มองย้อนประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของประเทศไทยเรา แล้วนึกถึงชื่อนายกรัฐมนตรีที่มีบทบาทนำพาประเทศไทยเป็นสำคัญ ก็จะมีเช่น จอมพล ป. พิบูลสงคราม, จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์,จอมพลถนอม กิตติขจร, พลเอกเปรม ติณสูลานนท์,พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ,นายอานันท์ ปันยารชุน,นายชวน หลีกภัย และนายทักษิณ ชินวัตร บุคคลสำคัญเหล่านี้ต่างมีความเป็นผู้นำและสามารถบริหารราชการบ้านเมืองที่บ่งบอกซึ่งฝีไม้ลายมือและความรักชาติบ้านเมือง
บุคคลสำคัญดังกล่าวทั้งหมดนี้ต่างมีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ การแวดล้อมด้วยบุคคลที่มีความสามารถ ร่วมคิดร่วมทำ ร่วมจิตร่วมใจ ร่วมอุดมการณ์กัน และในความทรงจำก็ยังระลึกถึง หลวงวิจิตรวาทการ, ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์, ดร.สมหมาย ฮุนตระกูล, นายพจน์ สารสิน, ดร.สุนทร หงส์ลดารมภ์, ดร.เสนาะ อูนากูล อีกทั้งนาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ,พลตรีจำลอง ศรีเมือง, กลุ่มบ้านพิษณุโลก นำโดยนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ จนมาถึง ดร.โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์, ดร.วีรพงษ์ รามางกูร และนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นต้น ส่วนคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีอานันท์ ปันยารชุนก็จัดได้ว่าเป็นทั้งทีมผู้คิด ผู้ทำ และเป็นผู้ร่วมบริหารประเทศด้วยส่วนคณะรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย ก็มีรัฐมนตรีหลายคนที่มีคุณภาพคับแก้ว เป็นผู้มีประสบการณ์ทางการทำงานกันมาก่อน แล้วก็มาร่วมคิดร่วมทำ
ในการนี้ผู้นำ ผู้บริหารประเทศที่ดีก็จะต้องแวดล้อมไปด้วย “บัณฑิต” หรือนัยหนึ่งมีทีมงานที่เรียกว่า “วงใน” (Inner Circle) หรือจะใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Kitchen Cabinet คณะรัฐมนตรีห้องครัวก็ได้ ซึ่งประเด็นคือผู้นำประเทศไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือประธานาธิบดีนั้น จะต้องแวดล้อมไปด้วยบุคลากรจำนวนเล็กๆ จำนวนหนึ่ง ที่จะช่วยเป็นหูเป็นตาป้อนข้อมูลและข้อแนะนำ อีกทั้งก็จะช่วยเป็นผู้ขับเคลื่อนผลักดันอยู่ด้านหลังเพื่อให้นโยบายและมาตรการต่างๆ ได้รับการปฏิบัติโดยหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งก็ต้องมีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง และความห้าวหาญ ในการที่จะเตือนสติตัวผู้นำ ไม่ให้หลงระเริงกับอำนาจและเพลิดเพลินไปกับเสียงสรรเสริญเยินยอ เพื่อจะได้คงไว้ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของชาติโดยรวมเท่านั้น
เมื่อมองย้อนกลับไปที่คณะรัฐบาลของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา, นายเศรษฐา ทวีสิน และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็ปรากฏว่ามีช่องว่างกับเรื่องกลุ่มวงในนี้ และแม้ว่านายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร จะมีคณะที่ปรึกษาอยู่ที่บ้านพิษณุโลก แต่ก็จะจัดว่าเป็นวงในมิได้ เพราะเป็นเรื่องที่ทางผู้บิดาจัดหามาให้ โดยต่างก็เป็นผู้สูงอายุ และอาจจะตกหล่นเรื่องความทันสมัย อีกทั้งช่องว่างของอายุก็ทำให้การสื่อสารระหว่างกัน และการร่วมคิดร่วมทำก็ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ ส่วนทางตัวนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็ขาดประสบการณ์การทำงาน และขาดองค์ความรู้ว่า ใครเป็นใครบ้างที่ควรจะเชิญให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ “วงใน” นี้
มาบัดนี้ประเทศไทยเรามีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทยซึ่งคณะรัฐบาลภายใต้การนำพาของ นายอนุทินชาญวีรกูล จะมีอายุความอยู่ในอำนาจหน้าที่ประมาณไม่เกิน 8 เดือน แต่จะมีเวลามากน้อยเพียงใด มิใช่เรื่องสำคัญเท่ากับว่านายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล มีทีมผู้คิดผู้ทำ ที่รู้ฝีมือ ไว้เนื้อเชื่อใจกันหรือไม่
ที่เห็นๆ กันอยู่นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ก็ยังไม่มี “วงใน” ดังกล่าว และแม้ว่าจะมีรัฐมนตรี “คนนอก” แต่ความคุ้นเคยรู้จักมักจี่ก็หามีไม่ แล้วก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างที่จะผิดแปลกไปหน่อยที่ว่า นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นเจ้าของธุรกิจการก่อสร้างขนาดใหญ่ระดับชาติ อีกทั้งก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสนามการเมืองของไทยมาร่วม 20 ปี และผู้บิดาของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ก็เป็นนักธุรกิจรายใหญ่ และนักการเมืองอาวุโสมาก่อนด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล น่าจะฟอร์มทีม “วงใน” ได้ง่ายแต่การณ์ก็มิได้เกิดขึ้น
คงจะยังไม่สายเกินไปที่นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล จะได้ทบทวนสถานะของตนเอง และนำมาซึ่งความเข้มแข็งให้กับทีมงานอย่างไม่รอช้า เพราะการทำงานแบบการใช้ไหวพริบไปวันๆ หนึ่ง หรือการต้องพึ่งพารัฐมนตรีคนนอกไม่กี่คน ไปจนถึงการรับฟังการบรรยายสรุปจากข้าราชการอาวุโสเป็นครั้งคราว ก็จะไม่เพียงพอในการบริหารและนำพาประเทศ เพราะการบริหารราชการบ้านเมืองต้องมีความลึกซึ้งและมีความชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องวิธีการที่จะบรรลุเป้าหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการพูดจาแบบกว้างๆ ผิวเผิน โดยเฉพาะวลีที่ว่า “จะทำโน่น ทำนี่” แต่สังคมไม่เคยรับรู้ว่า แล้วจะทำกันอย่างไร เริ่มต้นเมื่อไร แล้วจะแล้วเสร็จเมื่อไร ซึ่งรายละเอียดต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความเป็นผู้นำ และการมีสาระเนื้อหาในการบริหารจัดการประเทศ ก็จำเป็นที่จะต้องมีทีมผู้คิด ผู้ทำ ที่มีการอุทิศตนและมีความเก่งกล้าสามารถ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี