วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมายืนอยู่ในจุดเปราะบางอีกครั้ง หลังจากมีกระแสการทวงคืนปราสาทตาควาย ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ในเขตบ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ที่ 17 ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก และดูเหมือนกำลังจะกลายเป็นประเด็นใหม่และใหญ่มากพอที่อาจสั่นคลอนต่อการดำรงอยู่ของปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา
แม้ฝ่ายกองทัพไทย ใช้ภาษาทางทหารว่าเราแค่เสียการควบคุม แต่ไม่ได้สูญเสียปราสาทก็ตาม แต่ถ้าแปลเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ ไทยเสียปราสาทตาควายให้เขมรไปแล้ว ตั้งแต่หลังมีการประกาศหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เวลาเที่ยงคืน และต่อมาได้มีการลงนามในข้อตกลงเพื่อยึดมั่นการหยุดยิงอย่างเคร่งครัดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568
กรณีปราสาทตาควายคือหนึ่งในประเด็นอ่อนไหวที่บาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของคนไทย นอกเหนือจากเรื่องการบาดเจ็บและเสียชีวิตของทหาร รวมถึงพลเรือนไทยถูกโจมตีด้วยจรวดอย่างตั้งใจของกัมพูชา ทำให้เด็กและผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยเสียชีวิตจำนวนนับสิบราย เพราะฉะนั้นเมื่อสันติภาพที่ตั้งอยู่บนความรู้สึกสูญเสียอัดอั้น จึงกลายเป็นสิ่งที่ต้องทวงคืนกลับมา
ที่สำคัญคือ ในส่วนของผู้นำเหล่าทัพ ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม และพล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ต่างออกมายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ปราสาทตาควายเป็นของไทย ยังไงก็ไม่ยอม ต้องหาทางเอาคืนมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่จบ และหากไม่สามารถเคลียร์เรื่องประสาทตาควายได้ ก็จะไม่คุยเรื่องอื่นอีกต่อไป
มีการพูดถึงวิธีการทวงคืนปราสาทตาควาย นอกจากทำเรื่องร้องไปยังองค์กรระหว่างประเทศว่ากัมพูชาทำผิดอนุสัญญาเจนีวา เรื่องการใช้โบราณสถานเป็นฐานที่มั่นทางทหาร รวมไปถึงการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลล้อมรอบปราสาทที่ผิดอนุสัญญาออตตาวาแล้ว ก็ยังเหลืออีก 2 วิธีคือใช้กำลังบุกตีคืนมาเลย และพึ่งพาเทคโนโลยี LiDAR เพื่อพิสูจน์เขตแดน
ใน 2 วิธีสุดท้ายนี้ มีข้อดี-ข้อเสียต่างกันอย่างแรก ถ้าจะบุกตีคืนมาเลย ได้มาแน่และเร็วด้วย แต่ฝ่ายกองทัพประเมินว่า ทหารจะตายเป็นร้อย จะยอมหรือไม่ ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ทักท้วงว่าไทยจะตกเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชาเสียเอง อาจกลายเป็นลบในสายตานานาชาติ และถูกกดดัน-ตอบโต้จนเกิดปัญหาทับซ้อนอีก จุดยืนที่เรายึดมาตลอดก็พังครืนเสียหาย
อีกวิธีคือ ใช้เทคโนโลยี LiDAR เพื่อพิสูจน์พื้นที่ แต่วิธีนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร ต้องให้เสร็จสิ้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วเสียก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ข้อดีแม้จะช่วยลดการสูญเสียทางทหาร แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่า เมื่อใช้จริงแล้ว ประเทศไทยจะได้หรือเสียดินแดนแค่ไหน อย่างไร แล้วถ้าเสียดินแดนจะยอมรับกันได้หรือไม่
ยังมีข้อแนะนำที่น่าสนใจจากพล.ท.บุญสินพาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ยืนยันว่า ปราสาทตาควายยังเป็นของไทยอยู่ และวิธีการต้องเริ่มจากผู้ใหญ่ที่มีอำนาจต้องคุยกัน เริ่มจากเบาไปหาหนัก ตั้งแต่ทำหนังสือประท้วง ยกหูโทรศัพท์เจรจา ส่วนการใช้กำลังเป็นวิธีสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม เรื่องปราสาทตาควายนี้ฝ่ายไทยต้องกำหนดยุทธศาสตร์ให้รอบคอบ และรัดกุมที่สุด เนื่องจากกัมพูชายังคงวางกำลัง สร้างแนวบังเกอร์เอาไว้อย่างแน่นหนา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะยอมถอนกำลังและคืนปราสาทให้กับไทย ขณะที่คนไทยก็คงไม่ยอมง่ายๆ ที่จะสูญเสียปราสาทนี้ไปเช่นกัน ฉะนั้นนี่จึงเป็นระเบิดเวลาที่แขวนอยู่บนปฏิญญาสันติภาพ

ยึดทรัพย์‘ลี ยงพัด’ ห้องชุด-ที่ดินค่ากว่า400ล. ศาลออกหมายจับแล้ว5คน
‘นีญ่า BNK48’ น้ำตาไหล! รับตำแหน่งตัวแทนทูตวัฒนธรรมไทย-จีน
ไม่เห็นรบ.ทำผิดร้ายแรงจนต้องซักฟอก ‘ปชน.’อุ้ม‘อนุทิน’ ยินดีรอรบ.จัดการสแกมเมอร์
‘นีญ่า BNK48’ น้ำตาไหล! รับตำแหน่งตัวแทนทูตวัฒนธรรมไทย-จีน
แสดงความยินดี TG GIRL คนแรกของประเทศไทย ‘เนเน่–ธนิดา’ สาวน้อยมากความสามารถ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี