วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า..“เทาหรือดำ” น่าตกใจ เกาหลีใต้ระบุพาดพิงไทยมีชื่อนักการเมืองไทยเกี่ยวข้องสแกมเมอร์ ในเขมรมากถึง 7 คน เปิดชื่อเมื่อไร มีวงแตก ทำไมเรามีคนเทาๆ ดำๆ เป็นนักการเมืองใหญ่
หรือเพราะเรามีนักธุรกิจมาเล่นการเมือง อะไรที่เคยขาวๆ เลยกลายเป็นเทาๆ ดำๆ นายกฯต้องเอาจริงเอาจังมากกว่านี้สแกมเมอร์ข้างบ้านจะไม่ฟอกเงินในไทยหรือเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เชื่อว่ามีนักการเมืองแน่สั่งการไปเลย มีหน่วยราชการที่มี อำนาจหน้าที่อย่ามัวตั้งกรรมการหาข้อมูล เสียเวลาประชาชี ไฟจะไหม้บ้านอยู่แล้ว จะทำอะไรก็รีบทำอย่าให้เสียชื่อประเทศไทยเพราะความเกรงใจ
ผู้ใช้นาม สุธี คำทา คอมเมนต์โพสต์ นายนันทิวัฒน์ว่า..จำได้ไหม ตู้ห่าว บริจาคเงินเข้าพรรค พปชร. และมีเมียเป็น ตร.หญิงยศนายพัน และได้สัญชาติไทย นี่คือเรื่องเลวๆ ในการเมืองไทย
อาจารย์ทรงฤทธิ์ โพนเงิน นักวิชาการเชี่ยวชาญประเทศลุ่มน้ำโขงกล่าวว่า ตู้ห่าว เป็นหนึ่งในแก๊ง 14 K ที่หนีการปราบปรามจากจีนแผ่นดินใหญ่ มาอาศัยบารมีนักการเมืองไทย และมีแก๊ง 14 K อีกหลายคนที่นักเมืองไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง และนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับจีนสีเทา ล้วนเป็นนักการเมืองบ้านใหญ่ และนักการเมืองขาใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองที่ ฮุนเซนขู่จะแฉความชั่วร้ายหลายครั้งแล้ว แต่ทรราชแห่งกัมพูชาก็เป็นแค่คนปากกล้าขาสั่น ไม่เคยแฉออกมา เพราะหากพูดออกมาวันไหนมันก็กลายเป็นหลักฐานว่า นักการเมืองไทยหลายคนสมคบกับฮุนเซน สร้างเครือข่ายไซเบอร์สแกมในกัมพูชา
ชาวบ้านแถวภาคเหนือภาคอีสาน เคยเห็นจนชินตาว่า นักการเมืองขาใหญ่เช่าเครื่องบินส่วนตัวกับตู้ห่าว เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในขณะร่วมงานกับรัฐบาลลุง
หลังจากลุงพ้นจากทำเนียบรัฐบาลไปอยู่ในที่ปลอดการเมือง นักการเมืองขาใหญ่ ก็กลับไปเป็นมือขวานักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ ไปไหนมาไหนด้วยกัน ในบางครั้งมีรายงานว่า นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์กับนักการเมืองขาใหญ่ใช้เรือยอชต์ของเจ้าพ่อไซเบอร์สแกม ล่องทะเลอันดามัน
นายนันทิวัฒน์ จึงมีเหตุผลที่จะตกใจแทนรัฐบาลเฉพาะกาล ถึงแม้สถานทูตเกาหลีใต้และรัฐบาลปฏิเสธว่าเป็นเฟคนิวส์ เพราะรัฐบาลอาจมีอันเป็นไปหากฝ่ายค้านพิสูจน์ได้และนำเรื่องเลวร้ายไปอภิปรายในสภาว่า นักการเมืองขาใหญ่เป็นหนึ่งในเจ็ดคนดังที่ Fake News ปล่อยออกมา
สมาชิกแก๊ง 14 K ที่ใช้ประเทศไทยเป็นที่ฟอกตัวฟอกเงินไม่ใช่มีเพียง ตู้ห่าว ที่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ยกฟ้อง ข้อหายาเสพติด-ฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เมื่อวัน 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา วันนี้จึงถือว่านายตู้ห่าวฟอกขาว เป็นผู้บริสุทธิ์ หากอัยการไม่อุทธรณ์ หรือไม่มีคดีใหม่
นายลี ยงพัด คนสนิทฮุนเซน ที่ถูกสหรัฐอายัดทรัพย์ ฐานเป็นอาชญากรรมเกี่ยวข้องไซเบอร์สแกมในกัมพูชาก็สนิทสนมกับนักธุรกิจการเมืองไทย
นายฉือ จื้อเจียง เป็นหนึ่งในแก๊ง 14 K ตัวสำคัญที่จีนต้องการตัวมาก ก็ถูกจับในกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2565 ขณะกำลังรับประทานอาหารกับบุคคลในแวดวงชนชั้นสูงคนหนึ่งของไทย จากนั้นถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
นายฉือ ปัจจุบันติดคุกอยู่ในประเทศไทย คือ ผู้บริหารกลุ่มทุนผู้สร้างเมือง ชเวโก๊กโกในเมียนมา ที่ถูกสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรขึ้นบัญชีดำยาเสพติด ค้ามนุษย์และธุรกรรมผิดกฎหมาย ขณะนี้ศาลยังไม่มีคำพิพากษาว่าจะส่งตัวกลับไปจีนตามคำขอของรัฐบาลจีนหรือไม่
ศาลอาญามีคำสั่งเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ให้ส่งตัวนายฉือไปประเทศจีน เพื่อดำเนินคดีความผิดฐานเปิดบ่อนกาสิโนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามคำร้องของรัฐบาลจีน นายฉืออุทธรณ์คำสั่งนี้ การส่งตัวให้จีนจึงรออยู่ที่ศาลพิจารณา
วันนี้ 15 กรกฎาคม 2568 ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีนำหมายศาลเข้าตรวจค้นเป้าหมายบ้านครอบครัวนายก๊ก อาน นายทุนชาวกัมพูชา เจ้าของฐานบัญชาการเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ในปอยเปต
บ้านหลังนี้มีข้อมูลว่านายก๊กอันและครอบครัวจะใช้พักอาศัยร่วมกันเวลาเดินทางมาประเทศไทย วันที่ 8 กรกฎาคม ศาลออกหมายจับเป้าหมายหลัก คือ นายก๊ก อาน แต่วันที่ 15 ศาลออกหมายจับเพิ่มให้อีก 3 หมาย ประกอบด้วย นางสาวจุรี นายกิตติศักดิ์ และ นางสาวภูเฌอหลิน ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นบุตรชายและบุตรสาวของนายก๊ก อาน
จากข้อมูลการสืบสวนรายงานว่าทั้ง 3 คน ถือครองบัตรประชาชนคนไทย จึงอนุมานได้ลูกๆนายก๊ก อาน ได้สัญชาติไทย และซื้อบ้านในเมืองไทยหลายหลังมิได้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากนักการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
คดีออกหมายจับ ก๊ก อาน ที่สื่อพาดพิงถึง ฮุนเซน เป็นเหตุให้ฮุนเซน ในฐานะบิดา ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ท้าทายให้สอบสวน ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยด้วย เขากล่าวว่าเมื่อกล่าวหาว่าผมสนิทกับ ก๊ก อาน ผมถามว่าศาลไทยกล้าสอบสวนทักษิณ ชินวัตร ไหม เพราะทักษิณก็สนิทกับผมเหมือนกันถึงกับมีห้องนอนส่วนตัวในบ้านผม
นอกจากกรณี ตู้ห่าว และ ก๊ก อาน ที่มีข้อครหาว่า สนิทสนมกับนักการเมืองไทยแล้ว นายเฉิน จื้อ ที่มีเรื่องอื้อฉาวทั่วโลกและสั่นคลอนรัฐบาลกัมพูชาอยู่ขณะนี้ เมื่อสหรัฐ สั่งอายัดคริปโตเคอเรนซีมูลค่า 4.9 ล้านบาท และสั่งตัดนายเฉิน จื้อ ออกจากระบบการเงินของอเมริกา ในเวลาเดียวกัน สหราชอาณาจักรสั่งอายัดทรัพย์สินนายเฉิน จื้อ กว่า 100 ล้านปอนด์ ฐานเป็นเจ้าของไซเบอร์สแกมรายใหญ่ในกัมพูชา
ด้านรัฐบาลเกาหลีใต้ ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ประณามว่า“กัมพูชาเป็นเมืองอาชญากรรม” หลังจากนักศึกษาเกาหลีวัย 22 ปีถูกทรมานจนตายในแหล่งไซเบอร์สแกม รัฐบาลเกาหลีใต้ปราบปรามไซเบอร์สแกมอย่างจริงจัง ส่งเครื่องบินเช่าเหมาลำไปรับตัวผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ 64 คน กลับไปดำเนินคดีในเกาหลีใต้ ข้อหาร่วมกันก่ออาชญากรรมไซเบอร์สแกมในประเทศกัมพูชา
และเมื่อติดตามข่าวลึกลงไปพบว่า นายเฉิน จื้อ ไม่ใช่คนแปลกหน้า เขาเคยเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยหลายครั้ง เมื่อทางการไทยทราบว่า เขามีหมายจับในประเทศจีน ตำรวจไทยแทนที่จะจับตัวเฉิน จื้อ ส่งให้จีนดำเนินตามคำขอกลับจับตัวนายเฉิน จื้อ เรียกค่าไถ่
มีรายงานว่า 11 พฤศจิกายน 2557 ขณะที่เฉิน จื้อ ออกจากโรงแรมย่านประตูน้ำ มีรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำ กับ รถจักรยานยนต์ตามประกบ ก่อนจะมีชายฉกรรจ์อ้างว่า นายเฉิน มีหมายจับจากประเทศจีนแล้วพาตัวขึ้นรถและขับออกไปทาง ซอยราชปรารภ 3 โดยมีรายงานว่า มีการเรียกค่าไถ่มากถึง 100 ล้านบาท
ต่อมา นายเฉิน จื้อ ได้ส่งข้อความกลับมาหาครอบครัวว่าได้รับการปล่อยตัวแล้วที่ประเทศกัมพูชา แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ นายเฉิน จื้อ ปฏิเสธที่จะเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในประเทศไทย
น่าประหลาดใจ ที่ 11 ปีหลังจากถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ในไทย นายเฉิน จื้อ โผล่เป็นนักธุรกิจใหญ่เจ้าของ Prince Group ในกัมพูชา มีทั้งบ่อนการพนัน และสถานบันเทิงครบวงจร รวมทั้งธุรกิจด้านการธนาคาร การเงิน มีการตั้ง Prince Bank ดำเนินการเป็นธนาคารพาณิชย์ในกัมพูชาเต็มรูปแบบ มีรายงานว่า Prince Bank เป็นแหล่งฟอกเงินใหญ่ที่สุดในกัมพูชา
การติดตามข่าว แก๊งอาชญากรรมข้ามชาติพบว่า หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสมาชิกแก๊ง 14 k ตัวใหญ่ที่ถูกออกหมายจับในประเทศไทย ล้วนแต่คุ้นเคยกับนักการเมืองขาใหญ่ และ
นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ตลอดถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
จึงไม่เป็นธรรมกับประเทศไทย เมื่อมีคนนำไปเปรียบเทียบกับเกาหลีใต้ เนื่องจากบริบทสังคมการเมืองไม่เหมือนกัน สังคมเกาหลีใต้ประชาชนของเขาเข้มแข็งสามารถกดดันรัฐบาลให้จัดการกับอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชาได้อย่างจริงจัง เนื่องจากนักการเมืองเกาหลีใต้ไม่ใช้เงินสกปรกมาซื้อเสียงเข้าสภานักการเมืองเกาหลีใต้จึงเกรงใจประชาชน
นักการเมืองในเกาหลีใต้ และในญี่ปุ่น เขามีสปิริตไม่หน้าด้านเหมือนการเมืองไทย เมื่อมีข้อครหาบางคนลาออก บางคนฆ่าตัวตาย ซึ่งแตกต่างจากนักการเมืองไทยขนาดศาลตัดสินลงโทษเด็ดขาดแล้วยังอ้างว่า เป็นนิติสงครามบ้าง ถูกกลั่นแกล้งบ้าง
ดังนั้น เมื่อเกาหลีใต้กล่าวว่า นักการเมืองไทยเกี่ยวข้องกับไซเบอร์สแกมถึง 7 คน หากมีนักการเมืองไทยเลวร้ายไปสมคบกับอาชญากรรมข้ามชาติจริง ก็ต้องโทษคนไทยที่ขายสิทธิ์ขายเสียง เราจึงได้นักการเมืองเลวทรามชั่วช้า นำเงินจากการคอร์รัปชั่น จากบ่อนการพนัน จากคอลเซ็นเตอร์ มาซื้อเสียงเข้าสภา และนำเงินดำมาซื้ออำนาจบริหาร
ต้นต่อของความเลวร้ายทั้งปวงจึงเกิดได้เพราะคนไทย (ส่วนใหญ่) ไร้จิตสำนึกขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวม จะโทษประเทศไทยโดยรวมไม่ได้ ต้องโทษคนไทยที่ไร้สติปัญญา ที่เลือกคนชั่วช้าเข้าเป็นเสนาบดี
สุทิน วรรณบวร

'ราชภัฏบุรีรัมย์'แปรอักษร น้อมรำลึก'สมเด็จพระพันปีหลวง'
พิษน้ำท่วม! 'ผักชี'ราคาพุ่ง 280 บาทต่อกิโล ผักต่างๆ พาเหรดขึ้นตาม
รัฐบาลไทยย้ำข้อเท็จจริงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เดินหน้าชี้แจงนานาชาติต่อเนื่อง
เจ้าพระยาล้น ‘อ่างทอง-สิงห์บุรี-อยุธยา’อ่วม ‘เขื่อนภูมิพล’ยังไม่ระบายเพิ่ม
'ธัญญ่า อาร์สยาม'เปิดอาการเบื้องต้น คอขยับไม่ได้ ตรวจพบ'หมอนรองกระดูกฉีกขาด'

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี