลานานเนื่องจากเป็นการลงมติแบบขานชื่อทีละบุคคลว่าแต่ละท่านรับ ไม่รับ หรือรับหลักการทั้ง 3 ร่าง หรือไม่รับหลักการทั้ง 3 ร่าง
นักข่าวถามประธานรัฐสภา ว่าจากการพูดคุยกัน วิป 3 ฝ่ายมีข้อกังวล เกี่ยวกับเนื้อหาอะไรบ้างหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ไม่มีข้อกังวล ซึ่งมีความเห็นร่วมกันอยู่แล้วว่าจะต้องมีการแก้ไข และการแก้ไขก็ต้องเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยที่ศาลรัฐธรรมนูญก็มีการวินิจฉัยมาทั้งหมดแล้วว่าจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้อย่างไร วิธีไหนบ้าง ที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะเป็นอย่างไร โดยในที่ประชุมมีการนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาให้ตัวแทนผู้เข้าร่วมประชุมเพื่อนำไปเป็นหลักเกณฑ์ในการอภิปรายของสส.และสว. ซึ่งหากเดินไปตามนี้เราก็สามารถที่จะพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องมีการพิจารณาถึงวาระ 1 2 และ 3 โดยมีเงื่อนไขว่าการแก้ไขได้จะต้องมีเสียงมากอย่างไร สส.ต้องโหวตได้เท่าไร เป็นเรื่องของรายละเอียดและขั้นตอนในการประชุมรัฐสภา ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาต่อไป
ด้าน สว.วุฒิชาติ กัลยาณมิตร กล่าวถึงกรณีสว. ที่จะต้องมาร่วมโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 1 ด้วย ซึ่งโมเดลของ ส.ส.ร.ที่จะต้องเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า เราดูคำวินิจฉัยฉบับเต็ม ซึ่งต้องปฏิบัติตามเพราะคำนิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ซึ่งประเด็นของ สว. เราเห็นด้วยว่า รัฐธรรมนูญบางมาตราที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทางการเมือง เรายินดี แต่ สว. ส่วนใหญ่ 80-90 เปอร์เซ็นต์ มีความเห็นตรงกันคือไม่เห็นด้วยกับการแตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่ง สว.ไม่เอาด้วยแน่นอน
เมื่อถามว่า ติดใจที่มาของ ส.ส.ร. ที่มีทั้งทางตรงและทางอ้อมหรือไม่ นายวุฒิชาติ กล่าวว่า สำหรับตนไม่ติดใจ เพราะความจริงต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลักว่าการได้มาซึ่ง ส.ส.ร. ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก โดยประชาชนไม่สามารถเลือกได้โดยตรง ซึ่งคำวินิจฉัยก็มีมาชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการพิจารณาในวันที่ 14 ต.ค.นี้ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. และจะเลิกประมาณเวลา 22.00-23.30 น. ส่วนวันที่ 15 ต.ค. คาดว่าจะสามารถเริ่มลงมติในวาระแรกได้ในเวลา 14.00 น.
จะว่าไปแล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหนนี้เป็นความประสงค์ของฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ในขณะนี้ภาคประชาชนไม่ได้ประสงค์จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่อยากให้รัฐบาลและรัฐสภาหาทางแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน มากกว่า
และยังมองไม่เห็นทางออกว่า แก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วประชาชนได้อะไรบ้าง ก็ต้องฝากความหวังไว้กับทางวุฒิสภาหากการแก้ไขรัฐธรรมนูญหนนี้ออกนอกลู่นอกทาง วุฒิสภา ต้องขวางทันที ทั้งบอกกล่าวให้ประชาชนรับรู้โดยไม่ชักช้า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี